จริงๆ แล้วทาง Huawei ได้ทำการเปิดตัว phablet รุ่นท๊อปอย่าง Mate 8 มาตั้งแต่เดือนธันวาคมของปี 2015 แล้วครับ โดยในการเปิดตัวนั้นทาง Huawei ได้สัญญาเอาไว้ว่าในงาน CES 2016 นั้นจะมีการนำ Huawei ไปให้ผู้เข้าร่วมงานได้ทำการทดสอบการใช้งานกันด้วย ซึ่งทาง Huawei ก็ไม่ผิดคำสัญญาครับเพราะในงาน CES 2016 นั้นทาง Huawei ได้ทำการเปิดตัว Mate 8 อีกครั้งพร้อมกับมีเครื่องทดสอบให้ผู้เข้าร่วมงานและสื่อได้ทดสอบการใช้งาน งานนี้ทาง The Verge จึงได้จัดการทดสอบสักหน่อยว่า Huawei Mate 8 นั้นจะเป็นอย่างไรโดยการทดสอบในครั้งนี้นั้นเน้นไปที่ด้านกล้องและการใช้งานเครื่องทั่วไปเป็นหลักครับ
อย่างไรก็ตามแต่สเป็คของ Huawei Mate 8 นั้นยังคงเดิมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด(ตามที่เคยได้เสนอข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้จาก Huawei วางจำหน่าย Mate 8 กับ Phablet ที่มีหน้าจอขนาด 6 นิ้วเพราะยังเชื่อว่ามีช่องทางให้ไปอีกไกล) โดยสเป็คของ Huawei Mate 8 นั้นมีดังต่อไปนี้ครับ
- หน้าจอขนาด 6 นิ้ว panel แบบ PS-NEO LCD รองรับความละเอียดที่ระดับ 1080p และครอบคลุมความกว้างของโทรสี NTSC ถึง 95%
- กระจกหน้าจอเป็นแบบโค้ง 2.5D (โดยจะเป็นกระจกกันรอยเทคโนโลยี Corning Gorilla Glass 4)
- ชิปเซ็ท HiSilicon Kirin 950 octa-core(4 x Cortex-A72 ที่ความเร็วสูงสุด 2.53 GHz และ 4 x Cortex-A53 ที่ความเร็วสูงสุด 1.8 GHz) ผลิตโดย TSMC ด้วยกระบวนการผลิต 16 nm FinFET ใหม่(โดยชิปเช็ทรุ่นนี้มีโมเด็ม LTE Cat 6 ฝังอยู่ภายในด้วย)
- ชิปกราฟิก ARM Mali-T880 MP4 รุ่นล่าสุด
- ระบบสแกนลายนิ้วมือทางด้านหลังของตัวเครื่อง(เป็นรูปกลมทางด้านล่างของกล้องหลัง) โดยจะมีความสามารถเหนือกว่าระบบสแกนลายนิ้วมือของ Mate 7 คือสามารถอ่านลายนิ้วมือได้แบบ “Level 3 Detail”
- กล้องหลังความละเอียด 16 MP ซึ่งใช้ image signal processor ของทาง Huawei เองและมีระบบ optical image stabilization(OIS) กันภาพสั่น มีขนาดรูรับแสงกว้างสุดที่ F/2.0
- กล้องหน้าความละเอียด 8 MP พร้อมขนาดรูรับแสงกว้างสุดที่ F/2.4
- แบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh รองรับเทคโนโลยี fast charging โดยสามารถชาร์จได้ 37% ในเวลาเพียงแค่ 30 นาที
- มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ครอบทับด้วย Huawei Emotion UI 4.0
- จะมีวางจำหน่ายทั้งหมด 4 สี ได้แก่ Champagne Gold, Moonlight Silver, Space Gray และ Mocha Brown
- รองรับการใช้งาน SIM Card ได้ 2 Sim โดยผู้ใช้สามารถที่จะเลือกใช้ SIM เดียวแล้วอีกช่องใส่ microSD Card แทนเพื่อเพิ่มขนาดแหล่งเก็บข้อมูลก็ได้(สนับสนุนมากสุดที่ 128 GB)
- ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 157.1 x 80.6 x 7.9 mm
- น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 185 g
ในการใช้งาน Huawei Mate 8 นั้นด้วยความที่ตัวเครื่องเป็นของทาง Huawei โดยตรงทำให้มันมาพร้อมกับการครอบทับด้วย EMUI หรือ Emotion UI ของทาง Huawei เองที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับคุณกำลังใช้ iPhone ครับ(ไม่มีหน้า app drawer, การจัดแฟ้มของแอปพลิเคชันเหมือนกับ iOS และแอปพลิเคชันกล้องเหมือนกับ iOS มากเป็นต้น) ซึ่งนั่นอาจจะทำให้หลายๆ คนไม่ค่อยชอบเท่าไรแต่ด้วยความที่ระบบหลักของมันเป็น Android ดังนั้นผู้ใช้งานจึงเปลี่ยนหน้าหลักได้เองตามต้องการครับ
จุดเด่นที่สุดของซอฟต์แวร์ของทาง Huawei เองบน Mate 8 นั้นก็คือการที่แอปพลิเคชันกล้องมาพร้อมกับฟีเจอร์มากมายครับ(เมื่อเทียบกับแอปกล้องหลักของ iOS) โดยในการนี้ทาง Sam Byford เจ้าของบทความได้ทำการทดสอบตัวกล้องและฟีเจอร์ต่างๆ ดูว่าเป็นอย่างไรและได้มีการโพสรูปที่ใช้ฟีเจอร์บนแอปพลิเคชันกล้องของ Huawei Mate 8 ไว้ 2 รูปดังนี้ครับ
รูปแรกนั้นเป็นเป็นการใช้งานฟีเจอร์ Beauty Level บนแอปพลิเคชันกล้องถ่ายหน้าของทาง Sam Byford ซึ่งผลนั้นก็เป็นดังภาพที่ทุกท่านได้เห็นครับ ทั้งนี้การปรับโหมดการถ่ายของแอปพลิเคชันกล้องของ Huawei Mate 8 นั้นค่อนข้างที่จะทำได้ง่าย อีกภาพหนึ่งนั้นทาง Sam Byford จึงได้ทำการปรับไปลองโหมด light graffiti mode ถ่ายภาพบรรณาธิการของทาง The Verge อย่าง Lauren ได้ภาพดังนี้ครับ
โดยสรุปแล้วนั้นการใช้งานกล้องของ Huawei Mate 8 ถือว่าเป็นเรื่องที่สนุกครับเพราะมีอะไรให้ปรับแต่งเล่นมากมาย(ถึงแม้ว่าส่วนของหน้าจอโดยรวมจะเหมือนกับแอปกล้องของ iOS ไปหน่อย) และตัวกล้องของ Huawei Mate 8 นั้นก็สามารถที่จะทำงานได้เป็นอย่างดีในโหมดการถ่ายรูปมาตรฐานด้วยครับ อย่างไรก็ตามถามว่า Huawei Mate 8 นั้นน่าใช้งานไหมทาง Sam Byford ได้บอกเอาไว้ครับว่าตัวฮาร์ดแวร์ของ Huawei Mate นั้นถือว่าทรงพลังมากแต่เมื่อมารวมกับซอฟต์แวร์ของทาง Huawei แล้วทำให้ความน่าใช้งานลดไปเยอะ ดังนั้นหากคุณสนใจ phablet หน้าจอขนาดประมาณ 6 นิ้วจริงๆ หล่ะก็ Nexus 6P ดูจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าเยอะครับ
ที่มา : theverge