ขนาดหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่โต ความโค้งเว้าพาโนราม่าขั้นสุดที่โค้งรับเข้ากับสายตาของมนุษย์ ภาพของเกมที่เรนเดอร์ออกมาได้คมชัดสวยงามสมจริงต่อเนื่องลื่นไหลไม่ขาดตอน เป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่เพอร์เฟคหรือยอดเยี่ยมมากๆ สำหรับมอนิเตอร์เล่นเกมยุคใหม่ที่ใครๆ ก็ต้องกัน
ซึ่งถ้าจะหามอนิเตอร์เกมมิ่งสักตัวที่มีคุณสมบัติดังกล่าวครบถ้วน ก็เหลือเพียงไม่กี่แบรนด์ และไม่กี่รุ่น เช่นกันกับ PREDATOR Z35 หนึ่งในมอนิเตอร์จอโค้งที่ทาง ADBIG และเว็ปไซด์ NotebookSPEC จะมาแนะนำให้เพื่อนๆ ผู้อ่านได้รู้จักกัน โดยเจ้า PREDATOR Z35 มาพร้อมด้วยขนาด 35 นิ้ว โค้งเข้ารับสายตา พร้อมฟีเจอร์อย่าง G-SYNC ที่พร้อมตอบรับกับการเล่นเกมได้แบบเต็มขั้น แต่กระนั้นแล้วเจ้า PREDATOR Z35 จะดีจริงดังว่าหรือเปล่านั้นเชิญชมไปใน Review ไปพร้อมๆ กันได้เลย
Video Introduce
Specification
ก่อนอื่นเรามาดูในเรื่องของสเปคตัวจอกันก่อนเลย กับ PREDATOR Z35 ที่มาพร้อมด้วยขนาดหน้าจอแสดงผล 35 นิ้ว พาแนลคุณภาพสูงอย่าง VA แบบด้านลดแสงสะท้อน (Light AG coating) ความคมชัดสูง สัดส่วน 21:9 แบบจอโค้งพาโนราม่า Ultrawide บนความละเอียดจอภาพอยู่ที่ 2560 x 1080 พิกเซล ให้ภาพมุมกว้างได้สะใจและมีพื้นที่การใช้งานได้มากกว่าจอ 16:9 ทั่วไปเยอะมาก เหมาะอย่างยิ่งกับการเล่นเกม หรือแม้แต่ใช้กับงานที่ต้องการพื้นที่กว้างๆ เช่นการตัดต่อวิดีโอ
PREDATOR Z35 รองรับเฉดสีถึง 16.7 ล้านสีตามมาตรฐานของหน้าจอมอนิเตอร์ระดับสูง ความสว่าง 300cd/m2 และมีค่า Dynamic Contrast Ratio ที่สูงถึง 100 ล้าน :1 ทีเดียว (Contrast Ratio 3000:1) นอกจากนี้ยังมีค่า Response Time ที่เร็วรวดเพียง 4ms G2G มี Refresh Rate สูงสุดที่ 144Hz บนค่ามาตรฐานและสามารถโอเวอร์คล็อกได้ถึง 200Hz รองรับเทคโนโลยี ULMB (NVIDIA Ultra Low Motion Blur) เทคโนโลยีที่ออกแบบมาสำหรับจอที่มีค่าตอบสนองสูงๆ เพื่อให้ภาพยังคงความคมชัดไม่เบลอ
ที่สำคัญ PREDATOR Z35 ติดตั้งชิปประมวลผลภายในอย่างเทคโนโลยี G-Sync ที่ไว้ใช้ร่วมกันกับการ์ดจอ NVIDIA อีกด้วย โดยจะช่วยให้ภาพที่แสดงออกมานั้น มีความลื่นไหลสัมพันธ์กันอย่างที่สุด ไร้ซึ่งอาการหน่วง และภาพขาดตอน พร้อมกันน้ำยังมีลำโพง DTS Sound ลำโพง 9W สองข้าง พร้อมพอร์ตเชื่อมต่ออย่าง HDMI 2.0 Port , Display Port , 4x USB 3.0 ports (1 with fast charging), Headphone port ติดตั้งลำโพง 2x 9W speakers มาพร้อมน้ำหนัก 12.7 กิโลกรัม
ภาพจาก : tftcentral
Using Experience
เพื่อเป็นการไม่เสียเวลามาดูประสบการณ์ใช้งานกันเลย ซึ่งใครอยากทราบในเรื่องของขนาดกล่อง งานประกอบ จิ้มได้เลยที่ >>Unboxing แกะกล่อง PREDATOR Z35 จอโค้งสำหรับเล่นเกม 200Hz รองรับ G-SYNC<< ส่วนในเรื่องของแรกสัมผัส PREDATOR Z35 มาในหน้าตาแบบดำทะมึนตัดแดงๆ สมความเป็นเกมมิ่ง เมื่อยกไปตั้งบนโต๊ะจะเห็นความโดดเด่นเป็นสง่ามาก ตัวจอ PREDATOR Z35 ในภาพรวมจะมีขนาดที่ใหญ่โตมาก และกินพื้นเยอะสุดๆ เลย แนะนำถ้าจะใช้จอนี้พื้นความกว้างของโต๊ะต้อง 75 เซนติเมตรขึ้นไป
ส่วนของการดีไซน์ตัวจอต่างๆ อย่างที่เห็นในภาพว่าดีงามพระราม 8 มาก ใช้การดีไซน์สไตล์ Gaming PREDATOR สีดำด้านตัดแดง ตลอดทั้งตัวเครื่องเลยทีเดียว ส่วนของขาตั้งยังสวยงามทนทานแข็งแรงรับประกันได้เลยว่าเอาอยู่ไม่มีหักไม่มีงอแน่นอนเพราะแข็งแรงและหนาสุดๆ แถมเป็นโลหะทั้งแท่ง เนื้องานขอบจอด้านหน้าแสดงให้เห็นถึงความโค้งเว้าแบบสะใจมากๆ เรียกได้ว่าโค้งกว่าจอแสดงผลอื่นๆ ที่เคยสัมผัสทุกตัว วัสดุด้านหน้าเองเลือกใช้พลาสติกสีดำด้านตัดด้วยโลโก้ Acer มุมด้านซ้าย , โลโก้ G-SYNC มุมด้านซ้ายล่าง และโลโก้ PREDATOR กลางหน้าจอโครเมี่ยมตัดสีขอบแดงสวยงาม รวมถึงด้านล่างจะมีไฟ Ambient Light ที่สามารถปรับแต่งสีไฟและการเคลื่อนที่ของ LED 3 ดวง ที่ยิงลงพื้นได้ด้วยโดยสีเดิมๆ จะเป็นสีแดง
ด้านหลังของตัวเครื่องเองทั้งแผ่นหลังใช้วัสดุโลหะปัดเสี้ยนแลดูสากๆ เป็นเส้นตรงแนวตั้ง พร้อมโลโก้ PREDATOR ตัวใหญ๋เบิ้มบริเวณด้านหลังซ้ายมี 4x USB 3.0 ports (พร้อม 1 พอร์ตที่ใช้ fast charging) พร้อมขอบระบายความร้อนและลำโพงด้านบนที่เป็นช่องสีแดงทำจากพลาสติกคุณภาพสูง ส่วนด้านขอบด้านล่างจะเป็นขอบพลาสติกสีแดง ซึ่งในบริเวณนี้จะเป็นช่องเชื่อมต่อมอนิเตอร์กับตัวเครื่องต่างๆ ที่จะประกอบไปด้วย HDMI 2.0 Port , Display Port และพอร์ตเชื่อมต่อหูฟัง
ส่วนของขาตั้งเองมาพร้อมขาตั้งขนาดใหญ่โตแข็งแรงมากโดยตัวฐานจะเป็นโลหะหน้าตาคล้ายๆ บูมเมอร์แรงแข็งแรงทนทาน ส่วนขาตั้งก็เป็นโลหะแต่มีกรอบพลาสติกคลุมอีกชั้น พร้อมช่องเก็บสายไฟ โดยตัวขาตั้งนี้เองสามารถปรับเอียงขึ้น เอียงลง และปรับระยะสูงต่ำให้เหมาะสมตามความพอดีตามระดับสายตาของผู้ใช้ ได้จากฟีเจอร์ Multi-Functional ErgoStand
ในด้านของการใช้ PREDATOR Z35 นั้นเป็นหน้าจอมอนิเตอร์มา 21:9 ความละเอียดสูง 2560×1080 พิกเซล แบบพาโนราม่าที่ไม่ละเอียดเวอร์จนเกินไปทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้สเปคที่สูงเวอร์ในการขับเคลื่อน แถมให้มุมมองในการเล่นเกมด้านข้างที่กว้างกว่าส่งผลให้ได้เปรียบมากๆ ในเรื่องของมุมมองรอบๆ แถมได้ความโค้งของตัวจอแม้จอใหญ่และกว้างแต่ด้วยความโค้งก็สามารถใช้เพียงการกวาดสายตาในการมองเท่านั้นก็มองได้ทั่วแล้ว แตกต่างจากจอ Ultrawide แบบแบนๆ หรือการต่อจอแสดงผลแยก 2 จอ 3 จอ ที่ต้องอาศัยการหันคอมองและมีขอบจอขวางนั่นเอง พร้อมกับเทคโนโลยี G-SYNC ของทาง NVIDIA ด้วยการใช้พาเนลหน้าจอแบบ VA ทำให้ภาพที่คมชัด และด้วยเทคโนโลยี G-SYNC ทำให้มั่นใจได้เลยว่าถ้าหากเราใช้การ์ดจอในซีรีส์ GeForce GTX อยู่แล้วจะทำให้เล่นเกมลื่นและไม่เกิดอาการหน่วง
ซึ่งข้อดี G-SYNC ก็คือจะช่วยให้เพื่อนๆ เล่นเกมลื่นขึ้น (เพราะไม่จำเป็นต้องเปิด V-Sync) และภาพจะต่อเนื่องไม่ขาดๆหายๆ ขณะเล่นเกม ยิ่งได้ Refresh Rate สูงสุดบนค่าโอเวอร์คล็อกถึง 200Hz และเทคโนโลยี ULMB (NVIDIA Ultra Low Motion Blur) ด้วยแล้วละก็ ยิ่งทำให้การเล่นเกมมุมกว้างพาโนราม่าผ่านจอแสดงผลนี้เล่นได้ลื่นไหลแบบไม่เคยพบเห็นมาก่อนบนจอเกมมิ่งตัวไหน แต่กระนั้นการ์ดจอที่ใช้ต้องเป็น GTX 970 ขึ้นไปหรือจะให้ดี GTX 980 ขึ้นไปจะดีที่สุดเพราะถ้าการ์ดจอไม่แรงพอก็จะไม่ได้เฟรมเรทที่สูงพอจะซิงค์กับมอนิเตอร์
ส่วนของ Interface หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าเมนู ก็ดูเรียบง่าย แต่ว่ากันตามตรงว่าเข้าถึงหัวข้อต่างๆ ทำได้ค่อนข้างยาก เพราะมีปุ่มแค่ปุ่มเล็กๆ 5 ปุ่มที่อยู่ข้างๆ กับ สวิตช์ Power และก็ไม่มีสกรีนบอกไว้ว่าปุ่มไหนทำอะไร ต้องอาศัยอ่านคู่มือหรือลองสุ่มกดดูครับเอาครับ ซึ่งถ้ากดสักหนึ่งครั้งก็จะขึ้น OSD (On Screen Display) ขึ้นมาเพื่อบอกว่าถ้าเรากดปุ่มที่อยู่ใต้รูปนั้นจะทำอะไรได้บ้าง ซึ่งถ้าจะปรับ Refresh Rate เป็น 200Hz และปรับ Ambient Light ต้องปรับผ่าน OSD ดังกล่าว
ลองใช้งานจริง PREDATOR Z35 ร่วมกับพีซีสเปกสูงด้วยชิปประมวลผล Core i7 4790 , การ์ดจอ GTX 980TI พร้อมแรมขนาด 8GB และ SSD บอกได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเข้าใช้อินเตอร์เน็ต หรืองานเอกสารออฟฟิศ ก็เป็นไปอย่างลื่นไหล และด้วยหน้าจอเป็นแบบด้านจึงทำให้ไม่รู้สึกล้ากับสายตามากนัก เมื่อมีการใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน อีกทั้งหน้าจอมอนิเตอร์มีความละเอียดสูงแบบพาโนราม่า และมีความโค้งรับสายตาทำให้ใช้งานแบบแบ่งหน้าจอ 2 จอหรือ 4 จอใช้งานได้ฟินมากๆ ยิ่งถ้าบันเทิงกับการดูหนัง Blu-Ray ไฟล์ความละเอียดสูงได้แบบเต็มตากว่าจอ 16:9 ทั่วๆ ไป แต่อย่างไรก็ตามข้อเสียก็คือถ้าดูไฟล์ 16:9 จะมีขอบดำ
ส่วนของการเล่นเกมนั้นทางทีมงานก็ทดสอบจริงจังๆ ด้วยเกมต่างๆ หลายๆ แนว ไม่ว่าจะเป็น GTA 5 , CS:GO ,และ Fallout 4 เรียกได้ว่าให้ประสบการณ์ใช้งานที่สุดยอดจริงๆ ทั้งหน้าจอที่ใหญ่ โค้งและให้ความละเอียดที่สูงกว่า Full HD ด้วย ส่วน Refresh Rate ที่ซิงค์กับตัวเฟรมเรทตกอยู่ที่ 75 – 200 เฟรมตลอดเวลา ให้การเล่นเกมที่ฟิน และสะใจมากๆ เลย เพราะพบกับความลื่นไหลของภาพ รวมถึงความคมชัด ความกว้าง และความโค้งแบบพาโนราม่า Ultrawide ที่สุดยอดมากๆ แถมตัวจอยังโดดเด่นเรื่องการแสดงผลที่รวดเร็วและให้สีสันสดใสไม่ว่าจะเป็น Response time ที่ตอบสนองได้รวมเร็ว กว่า IPS อยู่พอสมควรทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเป็นรองจอ Curve แบบ IPS ก็คือในเรื่องของสีสันภาพที่ยังเป็นรองอยู่นิดหน่อย แต่โดยรวมเรื่องความลื่นในการใช้งานเล่นเกมพาเนล VA เหนือกว่าเยอะมาก ซึ่งจอแสดงผลแบบโค้งดังกล่าวเหมาะสมกับการใช้งานแบบคนเดียวเสียมากกว่า เพราะด้วยความโค้งของตัวจอนี่เองทำให้มุมมองด้านข้างแลดูแปลกๆ ไม่เหมือนกับจอทั่วๆ ไป
Conclusion / Award
ความสามารถที่ตอบรับกลับมาในเรื่องของการใช้งานต่างๆ บน PREDATOR Z35 ทำได้ประทับใจเป็นอย่างมาก ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่โตมากถึง 34 นิ้ว บนความโค้งเว้า ที่มากกว่าจากพาเนล VA บนความละเอียด 2560×1080 พิกเซลแบบพาโนราม่า แถมยังมาพร้อมกับ Refresh Rate ที่สูงถึง 200Hz บนฟีเจอร์ G-SYNC และ ULMB (NVIDIA Ultra Low Motion Blur) ที่เมื่อใช้งานร่วมกับการ์ดจอของทาง NVIDIA ช่วยให้การเล่นเกมไร้ขีดจำกัดและก้าวข้ามประสบการณ์ไปอีกขั้นจากความลื่นไหลระหว่าง Frame Rate และ Refresh Rate บน PREDATOR Z35 ระดับ 200Hz พ่วงกับความโค้งเว้า เนื้อที่การใช้งาน และความละเอียดแบบพาโนราม่าของจอที่มากกว่า
และบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนเลยละครับว่า PREDATOR Z35 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับหลายๆ คนที่กำลังมองหามอนิเตอร์แบบโค้ง กับพื้นที่กว้างๆ แบบพาโนราม่า เพื่อการเล่นเกมลื่นๆ ร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA ที่มาพร้อมดีไซน์เท่ห์ๆ ดูดุๆ ด้วยดีไซน์ตัวจอ และตัวฐานที่สวยงาม พร้อมให้ประสิทธิภาพในการแสดงผลที่สูง ทำให้ภาพที่ได้รับออกมาเป็นที่น่าประทับใจแบบหาได้ยากมากในมอนิเตอร์เล่นเกมทั่วไป เรียกได้ว่าถ้าใครมองหา Gaming Monitor โค้งๆ ความละเอียดสูงๆ มาใช้งานล่ะก็ PREDATOR Z35 เป็นคำตอบที่ลงตัวเลยละครับ ท่านใดที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามไปยังตัวแทนจำหน่าย Acer Thailand กันได้เลย
จุดเด่น
- Gaming Monitor ขนาด 35 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1080 พิกเซลพาโนราม่า ไม่กินสเปคเกินไป
- ด้วยพาเนล VA ให้ภาพที่คมชัด ความได้เปรียบในการเล่นเกม และความโค้งรับเข้ากับสายตาที่มากกว่าเกมมิ่งมอนิเตอร์ทั่วๆ ไป
- มีค่า Response Time 4ms และค่า Refresh Rate สูงสุดที่ 144-200Hz
- มีเทคโนโลยี G-Sync และ ULMB ทำงานร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA
- ErgoStand ปรับหน้าจอหมุนซ้ายขวาขึ้นลงได้อย่างอิสระ
- มี USB Hub 3.0 ในตัวเครื่องถึง 4 พอร์ตและสามารถชาร์ตสมาร์ทโฟนได้รวดเร็วด้วย
- พอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันทั้ง HDMI 2.0 และ Dispaly Port
- ดีไซน์สวยงามดุดันกว่าเกมมิ่งมอนิเตอร์ตัวอื่นๆ
ข้อสังเกต
- ราคาค่อนข้างสูง
- OSD ปรับยาก
Video Introduce
Specification
ก่อนอื่นเรามาดูในเรื่องของสเปคตัวจอกันก่อนเลย กับ PREDATOR Z35 ที่มาพร้อมด้วยขนาดหน้าจอแสดงผล 35 นิ้ว พาแนลคุณภาพสูงอย่าง VA แบบด้านลดแสงสะท้อน (Light AG coating) ความคมชัดสูง สัดส่วน 21:9 แบบจอโค้งพาโนราม่า Ultrawide บนความละเอียดจอภาพอยู่ที่ 2560 x 1080 พิกเซล ให้ภาพมุมกว้างได้สะใจและมีพื้นที่การใช้งานได้มากกว่าจอ 16:9 ทั่วไปเยอะมาก เหมาะอย่างยิ่งกับการเล่นเกม หรือแม้แต่ใช้กับงานที่ต้องการพื้นที่กว้างๆ เช่นการตัดต่อวิดีโอ
PREDATOR Z35 รองรับเฉดสีถึง 16.7 ล้านสีตามมาตรฐานของหน้าจอมอนิเตอร์ระดับสูง ความสว่าง 300cd/m2 และมีค่า Dynamic Contrast Ratio ที่สูงถึง 100 ล้าน :1 ทีเดียว (Contrast Ratio 3000:1) นอกจากนี้ยังมีค่า Response Time ที่เร็วรวดเพียง 4ms G2G มี Refresh Rate สูงสุดที่ 144Hz บนค่ามาตรฐานและสามารถโอเวอร์คล็อกได้ถึง 200Hz รองรับเทคโนโลยี ULMB (NVIDIA Ultra Low Motion Blur) เทคโนโลยีที่ออกแบบมาสำหรับจอที่มีค่าตอบสนองสูงๆ เพื่อให้ภาพยังคงความคมชัดไม่เบลอ
ที่สำคัญ PREDATOR Z35 ติดตั้งชิปประมวลผลภายในอย่างเทคโนโลยี G-Sync ที่ไว้ใช้ร่วมกันกับการ์ดจอ NVIDIA อีกด้วย โดยจะช่วยให้ภาพที่แสดงออกมานั้น มีความลื่นไหลสัมพันธ์กันอย่างที่สุด ไร้ซึ่งอาการหน่วง และภาพขาดตอน พร้อมกันน้ำยังมีลำโพง DTS Sound ลำโพง 9W สองข้าง พร้อมพอร์ตเชื่อมต่ออย่าง HDMI 2.0 Port , Display Port , 4x USB 3.0 ports (1 with fast charging), Headphone port ติดตั้งลำโพง 2x 9W speakers มาพร้อมน้ำหนัก 12.7 กิโลกรัม
ภาพจาก : tftcentral
Using Experience
เพื่อเป็นการไม่เสียเวลามาดูประสบการณ์ใช้งานกันเลย ซึ่งใครอยากทราบในเรื่องของขนาดกล่อง งานประกอบ จิ้มได้เลยที่ >>Unboxing แกะกล่อง PREDATOR Z35 จอโค้งสำหรับเล่นเกม 200Hz รองรับ G-SYNC<< ส่วนในเรื่องของแรกสัมผัส PREDATOR Z35 มาในหน้าตาแบบดำทะมึนตัดแดงๆ สมความเป็นเกมมิ่ง เมื่อยกไปตั้งบนโต๊ะจะเห็นความโดดเด่นเป็นสง่ามาก ตัวจอ PREDATOR Z35 ในภาพรวมจะมีขนาดที่ใหญ่โตมาก และกินพื้นเยอะสุดๆ เลย แนะนำถ้าจะใช้จอนี้พื้นความกว้างของโต๊ะต้อง 75 เซนติเมตรขึ้นไป
ส่วนของการดีไซน์ตัวจอต่างๆ อย่างที่เห็นในภาพว่าดีงามพระราม 8 มาก ใช้การดีไซน์สไตล์ Gaming PREDATOR สีดำด้านตัดแดง ตลอดทั้งตัวเครื่องเลยทีเดียว ส่วนของขาตั้งยังสวยงามทนทานแข็งแรงรับประกันได้เลยว่าเอาอยู่ไม่มีหักไม่มีงอแน่นอนเพราะแข็งแรงและหนาสุดๆ แถมเป็นโลหะทั้งแท่ง เนื้องานขอบจอด้านหน้าแสดงให้เห็นถึงความโค้งเว้าแบบสะใจมากๆ เรียกได้ว่าโค้งกว่าจอแสดงผลอื่นๆ ที่เคยสัมผัสทุกตัว วัสดุด้านหน้าเองเลือกใช้พลาสติกสีดำด้านตัดด้วยโลโก้ Acer มุมด้านซ้าย , โลโก้ G-SYNC มุมด้านซ้ายล่าง และโลโก้ PREDATOR กลางหน้าจอโครเมี่ยมตัดสีขอบแดงสวยงาม รวมถึงด้านล่างจะมีไฟ Ambient Light ที่สามารถปรับแต่งสีไฟและการเคลื่อนที่ของ LED 3 ดวง ที่ยิงลงพื้นได้ด้วยโดยสีเดิมๆ จะเป็นสีแดง
ด้านหลังของตัวเครื่องเองทั้งแผ่นหลังใช้วัสดุโลหะปัดเสี้ยนแลดูสากๆ เป็นเส้นตรงแนวตั้ง พร้อมโลโก้ PREDATOR ตัวใหญ๋เบิ้มบริเวณด้านหลังซ้ายมี 4x USB 3.0 ports (พร้อม 1 พอร์ตที่ใช้ fast charging) พร้อมขอบระบายความร้อนและลำโพงด้านบนที่เป็นช่องสีแดงทำจากพลาสติกคุณภาพสูง ส่วนด้านขอบด้านล่างจะเป็นขอบพลาสติกสีแดง ซึ่งในบริเวณนี้จะเป็นช่องเชื่อมต่อมอนิเตอร์กับตัวเครื่องต่างๆ ที่จะประกอบไปด้วย HDMI 2.0 Port , Display Port และพอร์ตเชื่อมต่อหูฟัง
ส่วนของขาตั้งเองมาพร้อมขาตั้งขนาดใหญ่โตแข็งแรงมากโดยตัวฐานจะเป็นโลหะหน้าตาคล้ายๆ บูมเมอร์แรงแข็งแรงทนทาน ส่วนขาตั้งก็เป็นโลหะแต่มีกรอบพลาสติกคลุมอีกชั้น พร้อมช่องเก็บสายไฟ โดยตัวขาตั้งนี้เองสามารถปรับเอียงขึ้น เอียงลง และปรับระยะสูงต่ำให้เหมาะสมตามความพอดีตามระดับสายตาของผู้ใช้ ได้จากฟีเจอร์ Multi-Functional ErgoStand
ในด้านของการใช้ PREDATOR Z35 นั้นเป็นหน้าจอมอนิเตอร์มา 21:9 ความละเอียดสูง 2560×1080 พิกเซล แบบพาโนราม่าที่ไม่ละเอียดเวอร์จนเกินไปทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้สเปคที่สูงเวอร์ในการขับเคลื่อน แถมให้มุมมองในการเล่นเกมด้านข้างที่กว้างกว่าส่งผลให้ได้เปรียบมากๆ ในเรื่องของมุมมองรอบๆ แถมได้ความโค้งของตัวจอแม้จอใหญ่และกว้างแต่ด้วยความโค้งก็สามารถใช้เพียงการกวาดสายตาในการมองเท่านั้นก็มองได้ทั่วแล้ว แตกต่างจากจอ Ultrawide แบบแบนๆ หรือการต่อจอแสดงผลแยก 2 จอ 3 จอ ที่ต้องอาศัยการหันคอมองและมีขอบจอขวางนั่นเอง พร้อมกับเทคโนโลยี G-SYNC ของทาง NVIDIA ด้วยการใช้พาเนลหน้าจอแบบ VA ทำให้ภาพที่คมชัด และด้วยเทคโนโลยี G-SYNC ทำให้มั่นใจได้เลยว่าถ้าหากเราใช้การ์ดจอในซีรีส์ GeForce GTX อยู่แล้วจะทำให้เล่นเกมลื่นและไม่เกิดอาการหน่วง
ซึ่งข้อดี G-SYNC ก็คือจะช่วยให้เพื่อนๆ เล่นเกมลื่นขึ้น (เพราะไม่จำเป็นต้องเปิด V-Sync) และภาพจะต่อเนื่องไม่ขาดๆหายๆ ขณะเล่นเกม ยิ่งได้ Refresh Rate สูงสุดบนค่าโอเวอร์คล็อกถึง 200Hz และเทคโนโลยี ULMB (NVIDIA Ultra Low Motion Blur) ด้วยแล้วละก็ ยิ่งทำให้การเล่นเกมมุมกว้างพาโนราม่าผ่านจอแสดงผลนี้เล่นได้ลื่นไหลแบบไม่เคยพบเห็นมาก่อนบนจอเกมมิ่งตัวไหน แต่กระนั้นการ์ดจอที่ใช้ต้องเป็น GTX 970 ขึ้นไปหรือจะให้ดี GTX 980 ขึ้นไปจะดีที่สุดเพราะถ้าการ์ดจอไม่แรงพอก็จะไม่ได้เฟรมเรทที่สูงพอจะซิงค์กับมอนิเตอร์
ส่วนของ Interface หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าเมนู ก็ดูเรียบง่าย แต่ว่ากันตามตรงว่าเข้าถึงหัวข้อต่างๆ ทำได้ค่อนข้างยาก เพราะมีปุ่มแค่ปุ่มเล็กๆ 5 ปุ่มที่อยู่ข้างๆ กับ สวิตช์ Power และก็ไม่มีสกรีนบอกไว้ว่าปุ่มไหนทำอะไร ต้องอาศัยอ่านคู่มือหรือลองสุ่มกดดูครับเอาครับ ซึ่งถ้ากดสักหนึ่งครั้งก็จะขึ้น OSD (On Screen Display) ขึ้นมาเพื่อบอกว่าถ้าเรากดปุ่มที่อยู่ใต้รูปนั้นจะทำอะไรได้บ้าง ซึ่งถ้าจะปรับ Refresh Rate เป็น 200Hz และปรับ Ambient Light ต้องปรับผ่าน OSD ดังกล่าว
ลองใช้งานจริง PREDATOR Z35 ร่วมกับพีซีสเปกสูงด้วยชิปประมวลผล Core i7 4790 , การ์ดจอ GTX 980TI พร้อมแรมขนาด 8GB และ SSD บอกได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเข้าใช้อินเตอร์เน็ต หรืองานเอกสารออฟฟิศ ก็เป็นไปอย่างลื่นไหล และด้วยหน้าจอเป็นแบบด้านจึงทำให้ไม่รู้สึกล้ากับสายตามากนัก เมื่อมีการใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน อีกทั้งหน้าจอมอนิเตอร์มีความละเอียดสูงแบบพาโนราม่า และมีความโค้งรับสายตาทำให้ใช้งานแบบแบ่งหน้าจอ 2 จอหรือ 4 จอใช้งานได้ฟินมากๆ ยิ่งถ้าบันเทิงกับการดูหนัง Blu-Ray ไฟล์ความละเอียดสูงได้แบบเต็มตากว่าจอ 16:9 ทั่วๆ ไป แต่อย่างไรก็ตามข้อเสียก็คือถ้าดูไฟล์ 16:9 จะมีขอบดำ
ส่วนของการเล่นเกมนั้นทางทีมงานก็ทดสอบจริงจังๆ ด้วยเกมต่างๆ หลายๆ แนว ไม่ว่าจะเป็น GTA 5 , CS:GO ,และ Fallout 4 เรียกได้ว่าให้ประสบการณ์ใช้งานที่สุดยอดจริงๆ ทั้งหน้าจอที่ใหญ่ โค้งและให้ความละเอียดที่สูงกว่า Full HD ด้วย ส่วน Refresh Rate ที่ซิงค์กับตัวเฟรมเรทตกอยู่ที่ 75 – 200 เฟรมตลอดเวลา ให้การเล่นเกมที่ฟิน และสะใจมากๆ เลย เพราะพบกับความลื่นไหลของภาพ รวมถึงความคมชัด ความกว้าง และความโค้งแบบพาโนราม่า Ultrawide ที่สุดยอดมากๆ แถมตัวจอยังโดดเด่นเรื่องการแสดงผลที่รวดเร็วและให้สีสันสดใสไม่ว่าจะเป็น Response time ที่ตอบสนองได้รวมเร็ว กว่า IPS อยู่พอสมควรทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเป็นรองจอ Curve แบบ IPS ก็คือในเรื่องของสีสันภาพที่ยังเป็นรองอยู่นิดหน่อย แต่โดยรวมเรื่องความลื่นในการใช้งานเล่นเกมพาเนล VA เหนือกว่าเยอะมาก ซึ่งจอแสดงผลแบบโค้งดังกล่าวเหมาะสมกับการใช้งานแบบคนเดียวเสียมากกว่า เพราะด้วยความโค้งของตัวจอนี่เองทำให้มุมมองด้านข้างแลดูแปลกๆ ไม่เหมือนกับจอทั่วๆ ไป
Conclusion / Award
ความสามารถที่ตอบรับกลับมาในเรื่องของการใช้งานต่างๆ บน PREDATOR Z35 ทำได้ประทับใจเป็นอย่างมาก ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่โตมากถึง 34 นิ้ว บนความโค้งเว้า ที่มากกว่าจากพาเนล VA บนความละเอียด 2560×1080 พิกเซลแบบพาโนราม่า แถมยังมาพร้อมกับ Refresh Rate ที่สูงถึง 200Hz บนฟีเจอร์ G-SYNC และ ULMB (NVIDIA Ultra Low Motion Blur) ที่เมื่อใช้งานร่วมกับการ์ดจอของทาง NVIDIA ช่วยให้การเล่นเกมไร้ขีดจำกัดและก้าวข้ามประสบการณ์ไปอีกขั้นจากความลื่นไหลระหว่าง Frame Rate และ Refresh Rate บน PREDATOR Z35 ระดับ 200Hz พ่วงกับความโค้งเว้า เนื้อที่การใช้งาน และความละเอียดแบบพาโนราม่าของจอที่มากกว่า
และบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนเลยละครับว่า PREDATOR Z35 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับหลายๆ คนที่กำลังมองหามอนิเตอร์แบบโค้ง กับพื้นที่กว้างๆ แบบพาโนราม่า เพื่อการเล่นเกมลื่นๆ ร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA ที่มาพร้อมดีไซน์เท่ห์ๆ ดูดุๆ ด้วยดีไซน์ตัวจอ และตัวฐานที่สวยงาม พร้อมให้ประสิทธิภาพในการแสดงผลที่สูง ทำให้ภาพที่ได้รับออกมาเป็นที่น่าประทับใจแบบหาได้ยากมากในมอนิเตอร์เล่นเกมทั่วไป เรียกได้ว่าถ้าใครมองหา Gaming Monitor โค้งๆ ความละเอียดสูงๆ มาใช้งานล่ะก็ PREDATOR Z35 เป็นคำตอบที่ลงตัวเลยละครับ ท่านใดที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามไปยังตัวแทนจำหน่าย Acer Thailand กันได้เลย
จุดเด่น
- Gaming Monitor ขนาด 35 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1080 พิกเซลพาโนราม่า ไม่กินสเปคเกินไป
- ด้วยพาเนล VA ให้ภาพที่คมชัด ความได้เปรียบในการเล่นเกม และความโค้งรับเข้ากับสายตาที่มากกว่าเกมมิ่งมอนิเตอร์ทั่วๆ ไป
- มีค่า Response Time 4ms และค่า Refresh Rate สูงสุดที่ 144-200Hz
- มีเทคโนโลยี G-Sync และ ULMB ทำงานร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA
- ErgoStand ปรับหน้าจอหมุนซ้ายขวาขึ้นลงได้อย่างอิสระ
- มี USB Hub 3.0 ในตัวเครื่องถึง 4 พอร์ตและสามารถชาร์ตสมาร์ทโฟนได้รวดเร็วด้วย
- พอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันทั้ง HDMI 2.0 และ Dispaly Port
- ดีไซน์สวยงามดุดันกว่าเกมมิ่งมอนิเตอร์ตัวอื่นๆ
ข้อสังเกต
- ราคาค่อนข้างสูง
- OSD ปรับยาก