อะไรคือ Dell Latitude 12 Rugged Tablet หรือ? ง่ายๆ เลยคือ การเป็นแท็ปเล็ตที่ออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมในแบบต่างๆ ไม่ว่าจะ เปียกฝนหรือเลอะโคลนตามการใช้งานในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในไซต์งาน งานสำรวจบุกเบิกหรือจะเป็นวันที่ฝนตกปรอยๆ ซึ่งงานในแต่ละอย่างนี้จำเป็นต้องทนต่อสภาพการทำงานได้ดี
เช่นเดียวกับมาตรฐานความทนทาน IP65 ซึ่งทนทั้งน้ำและฝุ่น พร้อมกับปุ่มยางกันกระแทกทั้งสี่มุม แบตเตอรี่แบบคู่ ที่สามารถถอดเปลี่ยนแบบ Hot-swap ได้ทันที และหน้าจอสัมผัสที่สามารถทำงานได้ในสภาวะที่เปียกหรือขณะที่ใส่ถุงมือได้อีกด้วย
แม้รูปแบบการใช้งานดังกล่าวจะไม่ได้อยู่ในชีวิตประจำวันของใครหลายคน ผู้ใช้ส่วนใหญ่ยกเว้นกลุ่มที่เป็นผู้เชี่ยวชาญหรือทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความยุ่งยาก ซึ่งน่าจะทำให้เหมาะกับการลงทุนในแง่ของการใช้งานภาคสนามมากกว่า
การออกแบบและคุณสมบัติทั่วไป
สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของแท็ปเล็ตขนาด 12 นิ้วนี้อยู่ที่ หน้าจอแสดงผล 1366 x 768 pixels พร้อมหน่วยประมวลผล Intel Core M-5Y10c หรือ Core M-5Y71 ที่มีทั้งแบบแรม 4GB หรือ 8GB รวมถึงตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD 128GB
องค์ประกอบของหน้าจอและภายในตัวเครื่อง ทนต่อแรงกระแทก ทนน้ำและฝุ่น น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1.62 กิโลกรัม ด้วยมิติ 312 x 203 x 24 มม. หน้าจอมีที่ครอบพลาสติกที่มีกรอบยางอย่างหนาคลุมไปทั้งสี่มุม ส่วนที่เหลือของบอดี้ผลิตจากพลาสติกที่มีความแข็งแกร่งพิเศษ ทนต่อการทุบกระแทก รวมถึงการเกิดรอยขูดขีด ที่สำคัญคือ ไม่แตกหรือทำลายได้ง่ายๆ ทุกพอร์ตเชื่อมต่อภายนอกถูกปิดด้วยยางที่หนา เพื่อให้กันน้ำและฝุ่นละอองให้ได้มากที่สุด
แต่คงไม่มีอะไรที่เด่นไปกว่าระบบระบายความร้อนด้วยพัดลมสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ภายใน และใช้เทคโนโลยีป้องกันของเหลว HzO สำหรับการป้องกันไม่ให้น้ำใดๆ ให้เกิดความเสียหายกับชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องได้
สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะถ้าคุณต้องใช้งานอุปกรณ์ที่ใกล้กับน้ำ เช่นบ่อน้ำหรือน้ำทะเล ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปยังช่องว่างต่างๆ ได้ เพื่อให้ตัวเครื่องมีความปลอดภัย แม้ในการใช้งานในสภาวะที่เสี่ยงหรือในสภาพแวดล้อมของงานนั่นเอง
มองไปที่พอร์ตการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ประกอบด้วย USB 3.0 ที่อยู่ทางด้านขวาและ mini-VGA ที่อยู่ด้านใต้ของตัวเครื่อง รวมถึงพอร์ตในการต่อที่ชาร์จ นอกจากนี้ที่ขอบด้านบนซ้าย ยังมีช่องต่อหูฟังและ MicroSD รวมถึงพอร์ต mini-HDMI ขอบด้านบนสามารถเลื่อนได้ เพื่อให้ครอบปิดเว็บแคม รวมถึงช่องสำหรับร้อยสาย ที่เป็นออพชั่นที่ซื้อเพิ่มได้
เช่นเดียวกับสายคล้องไหล่และสายคล้องมือ ที่สามารถซื้อฝาปิดคีย์บอร์ด ขาตั้ง เคส สไตลัส รวมถึงโมดูลสำหรับการต่อขยายพอร์ตต่อพ่วง (2x USB 3.0, Ethernet) บาร์โค๊ตและตัวอ่านแถบแม่เหล็ก รวมไปถึงอุปกรณ์พิเศษอย่าง กล้องด้านหลังพร้อมแฟลช ตัวอ่านลายนิ้วมือ แบตเตอรี่แบบคู่และสไตลัส นอกจากนี้ยังรวมถึงสไตลัส รวมถึงการ์ดพลาสติกฉุกเฉินขนาดเล็กที่ภายในมีไม้บรรทัดและเครื่องมือแปลงค่าอยู่ด้านข้าง
ฟีเจอร์การใช้งานอยู่ที่ปุ่มด้านหน้า โดยที่ปุ่มเพาเวอร์จะมีไฟเรืองแสง พร้อมปุ่มกดอีกจำนวน 7 ปุ่ม แต่ที่น่าเศร้าคือ ไม่ได้มีไฟเรืองแสงที่ปุ่ม Windows Start แต่อย่างใด นอกจากนี้ก็ยังมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มล็อคหน้าจอ รวมถึงปุ่มสำหรับโปรแกรมอีก 3 ปุ่ม แต่คงจะดีกว่าหากได้มีปุ่มสำหรับควบคุมความสว่างได้ตามสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะได้นำไปใช้ได้มากกว่าการเป็นปุ่มสำหรับโปรแกรมอื่นๆ เช่นนี้
นอกจากนี้ยังมาพร้อมการเชื่อมต่อ WiFi 802.11ac และ Bluetooth 4.0 เพื่อให้คุณสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงในประเทศ นอกจากนี้ยังมีออพชั่นในการใช้ GPS และ 4G LTE สำหรับอัพเกรดในการเล่นอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้
หน้าจอแสดงผล
คุณภาพในการแสดงผลที่ชาญฉลาดของหน้าจอแท็ปเล็ตรุ่นนี้ ซึ่งดูแล้วการใช้งานทั่วไปก็น่าจะเพียงพอ สำหรับความละเอียด 1366 x 768 pixel เพราะไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือหรือองค์ประกอบต่างๆ ก็ดูจะใหญ่พอให้อ่านได้ชัด นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการใช้หน่วยประมวลผลที่น้อยลงและลดการใช้พลังงานไปในตัว
หน้าจอความสว่างสูงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานภายนอกสถานที่ ซึ่ง Latitude 12 Rugged Tablet ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เพราะด้วยค่าความสว่างสูงสุดที่แานได้ถึง 667nits ที่ถือว่าเป็นความสว่างที่มากกว่าโน๊ตบุ๊คและแท็ปเล็ตโดยทั่วไปอยู่มาก
นอกจากนี้ยังมีความคมชัดสูง เพื่อไม่ให้ดูจางลง เมื่อเปิดความสว่างหน้าจอมากๆ ด้วยความคมชัดที่วัดออกมาได้มากกว่า 1000 : 1 โดยที่ Latitude 12 Rugged Tablet ให้ตัวเลขได้มากถึง 1291 : 1 นั่นก็หมายความว่า หากใช้งานพื้นฐาน ก็จะได้ภาพที่คมชัดมากขึ้น ในส่วนของการทำงานอื่นๆ ของหน้าจอ ก็จะมีเรื่องของมุมมองหน้าจอ (View angle) ที่ทำได้ดี แต่จะมีส่วนของ White balance ที่ออกสีฟ้ามาไปนิดหน่อยเท่านั้น
ระบบสัมผัสและสไตลัส
การตอบสนองความไวในของระบบสัมผัส อยู่ในระดับที่น่าประทับใจ แม้ว่าจะใช้พาแนลที่ต้องมีความทนทานก็ตาม ก็ยังสามารถใช้แค่เพียงการแตะสัมผัสเท่านั้น ซึ่งก็รวมถึงการใช้งานผ่านถุงมือได้อีกด้วย และแม้จะในสภาวะที่หน้าจอเปียกก็ตาม รวมถึงการใช้งานใต้ผิวน้ำอีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับการทำงานบน Window 8 แต่ถ้าจะให้ดีก็อัพเกรดไปเป็น Windows 10 ก็น่าสนใจไม่น้อย
การใช้งานสไตลัส ก็จะยิ่งง่ายต่อการทำงานร่วมกับอินเทอร์เฟสของวินโดวส์ และดูน่าประทับใจมากกว่าการใช้งานอื่นๆ อย่างน้อยก็เรื่องของการเขียนและลายเซ็น รวมถึงการป้อนข้อมูลด้วยการเขียน ที่รวดเร็วและสะดวกมากขึ้น แต่ที่น่ากังวลก็คือ ด้วยขนาดที่เล็กน่ารักและดูไม่ทันสมัยมากนัก พร้อมสายที่ดูเหมือนโทรศัพท์รุ่นเก่าๆ ที่น่าจะมีให้เปลี่ยนใช้งานได้บ้าง
กล้องถ่ายภาพ
กล้องทั้งสองของแท็ปเล็ตรุ่นนี้ถือเป็นแบบพื้นฐาน กล้องหน้ามาพร้อมความละเอียด 1920 x 1080 pixels และไม่มีแฟลชและกล้องหลัง 1280 x 720 pixels พร้อมแฟลช LED ซึ่งก็ถ่ายภาพได้กำลังพอเหมาะในการเก็บภาพประทับใจในบางขณะ ส่วนกรณีที่ถ่ายในบริเวณแสงน้อย รายละเอียดก็จะหายลงไปบ้างในการทำงานของกล้องทั้งสองนี้
ประสิทธิภาพในการทำงาน
เริ่มต้นก็ต้องดูที่ความทนทานอันเป็นเอกลักษณ์ของแท็ปเล็ตรุ่นนี้ ด้วยการลงไปคลุกกับโคลนแบบเต็มๆ แล้วลองล้างออกด้วยน้ำ ซึ่งผลที่ออกมาคือ ต้องใช้เวลาในการล้างโคลนออกจากช่องเล็กๆ และรอยต่อต่างๆ แต่ก็ล้างทีเดียวออก ไม่ได้วุ่นวายมาก พร้อมสำหรับการทดสอบต่อไปได้ทันที เพียงแต่อาจต้องจำไว้อย่างว่า แม้จะเป็นอุปกรณ์แบบ Waterproof แต่ก็อาจจะไม่รอด หากเราจุ่มมันลงไปในน้ำ
แต่ถ้าไม่ทดสอบตามแบบแท็ปเล็ตรุ่นอื่นๆ ก็คงจะดูไม่ดีนัก จึงจัดการทดสอบ CPU Cinebench R15 ให้ผลคะแนน 149 อยู่ในระดับเดียวกับรุ่นอื่นที่ใช้ซีพียู Intel M-5Yxx ซึ่งจะใช้พลังงานประมาณครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คอัลตร้าบุ๊กทั่วไป
นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถจากการทดสอบบน PCMark7 ซึ่งให้ผลจากกราฟฟิกและความเร็วในการจัดเก็บข้อมูลที่โดดเด่น ด้วยคะแนนที่สูงถึง 3877 ซึ่งหากเทียบกับโน๊ตบุ๊คจะอยู่ที่ประมาณ 5xxx ขึ้นไป
อย่างไรก็ดี หากจะหวังผลการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์หนักๆ ก็คงไม่ใช่ แต่จะเห็นการทำงานของระบบอยู่ประมาณครึ่งเดียว เมื่อใช้งานเปิดเว็บเบราว์เซอร์หรือใช้งานพื้นฐาน แต่ก็ยังดีพอสำหรับการเล่นวีดีโอและดู Google Map ได้ไม่ยาก
ระยะการทำงานของแบตเตอรี่
ระดับความประหยัดพลังงานของ Latitude 12 Rugged Tablet นี้ ค่อนข้างพอเหมาะ ด้วยแบต 26Wh และมีถึง 2 ก้อน จึงทำให้ใช้งานได้นานถึง 12 ชั่วโมง 36 นาที นั่นก็จะเท่ากับโน๊ตบุ๊คที่มีระยะการใช้งานนานๆ เลยทีเดียว ด้วยการทดสอบบนความสว่าง100nits ซึ่งการใช้งานจริงก็น่าจะยังนานกว่า 10 ชั่วโมงแน่นอน แต่นอกจากนี้ก็ยังสลับเปลี่ยนแบตออกได้อีกด้วย
Conclusion
Latitude 12 Rugged Tablet ให้ความทนทานในแง่ของการใช้งาน และสะดวกสำหรับการทำงานนอกสถานที่ ด้วยการออกแบบอย่างดี ให้ทนต่อฝุ่นและน้ำ มีหน้าจอแสดงระบบสัมผัสที่ตอบสนองได้ไว ให้ประสิทธิภาพที่เพียงพอสำหรับซอฟต์แวร์พื้นฐานทั่วไป กับสนนราคาที่ 1369 ปอนด์หรือประมาณ 70,xxx บาท สำหรับรุ่นที่ไม่มี GPS และ 1469 ปอนด์ (76,xxx บาท) สำหรับรุ่นมี GPS แต่รุ่นที่มีหน้าจอความละเอียดสูงที่มากับ 4G และพอร์ตที่มีการป้องกันที่ดีมากขึ้น แต่ไม่มีแบตคู่ ราคาจะมากกว่า 2000 ปอนด์ (100,xxx บาท) ขึ้นไป ก็จัดว่าเป็นแท็ปเล็ตเฉพาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้บางกลุ่มและบางงาน แต่ก็ความอึดทน และฟีเจอร์บางส่วนก็น่าจะตอบโจทย์ผู้ใช้ทั่วไปได้ เพียงแต่สนนราคาอาจจะสูงไปบ้างเท่านั้น
ที่มา :trustedreviews