อย่าได้ดูถูดพลังของการประมวลผลชิปเซ็ท NVIDIA Tegra เลยทีเดียวนะครับ เพราะในงาน CES 2015 นั้นทาง NVIDIA ได้ทำการเปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิปเซ็ท NVIDIA Tegra สำหรับนักบินดิจิตอลที่ทันสมัยที่สุดในโลกไปแล้วในชื่อ Drive CX และซูเปอร์คอมพิวเตอร์สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติ Drive PX มาในงาน CES 2016 นี้นั้นทาง NVIDIA ได้ทำการสานต่อซูเปอร์คอมพิวเตอร์ดังกล่าวสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติแล้วทำการเปิดตัวในชื่อ Drive PX 2 ครับ
สำหรับเจ้าซูเปอร์คอมพิวเตอร์สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติ NVIDIA Drive PX 2 นั้นจะมีประสิทธิภาพในการประมวลผลเทียบเท่ากับเครื่อง MacBook Pro รวมกันถึง 150 ตัวเลยทีเดียวครับ ทว่าไม่ต้องกังวลไปว่าตัวเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Drive PX 2 จะใหญ่โตมโหฬารนะครับเพราะมันมีขนาดเท่ากับกล่องอาหารกลางวันเล็กๆ เท่านั้น โดยภายในกล่องจะประกอบไปด้วยหน่วยประมวลผลแบบ 12 แกนและชิป GPU สถาปัตยกรรม Pascal ใหม่จำนวน 4 ชิป ซึ่งมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลได้ถึง 8 teraflops และ 24 deep learning tera operations per second ครับ
รูปแสดงองค์ประกอบภายในของ NVIDIA Drive PX 2
อย่างไรก็ตามแต่ด้วยพลังความสามารถในการประมวลผลระดับบซูเปอร์คอมพิวเตอร์นั้นทำให้มันยังจำเป็นที่จะต้องใช้ระบบระบายความร้อนแบบน้ำอยู่ครับ(แต่ก็อยู่ภายในกล่องรวมเป็นแพคเกจเดียว) ซึ่งไม่น่าแปลกใจหล่ะครับเพราะพลังในการประมวลผลของมันนั้นสูงมาก(จนบางคนอาจจะคิดว่ารถยนต์แบบขับเคลื่อนด้วยตัวเองอัตโนมัตินั้นจำเป็นถึงขนาดนั้นเลยหรอ) ทั้งนี้เจ้า NVIDIA Drive PX 2 นั้นจะทำอะไรได้บ้างนั้นหากอ้างอิงจากที่ทาง Jen-Hsun Huang ผู้ดำรงตำแหน่งทั้งประธานบริษัทและ CEO ของ NVIDIA ได้บอกเอาไว้คร่าวๆ ดังต่อไปนี้ครับ
สาเหตุที่ NVIDIA Drive PX 2 นั้นต้องแรงมากจนถึงขั้นใช้น้ำในการระบายความร้อนนั้นก็เนื่องมาจากว่าทาง Jen-Hsun เชื่อครับว่าในการออกแบบคอมพิวเตอร์สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองแบบอัตโนมัตินั้นมันยากและจำเป็นที่จะต้องใช้การประมวลผลสูงเพราะมันต้องประมวลผลหลายๆ อย่างไปในเวลาเดียวกันพร้อมๆ กันอันได้แก่
- จัดการควบคุมดูแลเซนเซอร์ต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่บนรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติ(ตัวอย่างที่ Jen-Hsun นำเสนอนั้นได้แก่ตัวกล้องที่ติดตั้งทั่วๆ รถยนต์แบบขับเคลื่อนด้วยตัวเองอัตโนมัติซึ่ง Drive PX 2 สามารถที่จะรองรับข้อมูลจากกล้องได้ถึง 12 ตัวในเวลาเดียวกัน, LIDAR หรือ Light Detection and Range ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์สำหรับการประมวลผลพื้นผิวของภูมิประเทศ, radar และ ultrasonic sensors เป็นต้น)
- ควบคุมและเรียนรู้ตามความต้องการต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติเต็มรูปแบบ(แทนที่จะพูดว่าต้องขึ้นอยู่กับกสนเชื่อมต่อกับระบบ Cloud เพื่อส่งข้อมูลไปให้ระบบทำการประมวลผลเอาเองก็ประมวลผลเอาบนรถยนต์ไปเลย)
- จัดการควบคุมและประมวลผลการใช้งานต่างๆ บนตัวรถยนต์(ตรงนี้จะหมายถึงสิ่งต่างๆ ที่ผู้ใช้ทำบนตัวรถยนต์อย่างเช่นการสั่งการต่างๆ ด้วยเสียงเป็นต้นครับ)
- ทำหน้าที่เสมือนกับเป็นปัญญาประดิษฐ์(AI) ที่ต้องทำงานตลอดเวลาในการขับเคลื่อนรถยนต์
ในการเปิดตัวนั้นทาง Jen-Hsun Huang ยังได้บอกเอาไว้อีกครับว่าทาง NVIDIA ได้สร้างแพลตฟอร์มอ้างอิงสำหรับ Drive PX 2 แล้วด้วยโดยใช้ชื่อว่า “Nvidia Drivenet” โดย ณ เวลานี้นั้นเจ้าแพลตฟอร์มดังกล่าวก็ได้มีการทดสอบใช้งานจริงกับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติของทาง NVIDIA แล้ว และเจ้าแพลตฟอร์มดังกล่าวนี้นั้นก็มีชั้นของการเรียนรู้มากกว่า 9 ชั้นด้วยกันเพื่อที่จะทำให้มันสามารถนำไปใช้กับท้องถนนจริงๆ ได้อย่างไม่ยากเย็น
จะว่าไปนี่ไม่ใช่ของใหม่มากนักเพราะทาง NVIDIA ได้มีการเปิดตัวแพลตฟอร์มนี้มาแล้วก่อนหน้านี้ในช่วง 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ทว่าในงาน CES 2016 นั้นทาง NVIDIA ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าขอวแพลตฟอร์มนี้ที่ก้าวหน้าไปค่อนข้างมากอย่างเช่นความสามารถในการตรวจจับรถยนต์ได้ถึงแม้ว่าจู่ในสภาวะที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนักอย่างเช่นตอนที่หิมะกำลังตกหนักมากเป็นต้นครับ
ทั้งนี้ NVIDIA ได้มีการร่วมงานกับทาง Audi เพื่อที่จะทำการทดสอบระบบดังกล่าว(ซึ่ง ณ ตรงนี้ถือว่าอยู่ในจุดที่ดีมาก และดีมากกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำเนื่องจากว่าระบบดังกล่าวสามารถอ่านป้ายเครื่องหมายจราจรของประเทศเยอรมันได้ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับป้ายภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียวครับ) นอกไปจากนั้นแล้วยังจะมีทาง Daimler, BMW และ Ford ที่ใช้ระบบดังกล่าวในรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองอัตโนมัติของตนเหมือนกันครับ
ที่มา : theverge