เป็นเรื่องที่แข่งกันมาอย่างยาวนานครับกับยอดการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบน Play Store บน Android กับ App Store ของ iOS ที่ถึงแม้ว่า Play Store ของ Android จะเปิดตัวมาทีหลังนั้น(เพราะว่าระบบปฎิบัติการ Android เปิดตัวหลัง iOS) แต่ใช้เวลาไม่นานนักยอดการดาวน์โหลดของแอปพลิเคชันบน Play Store ของ Android ก็สามารถเอาชนะ App Store ของ iOS ไปได้อย่างงดงามตั้งแต่ในปี 2013 และยังมีแนวโน้มที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนมาในปี 2015 ที่ผ่านมานั้นยอดดาวโหลดแอปพลิเคชันบน Play Store ของ Android ก็มากกว่า App Store ของ iOS ไปถึง 2 เท่าแล้วครับ
ยอดการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของทั้ง 2 ระบบปฎิบัติการนั้นถูกเก็บข้อมูลโดย App Annie ครับ ซึ่งทาง App Annieได้บอกเอาไว้ว่าในช่วงปี 2015 ที่ผ่านมานั้นยอดดาวน์โหลดของแอปพลิเคชันบน Play Store ของ Android นั้นเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินเดีย, เม็กซิโกและตุรกี สาเหตุหนึ่งนั้นก็เพราะว่าสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตระบบปฎิบัติการ Android นั้นมีราคาถูกครับ เมื่อกลับมาดูที่ประเทศใหญ่ๆ อย่างสหรัฐอเมริกาที่มีกำลังซื้อค่อนข้างที่จะสูงกว่าทิศทางของการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันก็ยังเป็นไปเช่นเดียวกันกับที่อื่นๆ คือ Play Store ของ Android นั้นมาแรงกว่าครับ
กราฟแสดงยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของ Play Store และ App Store ตั้งแต่ปี 2013 – 2015
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ายอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบน Play Store ของ Android จะโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและมากกว่า App Store ของ iOS ถึง 2 เท่า แต่เมื่อพูดถึงเรื่องของการทำรายได้แล้วนั้นพบว่า App Store ของ iOS กลับทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจนครับ ถึงแม้ว่าทาง App Annie จะไม่ได้บอกตัวเลขรายได้ของ Play Store และ App Store ออกมาอย่างเป็นทางการแต่ก็ได้บอกเอาไว้ครับว่ารายได้ของ App Store ประจำปี 2015 สูงกว่า Play Store ถึง 75% ด้วยกัน โดยยอดรายได้ดังกล่าวนั้นได้รวมทั้งแอปพลิเคชันที่ต้องจ่ายเงินตั้งแต่ครั้งแรกที่ซื้อและรายได้ประเภท in-app purchases ไว้แล้วครับ
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือในตลาดประเทศจีนนั้นพบว่ามียอดการซื้อแอปพลิเคชันบน App Store ของ iOS เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2014 มาปี 2015 ครับ ด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ถือว่าเพิ่มเป็น 2 เท่าเลยทีเดียว เมื่อถามต่อไปว่าเรื่องดังกล่าวนี้จะมีผลกระทบกับผู้ใช้ไหมคำตอบนั้นบอกได้เลยครับว่ามีอย่างแน่นอนเนื่องจากว่าผู้พัฒนาบางรายอาจจะใส่ใจในเรื่องรายรับมากกว่าแล้วหันไปพัฒนาแต่แอปพลิเคชันลงบน App Store ของ iOS แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นครับ
ที่มา : theverge