โดยพื้นฐานของพรินเตอร์ในแบบมัลติฟังก์ชั่นหรือที่มักเรียกกัน All-in-One ที่มีจำหน่ายโดยทั่วไปขณะนี้ มีให้เลือกใช้งานกันตั้งแต่ ผู้ใช้ตามบ้านทั่วไป สำนักงานขนาดกลางและเล็ก ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่กันเกือบทุกค่าย ซึ่งฟังก์ชั่นโดยทั่วไปจะไม่ต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ผู้ใช้รู้สึกประทับใจ จะอยู่ที่การออกแบบการใช้งานให้เป็นกันเอง ใช้งานง่าย สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและมีความยืดหยุ่น ที่ถือเป็นการบ้านของผู้ผลิตที่ต้องพัฒนาเทคโนโลยี กลไกและอินเทอร์เฟสให้ลงตัวมากที่สุด เพื่อให้การใช้งานพรินเตอร์มัลติฟังก์ชั่นได้อย่างลงตัว
เช่นเดียวกับ HP OfficeJet 7510 ที่เป็นพรินเตอร์เพื่องานธุรกิจในตลาด Home Office ที่มีฟังก์ชั่นเพียบพร้อมในการทำงาน ทั้งในเรื่องของการ Print, Scan, Copy และ Fax ในตัว ด้วยคุณภาพสำหรับการสร้างผลงานในระดับมืออาชีพ ด้วยเทคโนโลยี HP Thermal Inkjet และฟีเจอร์สำหรับการพิมพ์แบบครบครัน
Specification
HP OfficeJet 7510 ให้คุณภาพงานพิมพ์ที่ความละเอียด 4800 x 1200 dpi สำหรับการปรินต์สี และให้ความเร็วในการพิมพ์ที่สูง เพื่อให้งานเสร็จทันตามต้องการ ด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 2.65 นิ้ว แสดงผลแบบกราฟฟิกสี ที่ให้ความคล่องตัวในการสั่งงานและระบบสัมผัสที่ตอบสนองได้รวดเร็ว ด้วยฟังก์ชั่นการทำงานที่ช่วยให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น
พร้อมถาดรองรับกระดาษได้มากถึง 250 แผ่นและกระดาษขาออกได้ 75 แผ่น ซึ่งสนับสนุนการพิมพ์ได้ถึง A3 ตอบสนองงานสแกนได้ที่ความละเอียด 1200dpi ในงานที่ต้องการคุณภาพสูงและความเร็วในการสแกนทั่วไปบน A4 ได้ดี รวมถึงการฟีดอัตโนมัติได้ถึง 35 แผ่นแบบ รองรับไฟล์เอาท์พุตทั้งแบบ JPEG, PDF และ TIFF สำหรับการจัดเก็บเป็นแบบซอฟต์ไฟล์ ที่สำคัญในโหมดการ Copy นั้น ทำได้ถึง 33 แผ่นต่อนาทีสำหรับสีดำและ 29 แผ่นต่อนาทีสำหรับสี ให้ความละเอียดที่เหมาะกับงานธุรกิจและเอกสารสำคัญสูงสุดที่ 4800 x 1200 dpi เลยทีเดียว พร้อมด้วยอัตราความเร็วในการแฟกซ์ที่มีคุณภาพ 4 วินาทีต่อหน้า สนับสนุนการเชื่อมต่อมาตรฐาน USB 2.0 รวมถึง Ethernet LAN และ WiFi ด้วยเทคโนโลยี ePrint เพื่อการพิมพ์งานที่จากที่ต่างๆ สะดวกยิ่งขึ้น สนนราคา HP OfficeJet 7510 อยู่ที่ 8,190 บาท
Hardware / Design
รูปลักษณ์พื้นฐานของ HP OfficeJet 7510 มาในแบบพรินเตอร์ขนาดใหญ่เกือบเต็มฟังก์ชั่นสำหรับการใช้งานในบ้านาหรือโฮมออฟฟิศ มาพร้อมฟังก์ชั่น Print, Scan, Copy และ Fax ที่มีอยู่พร้อมสรรพ ในโทนสีดำด้านตัดด้วยเส้นสายของพลาสติกสีดำเงา พร้อมโลโก้สีเงิน HP ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านบนของเครื่อง เพื่อให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ในสำนักงาน ซึ่งอาจดูไม่หวือหวามากนัก และด้วยฟังก์ชั่นที่จัดเต็มมาในตัว
จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำให้ All-in-One เครื่องนี้ดูจะมีขนาดใหญ่พอสมควร ด้วยขนาดของตัวพรินเตอร์อยู่ที่ประมาณ 613 x 483 x 366 mm ซึ่งเมื่อวางบนโต๊ะทำงานขนาดย่อม ก็ดูจะใหญ่คับที่อยู่เหมือนกัน ดังนั้นก็ควรจะเผื่อพื้นที่สำหรับการประกอบถาดกระดาษที่ยื่นออกมาอย่างน้อยอีก 3 ระดับ สำหรับกระดาษในขนาดต่างๆ อย่างน้อยประมาณ 20cm
ด้านหน้ามีปุ่มเพาเวอร์ขนาดเล็ก ดูกลมกลืนไปกับตัวเครื่อง เมื่อเริ่มทำงานจะมีไฟสีขาวสว่างขึ้นตลอดช่วงที่เปิดใช้งาน ด้านล่างเป็นพอร์ต USB สำหรับอินพุตข้อมูลในการพิมพ์ ที่ทำได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องต่อสาย USB หรือเชี่ยมต่อคอมพิวเตอร์ให้วุ่นวาย
ด้านหน้าเครื่องมีจอแสดงผลขนาดใหญ่ 2.6″ รองรับการทำงานแบบสัมผัส สั่งงานได้ด้วยการทัชสกรีนและตอบสนองได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเปลี่ยนโหมด สั่งงาน ปรับเปลี่ยนหรือเพิ่ม-ลด กระดาษก็สามารถทำได้จากหน้าจอนี้ได้ทันที โดยหน้าจอดังกล่าวนี้จะแสดงผลเป็น 2 ส่วนหลักคือ การสั่งงาน Copy, Fax, Scan, HP Printable, Photo และ Setup รวมถึงด้านล่างยังใช้สำหรับการตั้งค่าปรินต์งานแบบไร้สาย ePrint และเช็คสถานะของพรินเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อหรือระดับหมึกและการตรวจสอบดูแลระบบภายในก็ตาม ส่วนด้านข้างหน้าจอมีไฟสีฟ้าเล็กๆ เพื่อบอกสถานะในการทำงานของ WiFi
ด้านบนเป็นที่ฟีดกระดาษสำหรับสแกนแบบต่อเนื่อง ซึ่งป้อนกระดาษได้ทั้งแบบ Manual และ Automatic ที่ทำได้ต่อเนื่องอัตโนมัติ 35 แผ่น ให้การตอบสนองได้ดีทีเดียวกับการฟีดกระดาษที่นุ่มนวลและแม่นยำ ไม่ดึงกระดาษซ้อน ด้วยการสแกนต่อแผ่นไม่ถึง 9 วินาที สำหรับเอกสารที่เป็น Text ธรรมดา ให้การทำงานที่ต่อเนื่องเป็นอย่างดี เสียงรบกวนในการทำงานค่อนข้างน้อย ในส่วนของการสแกนรองรับการบันทึกไฟล์เป็นรูปแบบต่างๆ คือ (.bmp), JPEG (.jpg), PDF (.pdf), PNG (.png), Rich Text (.rtf), Searchable PDF (.pdf), Text (.txt), TIFF (.tif) ให้ความละเอียดได้สูงสุดเหมาะกับงานภาพและกราฟฟิกได้ที่ 1200 dpi
ตัวเครื่องเปิดออกสำหรับการดูแลและเช็คได้ 2 ส่วนด้วยกันคือ ด้านบนเปิดได้สองชั้น ชั้นแรกยกจากตัวสแกนได้บนได้ เพื่อเปิดเข้าสู่ถาดสำหรับฟังก์ชั่นสแกนแบบ Manual ส่วนถ้าจะยกเปิดดูด้านใน ให้ยกจากมือจับที่อยู่ทั้งสองด้าน ก็จะยกให้เห็นตัวรางเลื่อนและหมึกได้ทันที สำหรับการตรวจสอบในขั้นแรก ตรงจุดนี้ใช้เช็คอาการพื้นฐาน
ส่วนถ้ามีกระดาษติด ให้เปิดจากด้านหลัง ด้วยการกดไปที่สลักล็อคสีขาวทั้ง 2 ด้านซ้าย-ขวา จากนั้นดึงฝาปิดออกมาได้ทันที เสร็จแล้วจะสามารถดึงกระดาษออกมาได้อย่างง่ายดาย ด้วยการขยับลูกกลิ้งที่อยู่ด้านหลังนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกได้ไม่น้อย เนื่องจากบางรุ่นนี้อาจจะเปิดง้างออกมาได้เท่านั้น ทำให้การดึงหรือสอดมือเข้าไปได้ยาก แต่ถ้าเปิดออกมาได้ทั้งชิ้น ก็จะช่วยให้ถนัดมือมากกว่า
Paper Tray
ถาดกระดาษขาเข้าและขาออก ติดตั้งอยู่ด้านหน้าเป็นจุดเดียว ซึ่งด้านล่างจะเป็นถาดกระดาษขาเข้า บรรจุกระดาษได้ที่ 256 แผ่น รองรับกระดาษได้สูงสุดขนาด A3 ที่ต้องถือว่าเป็นจุดแข็งอีกอย่างหนึ่งสำหรับพรินเตอร์รุ่นนี้ เพื่อการใช้งานในสำนักงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ที่น่าสนใจก็คือ ถาดกระดาษมีความแข็งแรงมาก ในการประกอบอาจจะต้องออกแรงเล็กน้อยในการกดเข้าสลัก ส่วนด้านในถาดนั้นจะมีตัวเลื่อนสำหรับปรับใช้กระดาษในขนาดต่างๆ ให้อีกด้วย
ส่วนถาดกระดาษขาออกรับได้มากสุดที่ 75 แผ่น โดยในส่วนของถาดกระดาษขาออกนี้ จะฟีดออกมาด้านบนของถาดกระดาษขาเข้า ตามแบบที่ใช้กันอยู่ทั่วไป รวมถึงถาดออกนั้น สามารถยืดก้านที่เป็นตัวรับออกมาให้เหมาะกับกระดาษได้ 3 ระดับด้วยกันคือ กระดาษ A3 กระดาษ A4 และ Letter หรือกระดาษซองจดหมาย พร้อมที่กั้นกระดาษไม่ให้หล่น กรณีที่ดึงออกมาใช้จริงๆ อาจจะต้องเผื่อพื้นที่ด้านหน้าพรินเตอร์เอาไว้มากขึ้นประมาณ 30cm แต่ถ้าหากใช้แค่กระดาษ A4 ก็ยังพับเก็บเข้าไปด้วยการดันและสไลด์เข้าไปแบบง่ายๆ
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อมีอยู่ 2 ส่วนด้วยกันคือ พอร์ตเชื่อมต่อด้านหน้าเป็น USB 2.0 รองรับกับการใช้แฟลชไดรฟ์ ที่สามารถต่อและพรีวิวไฟล์งานได้ทันที แต่ไม่รองรับกับฟอร์แมตที่เป็น NTFS เท่านั้น ซึ่งพอร์ตด้านหน้าเครื่องนี้ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ได้มากทีเดียว เพราะไม่ต้องต่อเข้ากับโน๊ตบุ๊คหรือเครื่องพีซีโดยตรง ช่วยรองรับการใช้งานที่รวดเร็วหรือผู้ใช้อื่นๆ ซึ่งไม่ได้อยู่ในวงเครือข่ายหรือใช้งานเฉพาะหน้าได้ง่ายขึ้น
ส่วนด้านหลังมีพอร์ตให้ครบครัน ตามมาตรฐานของพรินเตอร์แบบ All-in-One ซึ่งประกอบไปด้วย
- 1x USB (2.0) เชื่อมต่อแฟลชไดรฟ์ด้านหน้าเครื่อง
- 1x Ethernet สำหรับเชื่อมต่อ LAN แบบใช้สายสำหรับเครือข่ายภายใน
- 1x Wireless 802.11b/g/n รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย
- 1x USB host พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คโดยตรง
- 1x RJ-11 fax เชื่อมเข้ากับสายสัญญาณโทรศัพท์พื้นฐาน
นอกจากนี้ HP OfficeJet 7510 ยังสนับสนุนการเชื่อมต่อแบบไร้สาย Wi-Fi 802.11b/g/n ที่สนับสนุนฟีเจอร์ร่วมกับ Apple AirPrint™, HP ePrint, Wireless direct printing, Mopria-certified ได้อีกด้วย โดยการเชื่อมต่อนี้ สามารถทำงานร่วมกับ HP ePrint ได้ผ่านทางแอพพลิเคชั่น ที่ติดตั้งได้ทั้งบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของทั้ง Android และ iOS ด้วยการใช้งานแบบง่ายๆ จากการใช้งานทั้ง Web service และผ่านการแชร์บนเครือข่ายไร้สายในบ้านหรือสำนักงาน รวมถึงการปรินต์ผ่าน HP WiFi Direct ได้โดยตรง
Performance / Software
ในด้านของประสิทธิภาพในการทำงาน คงต้องเริ่มจากฟังก์ชั่นการปรินต์ที่เป็นเรื่องหลัก ซึ่งเรื่องของคุณภาพหากเป็นการปรินต์เอกสารทั่วไปหรือเอกสารที่มีกราฟฟิกในการพรีเซนเทชั่น ให้คุณภาพได้คมชัดในทุกตัวอักษรเลยทีเดียว ไม่ว่าจะมีความหลากหลายของตัวอักษร ใหญ่ เล็กหรือตัวหนา บาง ก็ให้ความคมชัดได้ดี เรียกว่าหากได้กระดาษที่เหมาะสม ก็น่าจะได้ความคมชัดได้มากขึ้น นอกจากนี้ในเรื่องของกราฟฟิกก็ยังออกมาคมชัด แม้แต่รายละเอียดเล็กๆ ที่เป็นตัวเลขคะแนนและด้านข้างกราฟก็ตาม ด้วยความเร็วในการปรินต์เอกสาร ส่วนงานปรินต์เอกสารทั่วไป ที่เป็นตัวอักษรสีดำเพียงอย่างเดียว (ขาวดำ) ใช้เวลาประมาณ 14 วินาที เท่านั้น
แต่ที่น่าสนใจก็คือ การปรินต์งานกราฟสำหรับพรีเซนเทชั่น สี+ขาวดำ ใช้เวลาเพียง 20 วินาที และในการปรินต์ภาพถ่ายในขนาด A4 ด้วยความละเอียด 600 dpi Ultra High ทำเวลาในการปรินต์แค่เพียง 24 วินาที ซึ่งเรียกว่าเป็นงานปรินต์ที่ใช้งานกันเป็นประจำ ยังใช้เวลาเพียงสั้นๆ ส่วนคุณภาพก็ขึ้นอยู่กับกระดาษที่ใช้ หากเป็นภาพถ่ายคุณภาพสูงกับกระดาษที่เป็น Glossy สำหรับงานภาพถ่ายก็จะให้ความสดใสของภาพได้มากยิ่งขึ้น
ส่วนฟังก์ชั่นการสแกนและก็อปปี้นั้น ให้ผลในการทดลองใช้งานได้ดังนี้คือ ในการก็อปปี้เอกสารสำนักงานทั่วไป จำนวน 1 หน้า ใช้เวลาประมาณ 1 นาที 25 วินาที ส่วนการก็อปปี้ภาพสีจำนวน 1 หน้า ใช้เวลา 1 นาที 57 วินาทีและการสแกนเอกสารพรีเซนเทชั่น จำนวน 1 หน้า ใช้เวลา 9 วินาที ซึ่งการสแกนนั้นค่อนข้างง่าย เพราะมีทางเลือกในการจัดเก็บไฟล์ได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ เมมโมรีหรืออีเมล์ ซึ่งสามารถเข้าไปตั้งค่าได้จากพาแนลของพรินเตอร์เลย ส่วนถ้าจะใช้งานบนคอมพิวเตอร์ ก็สามารถใช้ฟังก์ชั่น Scan ที่อยู่บน Windows ได้ทันทีหรือจะใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์ของ HP ก็ได้เช่นกัน
Conclusion / Award
ด้วยพื้นฐานการใช้งานและประสิทธิภาพที่ได้จากเครื่องพิมพ์ HP OfficeJet 7510 ที่เป็นพรินเตอร์สำนักงานขนาดเล็กนี้ ดูแล้วน่าจะตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้ภายในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็กหรือกลางได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการรองรับในทุกฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็น Print, Scan, Copy หรือ Fax ก็ตาม รวมถึงการควบคุมและใช้งาน ให้ความคล่องตัวดีทีเดียว จุดสำคัญก็คือ ฟังก์ชั่นในการสั่งงานผ่านทางพาแนลหน้าเครื่อง ที่ดูจะเอื้อประโยชน์ในการใช้งานได้หลากรูปแบบ ทั้งการตั้งค่า ตรวจสอบ ตรวจเช็คระดับหมึกหรือการเชื่อมต่อ สามารถเช็คผ่านหน้าจอนี้ได้ทันที ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน ในเรื่องของงานปรินต์โดยทั่วไป ยังคงให้ความรวดเร็วได้อย่างน่าทึ่ง และคุณภาพที่วางใจได้ ดูได้จากผลทดสอบที่ออกมา ทั้งความคมชัดและความเร็ว หรือถ้าจะเลี่ยงการปรินต์ผ่านทาง WiFi ก็มีให้เลือกในการปรินต์ผ่านทางเครือข่าย ซึ่งก็ดูจะเหมาะกับการใช้งานในบ้านและองค์กร
รวมถึงการปรินต์ผ่านทาง WiFi Direct Print สำหรับการปรินต์โดยตรงเข้ากับเครื่องสมาร์ทโฟนหรือแท็ปเล็ตได้อีกด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตก็คือ เรื่องของเสียงที่เกิดขึ้นระหว่างการพิมพ์ที่มีอยู่บ้าง ซึ่งตรงจุดนี้อาจจะต้องหาพื้นที่วางในมุมที่ลดเสียงรบกวน โดยเฉพาะควรจะวางบนพื้นที่แข็งแรง ไม่ขยับง่าย เพราะจะทำให้ลดเสียงรบกวนได้มากขึ้น แต่ในภาพรวมต้องถือว่าด้วยฟังก์ชั่นและคุณภาพงานพิมพ์ทำได้น่าประทับใจไม่น้อย และตอบรับได้ดี ในเรื่องของการควบคุมและใช้งาน
สนนราคา HP OfficeJet 7510 อยู่ที่ 8,190 บาท
จุดเด่น
- ให้คุณภาพงานปรินต์ได้ดี คมชัด ให้ความละเอียดที่สูง
- ควบคุมง่ายผ่านหน้าจอระบบสัมผัส
- รองรับกระดาษได้ถึงขนาด A3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานพิมพ์ให้กับองค์กร
- รองรับการสแกนต่อเนื่องได้มากกว่า 30 แผ่น
- สแกนต่อเนื่องและมีความเร็วในการก็อปปี้เอกสารที่สูง
ข้อสังเกต
- มีขนาดค่อนข้างใหญ่
- มีเสียงเกิดขึ้นในระหว่างการพิมพ์อยู่บ้าง
Specification
HP OfficeJet 7510 ให้คุณภาพงานพิมพ์ที่ความละเอียด 4800 x 1200 dpi สำหรับการปรินต์สี และให้ความเร็วในการพิมพ์ที่สูง เพื่อให้งานเสร็จทันตามต้องการ ด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 2.65 นิ้ว แสดงผลแบบกราฟฟิกสี ที่ให้ความคล่องตัวในการสั่งงานและระบบสัมผัสที่ตอบสนองได้รวดเร็ว ด้วยฟังก์ชั่นการทำงานที่ช่วยให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น
พร้อมถาดรองรับกระดาษได้มากถึง 250 แผ่นและกระดาษขาออกได้ 75 แผ่น ซึ่งสนับสนุนการพิมพ์ได้ถึง A3 ตอบสนองงานสแกนได้ที่ความละเอียด 1200dpi ในงานที่ต้องการคุณภาพสูงและความเร็วในการสแกนทั่วไปบน A4 ได้ดี รวมถึงการฟีดอัตโนมัติได้ถึง 35 แผ่นแบบ รองรับไฟล์เอาท์พุตทั้งแบบ JPEG, PDF และ TIFF สำหรับการจัดเก็บเป็นแบบซอฟต์ไฟล์ ที่สำคัญในโหมดการ Copy นั้น ทำได้ถึง 33 แผ่นต่อนาทีสำหรับสีดำและ 29 แผ่นต่อนาทีสำหรับสี ให้ความละเอียดที่เหมาะกับงานธุรกิจและเอกสารสำคัญสูงสุดที่ 4800 x 1200 dpi เลยทีเดียว พร้อมด้วยอัตราความเร็วในการแฟกซ์ที่มีคุณภาพ 4 วินาทีต่อหน้า สนับสนุนการเชื่อมต่อมาตรฐาน USB 2.0 รวมถึง Ethernet LAN และ WiFi ด้วยเทคโนโลยี ePrint เพื่อการพิมพ์งานที่จากที่ต่างๆ สะดวกยิ่งขึ้น สนนราคา HP OfficeJet 7510 อยู่ที่ 8,190 บาท
Hardware / Design
รูปลักษณ์พื้นฐานของ HP OfficeJet 7510 มาในแบบพรินเตอร์ขนาดใหญ่เกือบเต็มฟังก์ชั่นสำหรับการใช้งานในบ้านาหรือโฮมออฟฟิศ มาพร้อมฟังก์ชั่น Print, Scan, Copy และ Fax ที่มีอยู่พร้อมสรรพ ในโทนสีดำด้านตัดด้วยเส้นสายของพลาสติกสีดำเงา พร้อมโลโก้สีเงิน HP ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านบนของเครื่อง เพื่อให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ในสำนักงาน ซึ่งอาจดูไม่หวือหวามากนัก และด้วยฟังก์ชั่นที่จัดเต็มมาในตัว
จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำให้ All-in-One เครื่องนี้ดูจะมีขนาดใหญ่พอสมควร ด้วยขนาดของตัวพรินเตอร์อยู่ที่ประมาณ 613 x 483 x 366 mm ซึ่งเมื่อวางบนโต๊ะทำงานขนาดย่อม ก็ดูจะใหญ่คับที่อยู่เหมือนกัน ดังนั้นก็ควรจะเผื่อพื้นที่สำหรับการประกอบถาดกระดาษที่ยื่นออกมาอย่างน้อยอีก 3 ระดับ สำหรับกระดาษในขนาดต่างๆ อย่างน้อยประมาณ 20cm
ด้านหน้ามีปุ่มเพาเวอร์ขนาดเล็ก ดูกลมกลืนไปกับตัวเครื่อง เมื่อเริ่มทำงานจะมีไฟสีขาวสว่างขึ้นตลอดช่วงที่เปิดใช้งาน ด้านล่างเป็นพอร์ต USB สำหรับอินพุตข้อมูลในการพิมพ์ ที่ทำได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องต่อสาย USB หรือเชี่ยมต่อคอมพิวเตอร์ให้วุ่นวาย
ด้านหน้าเครื่องมีจอแสดงผลขนาดใหญ่ 2.6″ รองรับการทำงานแบบสัมผัส สั่งงานได้ด้วยการทัชสกรีนและตอบสนองได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเปลี่ยนโหมด สั่งงาน ปรับเปลี่ยนหรือเพิ่ม-ลด กระดาษก็สามารถทำได้จากหน้าจอนี้ได้ทันที โดยหน้าจอดังกล่าวนี้จะแสดงผลเป็น 2 ส่วนหลักคือ การสั่งงาน Copy, Fax, Scan, HP Printable, Photo และ Setup รวมถึงด้านล่างยังใช้สำหรับการตั้งค่าปรินต์งานแบบไร้สาย ePrint และเช็คสถานะของพรินเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อหรือระดับหมึกและการตรวจสอบดูแลระบบภายในก็ตาม ส่วนด้านข้างหน้าจอมีไฟสีฟ้าเล็กๆ เพื่อบอกสถานะในการทำงานของ WiFi
ด้านบนเป็นที่ฟีดกระดาษสำหรับสแกนแบบต่อเนื่อง ซึ่งป้อนกระดาษได้ทั้งแบบ Manual และ Automatic ที่ทำได้ต่อเนื่องอัตโนมัติ 35 แผ่น ให้การตอบสนองได้ดีทีเดียวกับการฟีดกระดาษที่นุ่มนวลและแม่นยำ ไม่ดึงกระดาษซ้อน ด้วยการสแกนต่อแผ่นไม่ถึง 9 วินาที สำหรับเอกสารที่เป็น Text ธรรมดา ให้การทำงานที่ต่อเนื่องเป็นอย่างดี เสียงรบกวนในการทำงานค่อนข้างน้อย ในส่วนของการสแกนรองรับการบันทึกไฟล์เป็นรูปแบบต่างๆ คือ (.bmp), JPEG (.jpg), PDF (.pdf), PNG (.png), Rich Text (.rtf), Searchable PDF (.pdf), Text (.txt), TIFF (.tif) ให้ความละเอียดได้สูงสุดเหมาะกับงานภาพและกราฟฟิกได้ที่ 1200 dpi
ตัวเครื่องเปิดออกสำหรับการดูแลและเช็คได้ 2 ส่วนด้วยกันคือ ด้านบนเปิดได้สองชั้น ชั้นแรกยกจากตัวสแกนได้บนได้ เพื่อเปิดเข้าสู่ถาดสำหรับฟังก์ชั่นสแกนแบบ Manual ส่วนถ้าจะยกเปิดดูด้านใน ให้ยกจากมือจับที่อยู่ทั้งสองด้าน ก็จะยกให้เห็นตัวรางเลื่อนและหมึกได้ทันที สำหรับการตรวจสอบในขั้นแรก ตรงจุดนี้ใช้เช็คอาการพื้นฐาน
ส่วนถ้ามีกระดาษติด ให้เปิดจากด้านหลัง ด้วยการกดไปที่สลักล็อคสีขาวทั้ง 2 ด้านซ้าย-ขวา จากนั้นดึงฝาปิดออกมาได้ทันที เสร็จแล้วจะสามารถดึงกระดาษออกมาได้อย่างง่ายดาย ด้วยการขยับลูกกลิ้งที่อยู่ด้านหลังนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกได้ไม่น้อย เนื่องจากบางรุ่นนี้อาจจะเปิดง้างออกมาได้เท่านั้น ทำให้การดึงหรือสอดมือเข้าไปได้ยาก แต่ถ้าเปิดออกมาได้ทั้งชิ้น ก็จะช่วยให้ถนัดมือมากกว่า
Paper Tray
ถาดกระดาษขาเข้าและขาออก ติดตั้งอยู่ด้านหน้าเป็นจุดเดียว ซึ่งด้านล่างจะเป็นถาดกระดาษขาเข้า บรรจุกระดาษได้ที่ 256 แผ่น รองรับกระดาษได้สูงสุดขนาด A3 ที่ต้องถือว่าเป็นจุดแข็งอีกอย่างหนึ่งสำหรับพรินเตอร์รุ่นนี้ เพื่อการใช้งานในสำนักงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ที่น่าสนใจก็คือ ถาดกระดาษมีความแข็งแรงมาก ในการประกอบอาจจะต้องออกแรงเล็กน้อยในการกดเข้าสลัก ส่วนด้านในถาดนั้นจะมีตัวเลื่อนสำหรับปรับใช้กระดาษในขนาดต่างๆ ให้อีกด้วย
ส่วนถาดกระดาษขาออกรับได้มากสุดที่ 75 แผ่น โดยในส่วนของถาดกระดาษขาออกนี้ จะฟีดออกมาด้านบนของถาดกระดาษขาเข้า ตามแบบที่ใช้กันอยู่ทั่วไป รวมถึงถาดออกนั้น สามารถยืดก้านที่เป็นตัวรับออกมาให้เหมาะกับกระดาษได้ 3 ระดับด้วยกันคือ กระดาษ A3 กระดาษ A4 และ Letter หรือกระดาษซองจดหมาย พร้อมที่กั้นกระดาษไม่ให้หล่น กรณีที่ดึงออกมาใช้จริงๆ อาจจะต้องเผื่อพื้นที่ด้านหน้าพรินเตอร์เอาไว้มากขึ้นประมาณ 30cm แต่ถ้าหากใช้แค่กระดาษ A4 ก็ยังพับเก็บเข้าไปด้วยการดันและสไลด์เข้าไปแบบง่ายๆ
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อมีอยู่ 2 ส่วนด้วยกันคือ พอร์ตเชื่อมต่อด้านหน้าเป็น USB 2.0 รองรับกับการใช้แฟลชไดรฟ์ ที่สามารถต่อและพรีวิวไฟล์งานได้ทันที แต่ไม่รองรับกับฟอร์แมตที่เป็น NTFS เท่านั้น ซึ่งพอร์ตด้านหน้าเครื่องนี้ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ได้มากทีเดียว เพราะไม่ต้องต่อเข้ากับโน๊ตบุ๊คหรือเครื่องพีซีโดยตรง ช่วยรองรับการใช้งานที่รวดเร็วหรือผู้ใช้อื่นๆ ซึ่งไม่ได้อยู่ในวงเครือข่ายหรือใช้งานเฉพาะหน้าได้ง่ายขึ้น
ส่วนด้านหลังมีพอร์ตให้ครบครัน ตามมาตรฐานของพรินเตอร์แบบ All-in-One ซึ่งประกอบไปด้วย
- 1x USB (2.0) เชื่อมต่อแฟลชไดรฟ์ด้านหน้าเครื่อง
- 1x Ethernet สำหรับเชื่อมต่อ LAN แบบใช้สายสำหรับเครือข่ายภายใน
- 1x Wireless 802.11b/g/n รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย
- 1x USB host พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คโดยตรง
- 1x RJ-11 fax เชื่อมเข้ากับสายสัญญาณโทรศัพท์พื้นฐาน
นอกจากนี้ HP OfficeJet 7510 ยังสนับสนุนการเชื่อมต่อแบบไร้สาย Wi-Fi 802.11b/g/n ที่สนับสนุนฟีเจอร์ร่วมกับ Apple AirPrint™, HP ePrint, Wireless direct printing, Mopria-certified ได้อีกด้วย โดยการเชื่อมต่อนี้ สามารถทำงานร่วมกับ HP ePrint ได้ผ่านทางแอพพลิเคชั่น ที่ติดตั้งได้ทั้งบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของทั้ง Android และ iOS ด้วยการใช้งานแบบง่ายๆ จากการใช้งานทั้ง Web service และผ่านการแชร์บนเครือข่ายไร้สายในบ้านหรือสำนักงาน รวมถึงการปรินต์ผ่าน HP WiFi Direct ได้โดยตรง
Performance / Software
ในด้านของประสิทธิภาพในการทำงาน คงต้องเริ่มจากฟังก์ชั่นการปรินต์ที่เป็นเรื่องหลัก ซึ่งเรื่องของคุณภาพหากเป็นการปรินต์เอกสารทั่วไปหรือเอกสารที่มีกราฟฟิกในการพรีเซนเทชั่น ให้คุณภาพได้คมชัดในทุกตัวอักษรเลยทีเดียว ไม่ว่าจะมีความหลากหลายของตัวอักษร ใหญ่ เล็กหรือตัวหนา บาง ก็ให้ความคมชัดได้ดี เรียกว่าหากได้กระดาษที่เหมาะสม ก็น่าจะได้ความคมชัดได้มากขึ้น นอกจากนี้ในเรื่องของกราฟฟิกก็ยังออกมาคมชัด แม้แต่รายละเอียดเล็กๆ ที่เป็นตัวเลขคะแนนและด้านข้างกราฟก็ตาม ด้วยความเร็วในการปรินต์เอกสาร ส่วนงานปรินต์เอกสารทั่วไป ที่เป็นตัวอักษรสีดำเพียงอย่างเดียว (ขาวดำ) ใช้เวลาประมาณ 14 วินาที เท่านั้น
แต่ที่น่าสนใจก็คือ การปรินต์งานกราฟสำหรับพรีเซนเทชั่น สี+ขาวดำ ใช้เวลาเพียง 20 วินาที และในการปรินต์ภาพถ่ายในขนาด A4 ด้วยความละเอียด 600 dpi Ultra High ทำเวลาในการปรินต์แค่เพียง 24 วินาที ซึ่งเรียกว่าเป็นงานปรินต์ที่ใช้งานกันเป็นประจำ ยังใช้เวลาเพียงสั้นๆ ส่วนคุณภาพก็ขึ้นอยู่กับกระดาษที่ใช้ หากเป็นภาพถ่ายคุณภาพสูงกับกระดาษที่เป็น Glossy สำหรับงานภาพถ่ายก็จะให้ความสดใสของภาพได้มากยิ่งขึ้น
ส่วนฟังก์ชั่นการสแกนและก็อปปี้นั้น ให้ผลในการทดลองใช้งานได้ดังนี้คือ ในการก็อปปี้เอกสารสำนักงานทั่วไป จำนวน 1 หน้า ใช้เวลาประมาณ 1 นาที 25 วินาที ส่วนการก็อปปี้ภาพสีจำนวน 1 หน้า ใช้เวลา 1 นาที 57 วินาทีและการสแกนเอกสารพรีเซนเทชั่น จำนวน 1 หน้า ใช้เวลา 9 วินาที ซึ่งการสแกนนั้นค่อนข้างง่าย เพราะมีทางเลือกในการจัดเก็บไฟล์ได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ เมมโมรีหรืออีเมล์ ซึ่งสามารถเข้าไปตั้งค่าได้จากพาแนลของพรินเตอร์เลย ส่วนถ้าจะใช้งานบนคอมพิวเตอร์ ก็สามารถใช้ฟังก์ชั่น Scan ที่อยู่บน Windows ได้ทันทีหรือจะใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์ของ HP ก็ได้เช่นกัน
Conclusion / Award
ด้วยพื้นฐานการใช้งานและประสิทธิภาพที่ได้จากเครื่องพิมพ์ HP OfficeJet 7510 ที่เป็นพรินเตอร์สำนักงานขนาดเล็กนี้ ดูแล้วน่าจะตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้ภายในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็กหรือกลางได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการรองรับในทุกฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็น Print, Scan, Copy หรือ Fax ก็ตาม รวมถึงการควบคุมและใช้งาน ให้ความคล่องตัวดีทีเดียว จุดสำคัญก็คือ ฟังก์ชั่นในการสั่งงานผ่านทางพาแนลหน้าเครื่อง ที่ดูจะเอื้อประโยชน์ในการใช้งานได้หลากรูปแบบ ทั้งการตั้งค่า ตรวจสอบ ตรวจเช็คระดับหมึกหรือการเชื่อมต่อ สามารถเช็คผ่านหน้าจอนี้ได้ทันที ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน ในเรื่องของงานปรินต์โดยทั่วไป ยังคงให้ความรวดเร็วได้อย่างน่าทึ่ง และคุณภาพที่วางใจได้ ดูได้จากผลทดสอบที่ออกมา ทั้งความคมชัดและความเร็ว หรือถ้าจะเลี่ยงการปรินต์ผ่านทาง WiFi ก็มีให้เลือกในการปรินต์ผ่านทางเครือข่าย ซึ่งก็ดูจะเหมาะกับการใช้งานในบ้านและองค์กร
รวมถึงการปรินต์ผ่านทาง WiFi Direct Print สำหรับการปรินต์โดยตรงเข้ากับเครื่องสมาร์ทโฟนหรือแท็ปเล็ตได้อีกด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตก็คือ เรื่องของเสียงที่เกิดขึ้นระหว่างการพิมพ์ที่มีอยู่บ้าง ซึ่งตรงจุดนี้อาจจะต้องหาพื้นที่วางในมุมที่ลดเสียงรบกวน โดยเฉพาะควรจะวางบนพื้นที่แข็งแรง ไม่ขยับง่าย เพราะจะทำให้ลดเสียงรบกวนได้มากขึ้น แต่ในภาพรวมต้องถือว่าด้วยฟังก์ชั่นและคุณภาพงานพิมพ์ทำได้น่าประทับใจไม่น้อย และตอบรับได้ดี ในเรื่องของการควบคุมและใช้งาน
สนนราคา HP OfficeJet 7510 อยู่ที่ 8,190 บาท
จุดเด่น
- ให้คุณภาพงานปรินต์ได้ดี คมชัด ให้ความละเอียดที่สูง
- ควบคุมง่ายผ่านหน้าจอระบบสัมผัส
- รองรับกระดาษได้ถึงขนาด A3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานพิมพ์ให้กับองค์กร
- รองรับการสแกนต่อเนื่องได้มากกว่า 30 แผ่น
- สแกนต่อเนื่องและมีความเร็วในการก็อปปี้เอกสารที่สูง
ข้อสังเกต
- มีขนาดค่อนข้างใหญ่
- มีเสียงเกิดขึ้นในระหว่างการพิมพ์อยู่บ้าง