หลายคนคงจะคุ้นเคยกับชื่อ ThinkPad มาอย่างยาวนานแล้ว ซึ่งในปัจจุบันนี้ทาง Lenovo ที่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ชั้นนำของโลกได้ถือครองอยู่ แน่นอนว่าในเรื่องของความทนทาน ความแข็งแรง ความสเถียร และระบบความปลอดภัยในตัวของคอมพิวเตอร์ ThinkPad นั้น คนทั่วโลกต่างไว้วางใจตลอดมา ที่ในขณะนี้ Lenovo ได้ทำการส่งโน๊ตบุ๊ค ThinkPad รุ่นใหม่ออกมาที่ใช้ชื่อว่า Lenovo ThinkPad X1 Carbon ให้เราทั้งหลายได้ยลโฉมกัน โดยได้รับการต่อยอดมาจาก Lenovo ThinkPad X1 รุ่นแรก
Lenovo ThinkPad X1 Carbon ถือได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบามาตรฐานแนวนักธุรกิจตัวหนึ่งที่มีความน่าสนใจอย่างมากทีเดียว กับ Ultrabook รูปร่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งเรียกความสนใจจากทุกสื่อทั่วโลก และชาวโน๊ตบุ๊คทั้งหลายได้ดีเลยทีเดียว (สำหรับในรุ่นแรก) เพราะว่ามันได้ถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุที่ถือว่ามีราคาต้นทุนที่สูง โดยมาพร้อมความแข็งแกร่งแต่บางเบาอย่างคาร์บอนไฟเบอร์
Specification
สเปคภายในของตัว Lenovo ThinkPad X1 Carbon (เครื่องที่นำมาทดสอบ) จะคล้ายกับกลุ่มโน๊ตบุ๊คทั่วไปกับขนาดหน้า 14 นิ้วแบบด้าน กับความละเอียดระดับ Full HD พร้อมพาเนลคุณภาพสูง ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริงและมุมมองที่กว้างขว้าง ด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i7-5500U ความเร็ว 2.4 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 3.0GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 2 คอร์ 4 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน โดยเป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 5 ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR3L ที่เรียกได้ว่าเหลือกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น Intel HD Graphics 5500 นอกจากนี้ฮาร์ดดิสก์ SSD ความจุสูงถึง 256GB
ตัวเครื่อง Lenovo ThinkPad X1 Carbon ติดตั้งกล้อง Webcam ความคมชัดระดับ HD 720 และไมโครโฟนแบบ Dual Digital Array Microphone ไว้สำหรับแชทและวิดีโอคอลได้อย่างคมชัดลื่นไหล พอร์ตเชื่อมต่อเองก็จะมี USB 3.0 2 พอร์ต (เป็น USB Charing สามารถชาร์ทสมาร์ทโฟนได้), Display Port สำหรับต่อหน้าจอแยกตัวที่ 2 , Audio Combo Jack, รองรับการเชื่อมไร้สายอย่าง Wireless 802.11 b/g/n , Bluetooth 4.0 และมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 1.30 กิโลกรัม และมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์แท้ สนนราคาอยู่ที่ 59,900 บาท พร้อมการรับประกันทั่วโลก 3 ปี
สเปกเต็มๆ <<<
Hardware / Design
ดีไซน์โดยรวมนั้นจัดได้ว่ามีความเป็น ThinkPad อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยสีสันแบบดำด้านที่ให้ผิวสัมผัสซอฟต์ทัชที่คุ้นเคยตามสไตล์ ThinkPad อีกทั้งจุดเด่นของเครื่องตัวนี้ แน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องของวัสดุ ที่ใช้เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ แต่จริงๆค่อนข้างยากที่จะสังเกตเห็นจากภายนอกได้ชัดเจน เพราะว่า Lenovo นั้นไม่ได้โชว์ลายพื้นผิววัสดุดั้งเดิมของคาร์บอนไฟเบอร์ให้เห็น แต่ว่าทำพื้นผิวให้เป็นแบบหนืดมือ เพื่อเวลาหยิบจับจะได้ไม่ลื่นไหลออกจากมือได้ง่าย เหมือนกับเครื่อง ThinkPad รุ่นก่อนๆ ที่ผ่านมา เรียกว่าให้ความเป็น ThinkPad ที่หรูหราดีทีเดียว ซึ่งก็ยังให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งและไว้ใจได้อยู่
นอกจากนั้นโครงสร้างภายในที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ใหม่นี้ ยังแข็งแกร่งกว่าโครงแบบแม็กนีเซียมเดิมถึงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และยังเบากว่าเกือบจะ 50 เปอร์เซ็นต์ในด้านน้ำหนัก ผลลัพธ์ก็คือ Lenovo ThinkPad X1 Carbon ตัวนี้ ได้ผ่านมาตรฐานการทดสอบ MIL ต่างๆ ด้วยกันถึง 8 มาตรฐาน ตั้งแต่ความชื้นสัมพัทธ์, อุณหภูมิต่ำ, อุณหภูมิสูง, อุณหภูมิที่รุนแรง, ทราย, ความสูง, การสั่นสะเทือน และการกระแทก
ที่สำคัญของ Lenovo ThinkPad X1 Carbon แถบคีย์บอร์ดด้านบนเป็นรูปฟังค์ชั่นต่างๆ แบบปุ่มแท้ๆ โดยจะเป็นในส่วนของปุ่มแถวบนสุดที่เป็นตำแหน่งของ F1 – F12 ซึ่งทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้
Lenovo ThinkPad X1 Carbon ยังมีเทคโนโลยี Rapid Charge ทำให้เราสามารถชาร์จแบตเตอรี่ของเครื่องได้ปริมาณ 80% ภายในหนึ่งชั่วโมง ในส่วนของน้ำหนักตัวเครื่องก็ถือว่าทำได้ดีเหมือนเดิม เพราะมีความเบาเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น แน่นอนว่ามาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro รวมไปถึงยังสามารถใช้คำสั่งเสียง NFC และ Gesture Control ที่ใช้มือปัดกลางอากาศเพื่อเปลี่ยนหน้าสไลด์นำเสนอได้อีกด้วย
Keyboard / Touchpad
ส่วนคีย์บอร์ดของ Lenovo ThinkPad X1 Carbon เครื่องนี้จะเป็น AccuType Keyboard ที่เป็นข้อเด่นที่คีย์บอร์ดที่ออกแบบมาให้มีรูปทรงโค้งปากยิ้มด้านใต้ตัวเครื่องเติมลงมาเล็กน้อยเพื่อลดโอกาสพิมพ์ผิดพลาดได้ ซึ่งเมื่อใช้งานจริงแล้วก็ถือว่าทำได้ดี โอกาสพิมพ์ผิดพลาดลดลงมาก เพราะว่าเมื่อพิมพ์อย่างเร็วแล้วนิ้วกำลังจะเลื่อนลงไปโดนผิดปุ่มก็จะได้ส่วนของปลายโค้งที่ทำให้พิมพ์ถูกต้องขึ้น ในด้านการใช้งานปกติทั่วไปก็พบว่าตัวคีย์บอร์ดแบบ AccuType ตอบสนองกับการพิมพ์ แบบงานเอกสารได้ดีพอสมควร แม้ปุ่มมีการเว้นระยะห่างที่แคบกว่าปกติอาจทำให้ต้องปรับตัวสักเล็กน้อย แต่เมื่อใช้งานไปสักระยะก็คุ้นเคยได้ไม่ยาก พร้อมติดตั้งไฟ Backlit คีย์บอร์ดเพื่อใช้งานในที่มืดได้สะดวก
นอกจากนี้ Lenovo ThinkPad X1 Carbon ก็ไม่พลาดที่จะติดตั้ง TrackPoint (Point Stick) มาให้ด้วยบริเวณกลางตัวคีย์บอร์ด ซึ่งก็สามารถใช้งานควบคู่ไปกับทัชแพดขนาดใหญ่ที่มีปุ่มกดถึง 5 ปุ่มได้เป็นอย่างดี (ใช้ร่วมกับ TrackPoint จะใช้เพียง 3 ปุ่มบน) เรียกได้ว่าเมื่อได้ใช้งานไปซักเวลานึงแล้ว ก็จะชอบมันได้ไม่ยาก โดยหลักๆ แล้วจะใช้นิ้วชี้ควบคุม TrackPoint ส่วนนิ้วโป้งของมือทั้งสองข้างจะเป็นการคลิกซ้ายขวา ร่วมกับปุ่มกลางที่เป็น Scroll ในส่วนของทัชแพดที่มีขนาดใหญ่โต สามารถใช้งานหลายนิ้วมือผ่านชุดคำสั่งแบบ Multi Gesture บน Windows 10 ในอนาคตได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้มี Fingerprint Scan ระบบรักษาความปลอดภัยโดยใช้ลายนิ้วมือตั้งอยู่บริเวณข้างๆ ของปุ่มทิศทางนั่นเองซึ่งก็ใช้งานได้ง่ายตามมาตรฐานทั่วๆ ไปของโน๊ตบุ๊คในกลุ่มธุรกิจ โดยรองรับถึง 10 นิ้วด้วยกัน จากการทดลองใช้งานแล้วถือว่าสะดวกมากๆ ทีเดียว แถมไม่ต้องเสียเวลาใช้รหัสผ่านให้ยุ่งยากด้วย
Screen / Speaker
ด้านหน้าจอแสดงผล Lenovo ThinkPad X1 Carbon ตัวที่ทดสอบมาพร้อมจอแสดงผลแบบด้านขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 ×1080 พิกเซล พร้อมติดตั้งพาเนลจอคุณภาพสูง IPS ให้ภาพคมชัดสมบูรณ์แบบในทุกเฉดสี นอกจากนี้บริเวณหน้าจอและขอบจอแสดงผลก็จะเป็นส่วนของกล้องเว็บแคม และไมค์โครโฟนที่ไว้สำหรับ Video Call ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยบานพับที่ทำจากโลหะที่รับรองได้เลยว่าแข็งแรงถึกทนสมชื่อ ThinkPad แน่นอน ที่สำคัญยังช่วยให้ตัวโน๊ตบุ๊คสามารถกางแบบราบเรียบ 180 องศาได้ด้วย
สำหรับลำโพงติดตั้งอยู่ใต้ตัวเครื่องด้านข้างเยือนมาข้างหน้า โดยคุณภาพเสียงเมื่อทดสอบนั้น อยู่ในระดับค่อนข้างดี มิติเสียงครบถ้วน แต่ว่าอาจจะไม่ได้ดังมาก เพราะว่าตัวลำโพงอยู่ด้านใต้คีย์บอร์ด และเมื่อใช้งานเพื่อดูหนังฟังเพลงแล้วถือว่าทำออกมาได้น่าพอใจ อีกทั้งยังมีระบบเสียง Dolby Home Theater v4 ซึ่งจะให้มิติของเสียงได้ดีกว่าปกติ โดยในการทดสอบก็พบว่าลำโพงจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดังและมีคุณภาพพอสมควรทีเดียว
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อทางด้านซ้ายของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วย พอร์ตสายชาร์จแบบแบนตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊ค Lenovo ในปัจจุบัน พร้อมทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อกับ Docking Keyboard อีกด้วย ถัดมาก็จะเป็นพอร์ต HDMI และ Display Port ไว้เชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผลภายนอก (รองรับได้ 2 จอ พร้อมๆ กัน) และพอร์ต USB 3.0 ที่สามารถใช้งานชาร์จไฟเข้ายังแท็บเล็ตสมาร์ทโฟน แม้ตัวเครื่อง Lenovo ThinkPad X1 Carbon ปิดเครื่องอยู่ ถัดไปก็จะเป็นช่องเชื่อมต่อหูฟังและไมค์ขนาดมาตรฐาน 3.5 ม.ม. ทางด้านขวาของตัวเครื่องก็จะมีช่องระบายอากาศ พร้อมช่อง USB แบบ 3.0 ที่ และสวิทช์ปิด/เปิด WiFi
ขนาดของตัวเครื่อง และสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 14 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าเล็กน้อย สว่นน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น ชั่งได้ที่ 1.3 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวก้อนอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะอยู่ที่ราวๆ 1.6 กิโลกรัม ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็น Ultrabook ในยุคปัจจุบันทีเดียว
Performance / Software
Lenovo ThinkPad X1 Carbon เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-5500U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.4 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.0 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ตัวปกติไม่ได้ แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์และซอฟต์แวร์บันเดิลเฉพาะ ThinkPad ที่มีมาให้แบบพร้อมใช้งานทันที
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 5500 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมบางเกมได้เป็นอย่างน่าพอใจทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ของ Samsung ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 256GB ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด สมกับเป็น Lenovo ThinkPad ระดับบน
สำหรับ Street Fighter 4 ที่ตั้งค่าเป็น Default บนความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล ผลคะแนนก็ได้มากกว่า Ultrabook รุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน โดยได้คะแนนอยู่ที่ 12371 คะแนนด้วยกัน มีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 89.24 FPS ด้วยกัน ทำให้ได้ระดับ Rank A ทีเดียว ซึ่งสำหรับเกมที่ไม่ได้กินทรัพยากรมากมายอะไร ถือได้ว่าพอจะเล่นได้แบบสบายๆ Lenovo ThinkPad X1 Carbon เครื่องนี้ก็พร้อมตอบสนองความสุขของทุกคนได้เป็นอย่างดี
อีกเกมหนึ่งที่โดยส่วนตัวเล่นเป็นประจำอย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1280 x 720 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ แน่นอนว่าที่ความละเอียด Native 1920 x 1080 พิกเซล ไม่สามารถเล่นอย่างลื่นๆ ได้ สำหรับการปรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 50-60 แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 30 ขึ้นไปตลอด สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ ซึ่งในการทดลองเล่นเกม DOTA 2 ทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริง
อีกหนึ่งจุดเด่นสำหรับ Lenovo ThinkPad T450s นั่นก็คือตัวซอฟแวร์ต่างๆ ที่บันเดิลมาให้กับเครื่องที่มีมามากมาย และพิเศษกว่าใครทั้ง Lenovo Solution Center, Lenovo Setting, Lenovo QuickControl (ไว้ควบคุมด้วยสมาร์ทโฟน) และอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับซอฟแวร์ตัวแรกอย่าง Lenovo Solution Center นั้นจะเป็นซอฟแวร์ที่ไว้คอยจัดการระบบโดยรวมๆ ของตัวเครื่อง Lenovo ThinkPad T450s ที่สามารถทำได้ตั้งแต่การตรวจความปลอดภัยโดยรวมของตัวเครื่องว่ามีความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่, มีแพซต์ใหม่ๆให้อัพเดทหรือเปล่า รวมไปถึงการเช็คสถานะอุปกรณ์ต่างๆ ว่าอยู่ในสภาพปกติหรือเปล่าฮาร์ดดิสก์เต็มไหม หรือแม้แต่แบคอัพข้อมูล-คื่นค่าระบบก็ย่อมได้
ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ Lenovo Setting ก็เรียกได้ว่าเป็นซอฟแวร์ที่มีประโยชน์มาก ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการและควบคุมในหลายๆ ส่วนของเครื่องได้ เรียกได้ว่าค่อนข้างละเอียดมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดปิดอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครื่อง ตั้งค่าทัชแพด TrackPoint การเชื่อมต่อไร้สาย แบตเตอรี่ กล้องเว็บแคม ระบบเสียง และ Fingerprint ที่ต้องบอกว่าซอฟต์แวร์ต่างๆ นั้นไม่ได้ติดตั้งมาให้หนักเครื่องเปล่าๆ แต่สามารถใช้งานได้จริง และใช้งานได้ดีอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Lenovo ThinkPad X1 Carbon เครื่องนี้เป็นแบบ 8 Cell ขนาด 7800 mAh โดยแบบฝังในตัวเครื่อง ไม่สามารถถอดออกมาได้ ที่จัดได้ว่าความจุแบตเตอรี่มีอยู่พอตัว ซึ่งสอดคล้องกับชิปประมวลผลแบบประหยัดพลังงานจึงมีการใช้พลังงานได้ยาวนาน จากการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้สูงที่สุดแล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราว 7 ชั่วโมง จากการใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ก็จะมีระยะเวลาการใช้งานที่ราว 10 ชั่วโมงทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นผลมาจากการที่ใช้งานชิปประมวลผลประหยัดพลังงานของ Intel นั่นเอง ซึ่งถ้าใครต้องการที่ใช้งานให้ยาวนานกว่านี้ ก็ต้องแนะนำให้ปรับความสว่างให้ลดลงอีก พร้อมปิดไฟคีย์บอร์ด รวมไปถึงไม่ใช้โปรแกรมซดแบตเตอรี่อย่าง Chrome
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 57 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องอยู่ที่ไม่เกิน 80 องศาเซลเซียส และเสียงพัดลมก็ไม่ได้ดังรบกวนมากนัก เรียกได้ว่าทาง Lenovo ออกแบบมาเป็นอย่างดีทีเดียว
Conclusion / Award
Lenovo ThinkPad X1 Carbon ตัวนี้เก็บทุกความเยี่ยมยอดจากเครื่องรุ่นก่อนหน้าอย่าง X1 มาเกือบหมดทุกอย่าง เอามาผสมกับเทคโนโลยีล่าสุดเข้าไป พร้อมกับความเป็น Ultrabook จาก Intel เข้าไปอีก ทำให้มันกลายเป็นเครื่อง Ultrabook สำหรับการทำงานด้านธุรกิจได้อย่างเต็มที่ แม้ว่ามืออาชีพหลายๆ คนที่ชื่นชอบเครื่องโน๊ตบุ๊คที่บางเบาอาจจะหันไปเลือกใช้งาน Lenovo ThinkPad X250 แต่ Lenovo ThinkPad X1 Carbon ตัวนี้ ก็จะเป็นตัวเลือกเสริมเพิ่มเติมที่จะออกมาทางสไตล์จริงจังมากขึ้น มาพร้อมความเรียบง่ายแบบสุภาพ เป็นโน๊ตบุ๊คที่ดูดีเหมาะกับคนทำงานด้านการขายที่ต้องคล่องตัว หรือระดับผู้บริหารที่ไม่ต้องการเครื่องโน๊ตบุ๊คอารมณ์กล่องสี่เหลี่ยมแบบเดิมๆ
Lenovo ThinkPad X1 Carbon ถือได้ว่าเป้นโน๊ตบุ๊คบางเบาประเภท Ultrabook ที่น่าใช้มากที่สุดตัวหนึ่งเลยทีเดียว ความรู้สึกจากการใช้งานก็ยอดเยี่ยม การพิมพ์ การใช้นิ้วเลื่อนทัชแพดต่างๆ ทำได้อย่างสะดวกคล่องตัว ไม่ติดขัด ด้านวัสดุจับแล้วให้ความรู้สึกหรูหรา ดูเป็นมืออาชีพ ไม่เสียแรงที่ลงทุนใช้คาร์บอนไฟเบอร์มาทำเป็นตัวเครื่อง เพราะให้สัมผัสเบาเหมือนกับที่เราจับเครื่องทั่วๆ ไปที่ใช้พลาสติกหรืออะลูมิเนียมอย่างที่เจ้าอื่นๆ ใช้กัน แต่ความแข็งของมันอยู่ในระดับที่มากกว่าปกติทั่วๆไป ส่วนผิวสัมผัสนั้นก็จะเป็นแบบด้าน ซอฟต์ทัชสไตล์แบบ ThinkPad เมื่อเปรียบเทียบกับตัว X1 ตัวก่อนหน้า แน่นอนว่า X1 Carbon ตัวนี้ทำได้ดีกว่าเดิมเยอะ แต่ถ้ามองในมุมเปรียบเทียบกับคู่แข่งในด้านสเปกและความแรงก็ถือว่าใกล้เคียงกัน
เอาเป็นว่าใครที่กำลังมองหาเครื่องโน๊ตบุ๊คเอามาใช้ทำงาน และเน้นความบางเบาที่มาพร้อมกับความแข็งแรงเป็นพิเศษล่ะก็ น่าจะชอบ X1 Carbon ตัวนี้แน่นอน แต่ถ้าหากว่าจะติดอุปสรรคสักเรื่อง ก็เห็นจะมีแค่เรื่องของราคาค่าตัวเท่านั้น ที่ราคารุ่นสเป็กเบาสุดเริ่มต้น ก็อยู่ที่ระดับหกหมื่นบาทแล้ว จะจับจองมาเป็นเจ้าของได้ ที่ในส่วนของราคาที่สูงกว่า Ultrabook เจ้าอื่นๆ ก็น่าจะมาจากวัสดุที่ใช้ประกอบ พร้อมการรับประกันแบบถึงบ้าน 3 ปีด้วยกัน
ถ้างบประมาณไม่ติดอะไร Lenovo ThinkPad X1 Carbon ตัวนี้ก็ถือเป็นเครื่อง Ultrabook สำหรับการเอาไปใช้งานด้านธุรกิจที่ดีที่สุดที่มีในตลาดตอนนี้แล้ว ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบเครื่อโน๊ตบุ๊คบางเบาที่โฉบเฉี่ยวดูดี แล้วยังมาพร้อมกับประสิทธิภาพมาตรฐานสำหรับงานด้านธุรกิจของคุณ ก็ตามไปจัดกันได้เลย
Lenovo ThinkPad X1 Carbon 2015 อยู่ 2 รุ่นด้วยกันดังนี้
- Intel Core i7 / RAM 8GB / SSD 256 GB / 14″ Full HD ราคา 59,900 บาท
- Intel Core i7 / RAM 8GB / SSD 256 GB / 14″2560×1440 ราคา 79,900 บาท
จุดเด่น
- ประสิทธิภาพการทำงานรวดเร็ว ตอบสนองได้ทันใจ
- วัสดุชั้นดี คาร์บอนไฟเบอร์ ให้ความแข็งแกร่ง งานประกอบดีเยี่ยม
- ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมจัดได้ว่าดีเยี่ยม
- เปิดเครื่องหรือตื่นจากโหมด Sleep และเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้อย่างรวดเร็ว
- เป็น Ultrabook ขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ที่มีความบางและเบาที่สุดรุ่นนึง
- หน้าจอแบบด้านลดแสงสะท้อนได้ดี
- องศาของหน้าจอสามารถกางได้กว้างถึง 180 องศา
- คียืบอร์ด, แทร็คพอยท์ และทัชแพด สามารถตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม
- ผ่านมาตรฐานการทดสอบ MIL ต่างๆ ด้วยกันถึง 8 มาตรฐาน
- Rapid Charge ทำให้เราสามารถชาร์จแบตเตอรี่ของเครื่องได้ปริมาณ 80% ภายในหนึ่งชั่วโมง
- มาพร้อมชิป NFC และ Gesture Control
- Adaptive Keyboard ทำให้เราใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น
- ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานประมาณ 9 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- เป็น Ultrabook ที่มีราคาค่อนข้างสูงกว่า Ultrabook รุ่นสเปคใกล้เคียงกัน
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Lenovo ThinkPad X1 Carbon ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ThinkPad มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Lenovo ThinkPad X1 Carbon?ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์นักธุรกิจ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว แถมในตัวนี้ยังมีความบางแบบที่ ThinkPad ไม่เคยมีมาก่อนอีกด้วย
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของ ThinkPad X Series อยู่เช่นเดิม ทั้งในความบางเพียง 18.85 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.31 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะมีปัญหาอีกด้วย เพราะระบบไม่ได้ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 2 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กัยคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
Best Durability
โครงสร้างภายในที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์นี้ ยังมีความแข็งแกร่งกว่าโครงแบบแม็กนีเซียมเดิมถึงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และยังเบากว่าเกือบจะ 50 เปอร์เซ็นต์ในด้านน้ำหนัก ผลลัพธ์ก็คือ Lenovo ThinkPad X1 Carbon ตัวนี้ ได้ผ่านมาตรฐานการทดสอบ MIL ต่างๆ ด้วยกันถึง 8 มาตรฐาน ตั้งแต่ความชื้นสัมพัทธ์, อุณหภูมิต่ำ, อุณหภูมิสูง, อุณหภูมิที่รุนแรง, ทราย, ความสูง, การสั่นสะเทือน และการกระแทก ฉะนั้นในเรื่องของความทนทานล่ะก็ หายห่วงไปเลยสำหรับตัวนี้
Best Ultrabook
และด้วยข้อดีข้อเด่นทั้งหมดนี้ Lenovo ThinkPad X1 Carbon ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอด Ultrabook ของปี 2015 นี้ ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ความทนทานที่หา Ultrabook เครื่องอื่นๆ มาเทียบไม่ได้ ประกอบกับคุณสมบัติในการตอบสนองการทำงานที่ครบถ้วน เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกอะไรนักที่ Lenovo ThinkPad X1 Carbon จะได้รับ Award ประเภท Best Ultrabook ไปครับ
Specification
สเปคภายในของตัว Lenovo ThinkPad X1 Carbon (เครื่องที่นำมาทดสอบ) จะคล้ายกับกลุ่มโน๊ตบุ๊คทั่วไปกับขนาดหน้า 14 นิ้วแบบด้าน กับความละเอียดระดับ Full HD พร้อมพาเนลคุณภาพสูง ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริงและมุมมองที่กว้างขว้าง ด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i7-5500U ความเร็ว 2.4 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 3.0GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 2 คอร์ 4 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน โดยเป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 5 ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR3L ที่เรียกได้ว่าเหลือกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น Intel HD Graphics 5500 นอกจากนี้ฮาร์ดดิสก์ SSD ความจุสูงถึง 256GB
ตัวเครื่อง Lenovo ThinkPad X1 Carbon ติดตั้งกล้อง Webcam ความคมชัดระดับ HD 720 และไมโครโฟนแบบ Dual Digital Array Microphone ไว้สำหรับแชทและวิดีโอคอลได้อย่างคมชัดลื่นไหล พอร์ตเชื่อมต่อเองก็จะมี USB 3.0 2 พอร์ต (เป็น USB Charing สามารถชาร์ทสมาร์ทโฟนได้), Display Port สำหรับต่อหน้าจอแยกตัวที่ 2 , Audio Combo Jack, รองรับการเชื่อมไร้สายอย่าง Wireless 802.11 b/g/n , Bluetooth 4.0 และมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 1.30 กิโลกรัม และมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์แท้ สนนราคาอยู่ที่ 59,900 บาท พร้อมการรับประกันทั่วโลก 3 ปี
สเปกเต็มๆ <<<
Hardware / Design
ดีไซน์โดยรวมนั้นจัดได้ว่ามีความเป็น ThinkPad อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยสีสันแบบดำด้านที่ให้ผิวสัมผัสซอฟต์ทัชที่คุ้นเคยตามสไตล์ ThinkPad อีกทั้งจุดเด่นของเครื่องตัวนี้ แน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องของวัสดุ ที่ใช้เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ แต่จริงๆค่อนข้างยากที่จะสังเกตเห็นจากภายนอกได้ชัดเจน เพราะว่า Lenovo นั้นไม่ได้โชว์ลายพื้นผิววัสดุดั้งเดิมของคาร์บอนไฟเบอร์ให้เห็น แต่ว่าทำพื้นผิวให้เป็นแบบหนืดมือ เพื่อเวลาหยิบจับจะได้ไม่ลื่นไหลออกจากมือได้ง่าย เหมือนกับเครื่อง ThinkPad รุ่นก่อนๆ ที่ผ่านมา เรียกว่าให้ความเป็น ThinkPad ที่หรูหราดีทีเดียว ซึ่งก็ยังให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งและไว้ใจได้อยู่
นอกจากนั้นโครงสร้างภายในที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ใหม่นี้ ยังแข็งแกร่งกว่าโครงแบบแม็กนีเซียมเดิมถึงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และยังเบากว่าเกือบจะ 50 เปอร์เซ็นต์ในด้านน้ำหนัก ผลลัพธ์ก็คือ Lenovo ThinkPad X1 Carbon ตัวนี้ ได้ผ่านมาตรฐานการทดสอบ MIL ต่างๆ ด้วยกันถึง 8 มาตรฐาน ตั้งแต่ความชื้นสัมพัทธ์, อุณหภูมิต่ำ, อุณหภูมิสูง, อุณหภูมิที่รุนแรง, ทราย, ความสูง, การสั่นสะเทือน และการกระแทก
ที่สำคัญของ Lenovo ThinkPad X1 Carbon แถบคีย์บอร์ดด้านบนเป็นรูปฟังค์ชั่นต่างๆ แบบปุ่มแท้ๆ โดยจะเป็นในส่วนของปุ่มแถวบนสุดที่เป็นตำแหน่งของ F1 – F12 ซึ่งทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้
Lenovo ThinkPad X1 Carbon ยังมีเทคโนโลยี Rapid Charge ทำให้เราสามารถชาร์จแบตเตอรี่ของเครื่องได้ปริมาณ 80% ภายในหนึ่งชั่วโมง ในส่วนของน้ำหนักตัวเครื่องก็ถือว่าทำได้ดีเหมือนเดิม เพราะมีความเบาเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น แน่นอนว่ามาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro รวมไปถึงยังสามารถใช้คำสั่งเสียง NFC และ Gesture Control ที่ใช้มือปัดกลางอากาศเพื่อเปลี่ยนหน้าสไลด์นำเสนอได้อีกด้วย
Keyboard / Touchpad
ส่วนคีย์บอร์ดของ Lenovo ThinkPad X1 Carbon เครื่องนี้จะเป็น AccuType Keyboard ที่เป็นข้อเด่นที่คีย์บอร์ดที่ออกแบบมาให้มีรูปทรงโค้งปากยิ้มด้านใต้ตัวเครื่องเติมลงมาเล็กน้อยเพื่อลดโอกาสพิมพ์ผิดพลาดได้ ซึ่งเมื่อใช้งานจริงแล้วก็ถือว่าทำได้ดี โอกาสพิมพ์ผิดพลาดลดลงมาก เพราะว่าเมื่อพิมพ์อย่างเร็วแล้วนิ้วกำลังจะเลื่อนลงไปโดนผิดปุ่มก็จะได้ส่วนของปลายโค้งที่ทำให้พิมพ์ถูกต้องขึ้น ในด้านการใช้งานปกติทั่วไปก็พบว่าตัวคีย์บอร์ดแบบ AccuType ตอบสนองกับการพิมพ์ แบบงานเอกสารได้ดีพอสมควร แม้ปุ่มมีการเว้นระยะห่างที่แคบกว่าปกติอาจทำให้ต้องปรับตัวสักเล็กน้อย แต่เมื่อใช้งานไปสักระยะก็คุ้นเคยได้ไม่ยาก พร้อมติดตั้งไฟ Backlit คีย์บอร์ดเพื่อใช้งานในที่มืดได้สะดวก
นอกจากนี้ Lenovo ThinkPad X1 Carbon ก็ไม่พลาดที่จะติดตั้ง TrackPoint (Point Stick) มาให้ด้วยบริเวณกลางตัวคีย์บอร์ด ซึ่งก็สามารถใช้งานควบคู่ไปกับทัชแพดขนาดใหญ่ที่มีปุ่มกดถึง 5 ปุ่มได้เป็นอย่างดี (ใช้ร่วมกับ TrackPoint จะใช้เพียง 3 ปุ่มบน) เรียกได้ว่าเมื่อได้ใช้งานไปซักเวลานึงแล้ว ก็จะชอบมันได้ไม่ยาก โดยหลักๆ แล้วจะใช้นิ้วชี้ควบคุม TrackPoint ส่วนนิ้วโป้งของมือทั้งสองข้างจะเป็นการคลิกซ้ายขวา ร่วมกับปุ่มกลางที่เป็น Scroll ในส่วนของทัชแพดที่มีขนาดใหญ่โต สามารถใช้งานหลายนิ้วมือผ่านชุดคำสั่งแบบ Multi Gesture บน Windows 10 ในอนาคตได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้มี Fingerprint Scan ระบบรักษาความปลอดภัยโดยใช้ลายนิ้วมือตั้งอยู่บริเวณข้างๆ ของปุ่มทิศทางนั่นเองซึ่งก็ใช้งานได้ง่ายตามมาตรฐานทั่วๆ ไปของโน๊ตบุ๊คในกลุ่มธุรกิจ โดยรองรับถึง 10 นิ้วด้วยกัน จากการทดลองใช้งานแล้วถือว่าสะดวกมากๆ ทีเดียว แถมไม่ต้องเสียเวลาใช้รหัสผ่านให้ยุ่งยากด้วย
Screen / Speaker
ด้านหน้าจอแสดงผล Lenovo ThinkPad X1 Carbon ตัวที่ทดสอบมาพร้อมจอแสดงผลแบบด้านขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 ×1080 พิกเซล พร้อมติดตั้งพาเนลจอคุณภาพสูง IPS ให้ภาพคมชัดสมบูรณ์แบบในทุกเฉดสี นอกจากนี้บริเวณหน้าจอและขอบจอแสดงผลก็จะเป็นส่วนของกล้องเว็บแคม และไมค์โครโฟนที่ไว้สำหรับ Video Call ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยบานพับที่ทำจากโลหะที่รับรองได้เลยว่าแข็งแรงถึกทนสมชื่อ ThinkPad แน่นอน ที่สำคัญยังช่วยให้ตัวโน๊ตบุ๊คสามารถกางแบบราบเรียบ 180 องศาได้ด้วย
สำหรับลำโพงติดตั้งอยู่ใต้ตัวเครื่องด้านข้างเยือนมาข้างหน้า โดยคุณภาพเสียงเมื่อทดสอบนั้น อยู่ในระดับค่อนข้างดี มิติเสียงครบถ้วน แต่ว่าอาจจะไม่ได้ดังมาก เพราะว่าตัวลำโพงอยู่ด้านใต้คีย์บอร์ด และเมื่อใช้งานเพื่อดูหนังฟังเพลงแล้วถือว่าทำออกมาได้น่าพอใจ อีกทั้งยังมีระบบเสียง Dolby Home Theater v4 ซึ่งจะให้มิติของเสียงได้ดีกว่าปกติ โดยในการทดสอบก็พบว่าลำโพงจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดังและมีคุณภาพพอสมควรทีเดียว
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อทางด้านซ้ายของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วย พอร์ตสายชาร์จแบบแบนตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊ค Lenovo ในปัจจุบัน พร้อมทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อกับ Docking Keyboard อีกด้วย ถัดมาก็จะเป็นพอร์ต HDMI และ Display Port ไว้เชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผลภายนอก (รองรับได้ 2 จอ พร้อมๆ กัน) และพอร์ต USB 3.0 ที่สามารถใช้งานชาร์จไฟเข้ายังแท็บเล็ตสมาร์ทโฟน แม้ตัวเครื่อง Lenovo ThinkPad X1 Carbon ปิดเครื่องอยู่ ถัดไปก็จะเป็นช่องเชื่อมต่อหูฟังและไมค์ขนาดมาตรฐาน 3.5 ม.ม. ทางด้านขวาของตัวเครื่องก็จะมีช่องระบายอากาศ พร้อมช่อง USB แบบ 3.0 ที่ และสวิทช์ปิด/เปิด WiFi
ขนาดของตัวเครื่อง และสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 14 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าเล็กน้อย สว่นน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น ชั่งได้ที่ 1.3 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวก้อนอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะอยู่ที่ราวๆ 1.6 กิโลกรัม ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็น Ultrabook ในยุคปัจจุบันทีเดียว
Performance / Software
Lenovo ThinkPad X1 Carbon เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-5500U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.4 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.0 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ตัวปกติไม่ได้ แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์และซอฟต์แวร์บันเดิลเฉพาะ ThinkPad ที่มีมาให้แบบพร้อมใช้งานทันที
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 5500 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมบางเกมได้เป็นอย่างน่าพอใจทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ของ Samsung ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 256GB ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด สมกับเป็น Lenovo ThinkPad ระดับบน
สำหรับ Street Fighter 4 ที่ตั้งค่าเป็น Default บนความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล ผลคะแนนก็ได้มากกว่า Ultrabook รุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน โดยได้คะแนนอยู่ที่ 12371 คะแนนด้วยกัน มีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 89.24 FPS ด้วยกัน ทำให้ได้ระดับ Rank A ทีเดียว ซึ่งสำหรับเกมที่ไม่ได้กินทรัพยากรมากมายอะไร ถือได้ว่าพอจะเล่นได้แบบสบายๆ Lenovo ThinkPad X1 Carbon เครื่องนี้ก็พร้อมตอบสนองความสุขของทุกคนได้เป็นอย่างดี
อีกเกมหนึ่งที่โดยส่วนตัวเล่นเป็นประจำอย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1280 x 720 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ แน่นอนว่าที่ความละเอียด Native 1920 x 1080 พิกเซล ไม่สามารถเล่นอย่างลื่นๆ ได้ สำหรับการปรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 50-60 แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 30 ขึ้นไปตลอด สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ ซึ่งในการทดลองเล่นเกม DOTA 2 ทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริง
อีกหนึ่งจุดเด่นสำหรับ Lenovo ThinkPad T450s นั่นก็คือตัวซอฟแวร์ต่างๆ ที่บันเดิลมาให้กับเครื่องที่มีมามากมาย และพิเศษกว่าใครทั้ง Lenovo Solution Center, Lenovo Setting, Lenovo QuickControl (ไว้ควบคุมด้วยสมาร์ทโฟน) และอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับซอฟแวร์ตัวแรกอย่าง Lenovo Solution Center นั้นจะเป็นซอฟแวร์ที่ไว้คอยจัดการระบบโดยรวมๆ ของตัวเครื่อง Lenovo ThinkPad T450s ที่สามารถทำได้ตั้งแต่การตรวจความปลอดภัยโดยรวมของตัวเครื่องว่ามีความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่, มีแพซต์ใหม่ๆให้อัพเดทหรือเปล่า รวมไปถึงการเช็คสถานะอุปกรณ์ต่างๆ ว่าอยู่ในสภาพปกติหรือเปล่าฮาร์ดดิสก์เต็มไหม หรือแม้แต่แบคอัพข้อมูล-คื่นค่าระบบก็ย่อมได้
ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ Lenovo Setting ก็เรียกได้ว่าเป็นซอฟแวร์ที่มีประโยชน์มาก ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการและควบคุมในหลายๆ ส่วนของเครื่องได้ เรียกได้ว่าค่อนข้างละเอียดมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดปิดอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครื่อง ตั้งค่าทัชแพด TrackPoint การเชื่อมต่อไร้สาย แบตเตอรี่ กล้องเว็บแคม ระบบเสียง และ Fingerprint ที่ต้องบอกว่าซอฟต์แวร์ต่างๆ นั้นไม่ได้ติดตั้งมาให้หนักเครื่องเปล่าๆ แต่สามารถใช้งานได้จริง และใช้งานได้ดีอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Lenovo ThinkPad X1 Carbon เครื่องนี้เป็นแบบ 8 Cell ขนาด 7800 mAh โดยแบบฝังในตัวเครื่อง ไม่สามารถถอดออกมาได้ ที่จัดได้ว่าความจุแบตเตอรี่มีอยู่พอตัว ซึ่งสอดคล้องกับชิปประมวลผลแบบประหยัดพลังงานจึงมีการใช้พลังงานได้ยาวนาน จากการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้สูงที่สุดแล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราว 7 ชั่วโมง จากการใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ก็จะมีระยะเวลาการใช้งานที่ราว 10 ชั่วโมงทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นผลมาจากการที่ใช้งานชิปประมวลผลประหยัดพลังงานของ Intel นั่นเอง ซึ่งถ้าใครต้องการที่ใช้งานให้ยาวนานกว่านี้ ก็ต้องแนะนำให้ปรับความสว่างให้ลดลงอีก พร้อมปิดไฟคีย์บอร์ด รวมไปถึงไม่ใช้โปรแกรมซดแบตเตอรี่อย่าง Chrome
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 57 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องอยู่ที่ไม่เกิน 80 องศาเซลเซียส และเสียงพัดลมก็ไม่ได้ดังรบกวนมากนัก เรียกได้ว่าทาง Lenovo ออกแบบมาเป็นอย่างดีทีเดียว
Conclusion / Award
Lenovo ThinkPad X1 Carbon ตัวนี้เก็บทุกความเยี่ยมยอดจากเครื่องรุ่นก่อนหน้าอย่าง X1 มาเกือบหมดทุกอย่าง เอามาผสมกับเทคโนโลยีล่าสุดเข้าไป พร้อมกับความเป็น Ultrabook จาก Intel เข้าไปอีก ทำให้มันกลายเป็นเครื่อง Ultrabook สำหรับการทำงานด้านธุรกิจได้อย่างเต็มที่ แม้ว่ามืออาชีพหลายๆ คนที่ชื่นชอบเครื่องโน๊ตบุ๊คที่บางเบาอาจจะหันไปเลือกใช้งาน Lenovo ThinkPad X250 แต่ Lenovo ThinkPad X1 Carbon ตัวนี้ ก็จะเป็นตัวเลือกเสริมเพิ่มเติมที่จะออกมาทางสไตล์จริงจังมากขึ้น มาพร้อมความเรียบง่ายแบบสุภาพ เป็นโน๊ตบุ๊คที่ดูดีเหมาะกับคนทำงานด้านการขายที่ต้องคล่องตัว หรือระดับผู้บริหารที่ไม่ต้องการเครื่องโน๊ตบุ๊คอารมณ์กล่องสี่เหลี่ยมแบบเดิมๆ
Lenovo ThinkPad X1 Carbon ถือได้ว่าเป้นโน๊ตบุ๊คบางเบาประเภท Ultrabook ที่น่าใช้มากที่สุดตัวหนึ่งเลยทีเดียว ความรู้สึกจากการใช้งานก็ยอดเยี่ยม การพิมพ์ การใช้นิ้วเลื่อนทัชแพดต่างๆ ทำได้อย่างสะดวกคล่องตัว ไม่ติดขัด ด้านวัสดุจับแล้วให้ความรู้สึกหรูหรา ดูเป็นมืออาชีพ ไม่เสียแรงที่ลงทุนใช้คาร์บอนไฟเบอร์มาทำเป็นตัวเครื่อง เพราะให้สัมผัสเบาเหมือนกับที่เราจับเครื่องทั่วๆ ไปที่ใช้พลาสติกหรืออะลูมิเนียมอย่างที่เจ้าอื่นๆ ใช้กัน แต่ความแข็งของมันอยู่ในระดับที่มากกว่าปกติทั่วๆไป ส่วนผิวสัมผัสนั้นก็จะเป็นแบบด้าน ซอฟต์ทัชสไตล์แบบ ThinkPad เมื่อเปรียบเทียบกับตัว X1 ตัวก่อนหน้า แน่นอนว่า X1 Carbon ตัวนี้ทำได้ดีกว่าเดิมเยอะ แต่ถ้ามองในมุมเปรียบเทียบกับคู่แข่งในด้านสเปกและความแรงก็ถือว่าใกล้เคียงกัน
เอาเป็นว่าใครที่กำลังมองหาเครื่องโน๊ตบุ๊คเอามาใช้ทำงาน และเน้นความบางเบาที่มาพร้อมกับความแข็งแรงเป็นพิเศษล่ะก็ น่าจะชอบ X1 Carbon ตัวนี้แน่นอน แต่ถ้าหากว่าจะติดอุปสรรคสักเรื่อง ก็เห็นจะมีแค่เรื่องของราคาค่าตัวเท่านั้น ที่ราคารุ่นสเป็กเบาสุดเริ่มต้น ก็อยู่ที่ระดับหกหมื่นบาทแล้ว จะจับจองมาเป็นเจ้าของได้ ที่ในส่วนของราคาที่สูงกว่า Ultrabook เจ้าอื่นๆ ก็น่าจะมาจากวัสดุที่ใช้ประกอบ พร้อมการรับประกันแบบถึงบ้าน 3 ปีด้วยกัน
ถ้างบประมาณไม่ติดอะไร Lenovo ThinkPad X1 Carbon ตัวนี้ก็ถือเป็นเครื่อง Ultrabook สำหรับการเอาไปใช้งานด้านธุรกิจที่ดีที่สุดที่มีในตลาดตอนนี้แล้ว ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบเครื่อโน๊ตบุ๊คบางเบาที่โฉบเฉี่ยวดูดี แล้วยังมาพร้อมกับประสิทธิภาพมาตรฐานสำหรับงานด้านธุรกิจของคุณ ก็ตามไปจัดกันได้เลย
Lenovo ThinkPad X1 Carbon 2015 อยู่ 2 รุ่นด้วยกันดังนี้
- Intel Core i7 / RAM 8GB / SSD 256 GB / 14″ Full HD ราคา 59,900 บาท
- Intel Core i7 / RAM 8GB / SSD 256 GB / 14″2560×1440 ราคา 79,900 บาท
จุดเด่น
- ประสิทธิภาพการทำงานรวดเร็ว ตอบสนองได้ทันใจ
- วัสดุชั้นดี คาร์บอนไฟเบอร์ ให้ความแข็งแกร่ง งานประกอบดีเยี่ยม
- ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมจัดได้ว่าดีเยี่ยม
- เปิดเครื่องหรือตื่นจากโหมด Sleep และเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้อย่างรวดเร็ว
- เป็น Ultrabook ขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ที่มีความบางและเบาที่สุดรุ่นนึง
- หน้าจอแบบด้านลดแสงสะท้อนได้ดี
- องศาของหน้าจอสามารถกางได้กว้างถึง 180 องศา
- คียืบอร์ด, แทร็คพอยท์ และทัชแพด สามารถตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม
- ผ่านมาตรฐานการทดสอบ MIL ต่างๆ ด้วยกันถึง 8 มาตรฐาน
- Rapid Charge ทำให้เราสามารถชาร์จแบตเตอรี่ของเครื่องได้ปริมาณ 80% ภายในหนึ่งชั่วโมง
- มาพร้อมชิป NFC และ Gesture Control
- Adaptive Keyboard ทำให้เราใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น
- ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานประมาณ 9 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- เป็น Ultrabook ที่มีราคาค่อนข้างสูงกว่า Ultrabook รุ่นสเปคใกล้เคียงกัน
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Lenovo ThinkPad X1 Carbon ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ThinkPad มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Lenovo ThinkPad X1 Carbon?ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์นักธุรกิจ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว แถมในตัวนี้ยังมีความบางแบบที่ ThinkPad ไม่เคยมีมาก่อนอีกด้วย
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของ ThinkPad X Series อยู่เช่นเดิม ทั้งในความบางเพียง 18.85 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.31 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะมีปัญหาอีกด้วย เพราะระบบไม่ได้ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 2 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กัยคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
Best Durability
โครงสร้างภายในที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์นี้ ยังมีความแข็งแกร่งกว่าโครงแบบแม็กนีเซียมเดิมถึงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และยังเบากว่าเกือบจะ 50 เปอร์เซ็นต์ในด้านน้ำหนัก ผลลัพธ์ก็คือ Lenovo ThinkPad X1 Carbon ตัวนี้ ได้ผ่านมาตรฐานการทดสอบ MIL ต่างๆ ด้วยกันถึง 8 มาตรฐาน ตั้งแต่ความชื้นสัมพัทธ์, อุณหภูมิต่ำ, อุณหภูมิสูง, อุณหภูมิที่รุนแรง, ทราย, ความสูง, การสั่นสะเทือน และการกระแทก ฉะนั้นในเรื่องของความทนทานล่ะก็ หายห่วงไปเลยสำหรับตัวนี้
Best Ultrabook
และด้วยข้อดีข้อเด่นทั้งหมดนี้ Lenovo ThinkPad X1 Carbon ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอด Ultrabook ของปี 2015 นี้ ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ความทนทานที่หา Ultrabook เครื่องอื่นๆ มาเทียบไม่ได้ ประกอบกับคุณสมบัติในการตอบสนองการทำงานที่ครบถ้วน เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกอะไรนักที่ Lenovo ThinkPad X1 Carbon จะได้รับ Award ประเภท Best Ultrabook ไปครับ