7 สิ่งที่ Apple ไม่ยอมบอกคุณเกี่ยวกับ Apple TV ตัวใหม่ อาทิ ไม่รองรับไฟล์วีดีโอ 4K…

เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับกับ Apple TV รุ่นใหม่ล่าสุด แน่นอนว่า ฟีเจอร์ต่างๆ ที่มีเพิ่มเข้ามาใน Apple TV รุ่นใหม่นั้นก็ถือว่าเด็ดดวงเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นรีโมทแบบใหม่, การใช้งาน Siri หรือความสามารถในการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมผ่าน App Store ฯลฯ ซึ่งคงต้องยอมรับกันครับว่า Appe TV รุ่นใหม่นั้นถือได้ว่าเป็น set-top box ที่ทรงพลังเครื่องหนึ่งเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามนั้นท่ามกลางความใหม่เอี่ยมของ Apple TV นั้นยังคงมีบางสิ่งบางอย่างที่ Apple ไม่ได้บอกเอาไว้ครับ ซึ่งสิ่งที่ Apple ไม่ได้บอกเอาไว้นั้นก็ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไรนัก ก่อนที่คุณจะตัดสินใจลองซื้อ Apple TV ลองมาดูสิ่งที่ Apple ไม่ได้บอกเอาไว้ครับว่าจะมีข้อใดที่ดันไปตรงกับความต้องการของคุณสำหรับ set-top box บางและนี่คือ 7 สิ่งที่ Apple ไม่ได้บอกเราครับว่า Apple TV นั้นไม่สามารถที่จะทำได้ครับ

1. ไม่รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอและสตรีมมิ่งที่ความละเอียดระดับ 4K

ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบความสดใหม่แบบแท้จริงแล้วหล่ะก็ ณ ปัจจุบันนี้คุณจะต้องเรียกร้องหาสื่อที่มีความละเอียดที่ระดับ 4K ครับ ทว่า Apple TV รุ่นใหม่นั้นกลับไม่รองรับความละเอียดที่ระดับ 4K ครับ หากจะพูดอย่างเป็นทางการแล้ว Apple TV รุ่นใหม่นั้นยังคงรองรับความละเอียดที่ระดับ 1080p @60 FPS เท่านั้น

ปัญหานี้ผู้ใช้บางคนอาจจะรู้สึกว่ามันยังไม่จำเป็นเท่าไรเพราะจะว่าไปแล้วสื่อที่มีความละเอียดที่ระดับ 4K นั้นก็ยังไม่แพร่หลายเท่าไรในปัจจุบันครับ แต่ลองคิดในทางกลับกันว่าถ้าหากคุณเป็นผู้ใช้ iPhone 6s / 6s Plus ที่สามารถบันทึกวีดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K ได้แล้ว นอกเหนือไปจากนั้น iPad Pro ก็ยังรองรับการแก้ไขวีดีโอที่ระดับ 4K ได้อีกดังนั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องแปลกครับที่ Apple TV รุ่นใหม่นั้นกลับไม่รองรับการแสดงผลที่ระดับ 4K

และถ้าหากมองกันในระยะยาวด้วยแล้วจากอดีตที่ผ่านมาของ Apple TV นั้นกว่าจะมีรูปใหม่ออกมาก็ใช้เวลา 2 – 3 ปีได้ ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่ผู้ใช้เริ่มนิยมสื่อที่ความละเอียดระดับ 4K มากขึ้น Apple TV รุ่นใหม่นี้ก็จะกลายเป็นของตกยุคไปในทันทีทันใดครับ

2. เกมต่างๆ ที่จะสามารถโหลดมาเล่นบน Apple TV ในช่วงแรกนั้นจะเป็นเกมที่มีขนาดเล็ก

จุดเด่นหนึ่งที่ทาง Apple นำเสนอสำหรับ Apple TV รุ่นใหม่นั้นก็คือความสามารถในการเล่นเกม ที่ในวันเปิดตัวนั้นบนเวทีทาง Apple ได้มีการสาธิตการเล่นเกม Crossy Road ที่สนับสนุนการเล่นแบบ multiplayer และเกม Beat Sport ซึ่งดูแล้วเหมือนจะดูดีมากครับ ทว่าในความเป็นจริงนั้นในช่วงแรกเกมที่จะโหลดมาเล่นได้นั้นจะถูกจำกัดผ่านขนาดไฟล์แอปพลิเคชันที่ห้ามไม่ให้เกิน 200 MB เท่านั้น

ตรงนี้แหละครับที่เป็นปัญหา หากท่านลองสังเกตดูเกมดังๆ ใหญ่ๆ ที่มีกระบวนการผลิตในขั้นสูงมักจะเป็นเกมที่ต้องใช้เนื้อที่มากทั้งนั้น ตัวอย่างเช่นเกม Infinity Blade III ที่เป็นเกมซึ่งถือว่ามีกราฟิกที่ดีมากเกมหนึ่งบน App Store แต่ทว่าขนาดของตัวเกมนั้นก็อยู่ที่ 1.93 GB ไปแล้วครับ ดังนั้นแล้วจนกว่า Apple จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ Apple TV รุ่นใหม่จึงยังคงเป็นที่สิงสถิตของเกมจำพวก casual games เท่านั้นและยังคงไม่สามารถที่จะเข้ามาแทนที่เครื่องเกมคอนโซลแท้จริงอย่าง Sony PlayStation หรือ Microsoft Xbox ได้ครับ

3. อุปกรณ์สำหรับป้องกันทีวีที่เชื่อมต่อกับรีโมทไม่ได้แถมมาในชุดวางขาย

เอาหล่ะครับสำหรับปัญหาข้อนี้อยากจะให้ทุกท่านย้อนเวลากลับไปตอนที่เครื่องเกมคอนโซลอย่าง Wii กำลังขายดิบขายดีด้วยรูปแบบการเล่นเกมแบบใหม่ที่ทำให้คนชื่นชอบกันเป็นอย่างมาก ทว่าสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้ตัวคอนโทรลเลอร์ที่มีชื่อว่า Wii Remote(Wiimote) ในการเล่นเกมก็คือการใส่อารมณ์ร่วมเกินไปจนกระทั่ง Wiimote กระเด็นไปถูกทีวีจนพังเข้าครับ

เรายังบอกไม่ได้ครับว่าปัญหาแบบเดียวกันกับบนคลิปทางด้านบนนี้จะเกิดขึ้นกับรีโมทของ Apple TV รุ่นใหม่หรือไม่ แต่ด้วยความที่รีโมทของ Apple TV รุ่นใหม่นั้นมาพร้อมกับ gyroscope และ accelerometer ภายในตัวซึ่งจะทำให้ลักษณะในการใช้งานของรีโมท Apple TV รุ่นใหม่ในการเล่นเกม(หรือควบคุมอื่นๆ) คล้ายกับ Wiimote มากครับ

Apple น่าจะศึกษาบทเรียนนี้จากทาง Nintendo บ้าง ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็คือทาง Apple จะวางจำหน่าย Remote Loop(ที่เอาไว้ใช้สำหรับเชื่อมต่อรีโมทเพื่อรัดเข้ากับข้อมือ) แยกต่างหากจากในชุดขาย Apple TV รุ่นใหม่ ซึ่งจะว่าไปแล้วบริษัทที่มีเงินสดในมือถึง $200 billion หรือประมาณ 7.1 แสนล้านบาทในมืออย่าง Apple ก็ไม่น่าจะใจดำกับผู้ใช้งานแบบนี้เลยครับ

4. ไม่สามารถเพิ่มแหล่งเก็บข้อมูลภายนอกได้

ถึงแม้ว่า Apple TV รุ่นใหม่จะมาพร้อมกับแหล่งเก็บข้อมูลภายในความจุมากถึง 32 GB และ 64 GB ก็ตาม แต่ถ้าคุณเป็นคนประเภทที่ชอบโหลดแอปพลิเคชันหรือเนื้อหาต่างๆ อย่างเช่นเพลงและภาพยนตร์เอาไว้ในตัวเครื่องแล้วหล่ะก็ รับรองว่าความจุของแหล่งเก็บข้อมูลขนาดนี้ไม่พอแน่นอนครับ

และถึงแม้ว่า Apple TV รุ่นใหม่จะมาพร้อมกับช่องเชื่อมต่อแบบ USB-C ทางด้านหลังก็อย่าคิดว่าจะสามารถนำเอา USB-C flash drive หรือ hard drive มาเสียบใช้งานได้นะครับ เพราะทาง Apple บอกเอาไว้อย่างชัดเจนว่าช่องเชื่อมต่อนี้เอาไว้ใช้สำหรับ “servicing purposes” เท่านั้น ผู้ใช้ทั่วไปไม่สามารถจะใช้งานช่องเชื่อมต่อแบบ USB-C ที่อยู่ข้างหลังนี้ได้ครับ

5. รีโมทมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จใหม่ได้

บางท่านอาจจะงงว่าข้อนี้เป็นข้อเสียอย่างไรเพราะจริงๆ แล้วการที่รีโมทมาพร้อมกับแบตที่สามารถชาร์จใหม่ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนนั้นดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดี แต่อยากให้ทุกท่านลองคิดในมุมกลับดูครับว่าถ้าหากท่านกำลังใช้รีโมทในการเล่นเกมอยู่แล้วปรากฎว่าแบตเตอรี่ของรีโมทหมดขึ้นมานั่นหมายความว่าท่านจะต้องหยุดเล่นเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ใหม่ก่อนถึงจะสามารถเล่นต่อได้อีกครั้ง งานนี้อาจจะทำให้อารมณ์ค้างได้ครับ ซึ่งใน Apple TV รุ่นเก่านั้นผู้ใช้สามารถที่จะทำการแกะเปลี่ยนแบตเตอรี่ตัวรีโมทได้เองทำให้ปัญหาเรื่องอารมณ์ค้างนี้จะไม่เกิดขึ้นแต่อย่างใด

อีกปัญหาหนึ่งของเรื่องแบตเตอรี่บนรีโมทของ Apple TV รุ่นใหม่ก็คือในหน้าเว็บไซต์ของ Apple ได้บอกเอาไว้ว่า “Lightning to USB Cable” ได้รวมเข้ามาในชุดวางจำหน่ายด้วยครับ ทว่าที่ไม่ชัดเจนเลยก็คือไม่รู้ว่าสายที่แถมมานี้เป็นสาย USB แบบที่สามารถเสียบเข้ากับ USB-C ทางด้านหลังเครื่องหรือไม่หรือเป็น USB ธรรมดาที่ผู้ใช้ต้องไปชาร์จผ่านที่ชาร์จอื่นครับ(ถ้าใช่ก็อาจจะต้องเสียเงินซื้อหัวชาร์จอีกก็เป็นได้ครับ)

6. รองรับเสียงรอบทิศทาง ที่จริงๆ แล้วอาจจะไม่จำเป็นสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

สำหรับในข้อนี้นั้นอาจจะมีผู้ที่เห็นด้วยแหละไม่เห็นด้วยครับ แต่ก่อนอื่นหากจะว่าไปแล้วความสามารถในการรองรับการให้เสียงแบบรอบทิศทางนั้นมีก็ดีกว่าไม่มีครับ และในส่วนนี้นั้น Apple TV รุ่นใหม่รองรับการให้เสียงแบบรอบทิศทางผ่านลำโพงทั้งแบบ 5.1 และ 7.1 ผ่านทางช่อง HDMI 1.4 ออกไปทาง TV แล้วต่อผ่านทาง TV เข้าเครื่องรับสัญญาณเสียงอีกทีครับ

ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าคงจะมีคนจำนวนไม่มากนักที่มีชุดเครื่องเสียงแบบ 5.1 หรือ 7.1 ติดตั้งภายในบ้าน ซึ่งทำให้ความสามารถนี้คนส่วนใหญ่นั้นอาจจะเข้าถึงไม่ได้กันง่ายๆ นัก แถมในวงการระบบเสียงรอบทิศทางก็ยังคงมีการเถียงกันอย่างไม่จบสิ้นครับว่าระบบเสียงรอบทิศทาง 5.1 และ 7.1 นั้นแทบจะไม่ได้ต่างกันเลย แถมลำโพงอีก 2 ตัวที่เพิ่มเข้ามาในระบบเสียงรอบทิศทาง 7.1 นั้นบางทีก็อาจจะไม่มีเสียงอะไรออกมาให้ได้ยินด้วยซ้ำไป

หมายเหตุ – แต่อย่างที่บอกครับว่าความสามารถรองรับระบบเสียงรอบทิศทางนั้นเป็นสิ่งที่มีดีกว่าการที่ไม่มีครับ เพราะ set-top-box ของผู้ผลิตค่ายอื่นต่างก็รองรับกับระบบเสียงรอบทิศทางเช่นเดียวกัน ปัญหามันอยู่ตรงที่มีน้อยคนนักที่จะซื้อระบบเสียงรอบทิศทางมาใช้งานในบ้านจริงๆ ครับ

7. สาย HDMI ขายแยกต่างหาก

เรื่องท้ายสุดที่ไม่ค่อยน่าแปลกใจสักเท่าไรนักกับยี่ห้อ Apple ก็คือการที่ Apple TV รุ่นใหม่นั้นยังคงไม่มีสาย HDMI แถมมาให้เหมือนกับ Apple TV รุ่นเดิมครับ แถม ณ ตอนนี้สาย HDMI ที่สนับสนุนการใช้งานกับ Apple TV รุ่นใหม่(ซึ่งน่าจะเป็น HDMI 1.4) ก็ยังคงไม่มีข้อมูลว่า Apple จะขายแยกต่างหากที่ราคาเท่าไร ส่วนสาย HDMI ของ Apple TV รุ่นเดิมนั้นขายอยู่ที่ราคา $19 หรือประมาณ 675 บาทครับ

เรื่องนี้อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กสำหรับบางท่าน แต่ถ้าเอาไปเทียบกับคู่แข่งอย่างเช่น NVIDIA SHIELD แล้วเราจะพบว่าในชุดวางจำหน่ายนั้นมีอุปกรณ์มาให้ครบถ้วนมากกว่าครับ ขนาดผู้ผลิต set-top-box ที่ไม่ใช่ผู้ผลิตรายใหญ่ก็ยังแถมมาให้เลยครับ ดังนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไม Apple ที่เป็นบริษัทใหญ่ถึงได้ใจจืดใจดำกับผู้ใช้อย่างเราๆ ท่านๆ เช่นนี้(อีกแล้ว)

สรุป

จากทั้ง 7 ข้อดังกล่าวนั้นอาจจะมีบางข้อที่ท่านเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่สิ่งที่อยากให้ทุกท่านได้ทราบก็คือทั้ง 7 สิ่งที่กล่าวมานี้(ไม่ใช่ 7 สิ่งมหัศจรรย์นะครับ) เป็นสิ่งที่ Apple ไม่กล่าวถึงเลยครับ บางเรื่องนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจำเป็นพอสมควรสำหรับผู้บริโภคที่ควรจะได้รับข้อมูลให้ถูกต้องแม่นยำก่อนที่จะทำการซื้อ อย่างไรก็ตามแล้วยังขอยืนยันแบบในตอนแรกที่ได้กล่าวไปครับว่า Apple TV รุ่นใหม่นั้นถือเป็น set-top-box ที่มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับบนยี่ห้อหนึ่ง อยู่ที่คุณจะเป็นผู้ตัดสินใจแล้วครับว่า Apple TV รุ่นใหม่นี้จะเหมาะสมกับตัวคุณหรือไม่

ที่มา : mashable