หน่วยประมวลผลฝั่ง Desktop ที่ทางทีมงาน NotebookSPEC มาพรีวิวให้เพื่อนๆ ได้ดูกันในบทความนี้จะเป็นหนึ่งในหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ในกลุ่ม High Performance อย่าง Intel Core i7-6700K “Skylake” 6th Genneration ที่เรียกได้ว่ามีความสนใจมากในหลายแง่มุมทั้งในเรื่องของความสดใหม่ ในเรื่องของฟีเจอร์ ในเรื่องของความแรง และอื่นๆ อีกมากมาย แต่กระนั้นแล้ว รุ่นนี้มันจะดีจริงๆ ไหม มันจะแตกต่างจากรุ่นก่อนๆ และประสิทธิภาพของมันคุ้มค่าหรือไม่ที่จะเปลี่ยนมาใช้ ถ้าเพื่อนๆ พร้อมแล้วไปดูกันได้เลย
ภาพจาก : digitaltrends
Intel Core i7-6700K “Skylake”
Intel Core i7-6700K อย่างที่ได้ทราบกันเป็นอย่างดีแล้ว ว่าเป็นหน่วยประมวลผลหรือซีพียูตัวท็อปพร้อมรองรับการ Overclock แบบปลดล็อคตัวคูณจากรหัส “K” ต่อท้าย รุ่นล่าสุดในสถาปัตกรรม “Skylake” หรือ 6th Genneration ในรูปแบบของ Tock (จาก Tick-Tock) บนเทคโนโลยีการผลิตขนาด 14 นาโนเมตร พร้อมเปิดตัวและวางขายทั่วโลกเมื่อต้นเดือนกันยายน 2015 ที่ผ่านมานี้เอง พร้อมด้วยคอร์ประมวลผล 4 คอร์ และคอร์เสมือนผ่านเทคโนโลยี Hyper-Threading รวมเป็น 8 คอร์ ความเร็ว 4GHz เร่งได้สูงสุดผ่านเทคโนโลยี Turbo Boost Technology 2.0 ที่ความเร็ว 4.2GHz มีแคชระดับ 1 ที่ 256KB มีแคชระดับ 2 ที่ 1MB และแคชระดับ 3 ที่ 8MB (2MB ต่อคอร์) พร้อมกราฟิกการ์ดโค้ดแนมว่า Intel HD Graphics 530 และพร้อมรองรับแรม DDR3(L)-1600/DDR4-2133 Memory แบบ Dual-channel ตัวซีพียูติดตั้งได้กับ Socket 1151 บนชิป Z170 Series สำหรับนักโอเวอร์คล็อก , H170 Series ผู้ใช้งานทั่วไป และ B150 Series ราคาประหยัด
ประสิทธิภาพซีพียู
ในแง่ของประสิทธิภาพ Core i7-6700K นอกเหนือจากที่จะมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลงจากตระกูล Haswell ที่ขนาด 22nm แล้วยังกินเนื้อที่ในการจัดวางบนอุปกรณ์ต่างๆน้อยลง และประหยัดเนื้อที่กว่าด้วยเทคโนโลยี FinFET transistor ส่งผลให้ขนาด Die Size เล็กลง กินไฟต่ำเพราะมี TDP เพียง 91W บนประสิทธิที่เพิ่มขึ้นพอสมควรทีเดียว ซึ่งถ้าวัดกันแบบหมัดต่อหมัดในการเล่นเกมต่างๆ บน Config เดียวกันกับ Core i7-4970K ตัวก่อนหน้า ประสิทธิภาพก็จะดีขึ้นถึงราวๆ 10%-20% เมื่อเทียบกันตัวต่อตัว
ผลเทสจาก : anandtech
ส่วนถ้าจะเทียบกับ Core i7-3770K ทาง Core i7-6700K ก็จะเร็วกว่าอยู่ราวๆ 20-35% ในบางการทดสอบ และเมื่อเทียบกับ Core i7-2600K ก็จะมีประสิทธิภาพมากกว่าราวๆ 40-50% กันเลยทีเดียว ส่วนงานอื่นๆ แน่นอนว่าส่งผลถึงความแตกต่างแน่นอน และเจ้า Skylake น่าจะสามารถตอบสนองกันในทุกงานประมวลผลและการใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับงานที่ต้องใช้การประมวลผลหนักๆ รวมถึงงานที่ต้องใช้การทำงานหลายๆอย่างไปพร้อมๆกันหรือ Multi Tasking เช่น เรนเดอร์ ตัดต่อ หรือแม้แต่เล่นเกมใหม่ๆ นั่นเอง
ผลเทสจาก : DigitalFoundry
ประสิทธิภาพจีพียู
ส่วนในแง่ของชิปการ์ดจอออนบอร์ดก็จัดเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทาง Intel ค่อนข้างภูมิใจนำเสนอทีเดียว ด้วย HD Graphics 530 ในชื่อย่อ GT2 ที่ติดตั้งมาในตัวได้รับการพัฒนามากขึ้นเยอะ จนมีความน่าสนใจมากทีเดียว ด้วยจำนวน 24 Execution Units (EUs) บนระดับสัญญาณนาฬิกา 300 – 1050 MHz ที่แน่นอนว่าใช้งานได้ดีกว่า HD Graphics 4600 (20 EUs) มากถึง 30-35% กันเลยทีเดียวเมื่อใช้บน Intel Core i7-6700K เรียกได้ว่ามีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง สูสีกับการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce GT920M ยังไงยังงั้น ซึ่งถ้าจะใช้เล่นเกมบอกได้เลยละครับว่าเกมในปี 2015 ที่ออกมาสามารถเล่นได้หมดทุกเกม ในระดับ Low-Medium
ผลเทสจาก : anandtech
ยิ่งไปกว่านั้น HD Graphics 530 ที่อยู่บนหน่วยประมวลผล Core i7-6700K ยังมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างการถอดรหัสไฟล์หนัง H.265/HEVC , DirectX 12 , OpenGL 4.4 และ OpenCL 2.0 และรองรับการเชื่อมต่อ DisplayPort 1.2 , eDP 1.3 หรือ HDMI 1.4a ได้เช่นกันที่ความละเอียดสูงสุด 4K UltraHD (3840 x 2160px)
สรุป
ทั้งหมดก็เป็นเทคโนโลยีและประสิทธิภาพคร่าวๆ ของ Intel Core i7-6700K “Skylake” 6th Genneration ที่ทีมงาน NBS มาอัพเดทให้เพื่อนๆ ได้ทราบกัน ซึ่งถ้าถามผมว่าในแง่ของความคุ้มค่าที่จะซื้อ ณ เวลานี้หรือไม่อย่างไรนั้น บอกได้เลยละครับว่า”คุ้ม!!” แน่นอน ด้วยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นมากพอสมควรโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเล่นเกม และเทคโนโยยีใหม่ๆ ที่ติดตั้งมาค่อนข้างเยอะทีเดียว
ซึ่ง ณ ตอนนี้สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจ Intel Core i7-6700K ก็สามารถหาซื้อกันได้เลยผ่านตัวแทนจำหน่ายชั้นนำเช่น JIB Online , BananaIT และ Advice เป็นต้น บนสนนราคาที่ 13,700 บาท แต่ถ้าเพื่อนๆ ที่มีงบประมาณจำกัดตัว INTEL Core i7-6700 ธรรมดาก็น่าสนใจเช่นกันสำหรับผู้ใช้งานปกติทั่วไป ในราคา 11,xxx บาท และอย่าลืมคอนฟิกระบบให้เป็น DDR4 กันด้วยนะครับเพื่อการรีดประสิทธิภาพให้สูงที่สุด