คีย์บอร์ดสำหรับเกมเมอร์ที่ดีต้องสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างการใช้งานในด้านของงานทั่้วไปและการเล่นเกมได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะ Mechanical Keyboard จึงได้นำเสนอประสบการณ์ใช้งานที่ดีที่สุดและเพื่อตอบสนองความต้องการที่สูงขึ้นบนคีย์บอร์ดในแบบ Mechanical นี้ ผู้ใช้จึงต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากทีเดียวกับการเล่นเกม แต่ในวันนี้มีคีย์บอร์ดเกมเมิ่งอีกรุ่นหนึ่งจากค่าย E-Blue ในรุ่น K727 ที่ช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้กับการเล่นเกมได้มากยิ่งขึ้นในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป
ด้วยสนนราคาประมาณ 68USD หรือประมาณ 2500 บาท บนหน้าร้าน GearBest.com กับคีย์บอร์ด E-Blue ในรุ่น K727 นี้่ “Mazer” ที่เป็นซัพพลายที่มาพร้อมกับคียบอร์ด Cherry MX Switch Blue, Red, Black หรือ Brown รวมถึงคีย์ White หรือ Black
การออกแบบ
บอดี้หลักของคีย์บอร์ดเป็นโลหะแบบลายขัด ที่มองเห็นเป็นรูปลักษณ์ที่ดูสะดุดตาในช่วงเวลาปกติ แต่ในเวลากลางคืนจะดูเป็นพื้นผิวสะท้อนแสงเรืองออกมาจากใต้ปุ่มคีย์ ซึ่งอาจจะไม่ได้ดูสวยเด่นนัก แต่ก็ให้ความรู้สึกที่เข้ากับบอดี้ได้ดีทีเดียว
สาย USB เป็นแบบสายถักหุ้มเอาไว้และไม่สามรถถอดออกจากคีย์บอร์ดได้ สายถักเป็นทางเลือกที่ดีและช่วยยืดอายุของสายเคเบิล ป้องกันไม่ให้เกิดการหลุด จากการใช้งานหรือกระชาก พร้อมกับขั้วต่อ USB ขนาดใหญ่และแน่นหนา
ตัวอักษรบนคีย์บอร์ด ไม่ได้เป็นแบบมาตรฐานด้วยรูปแบบที่ล้ำยุค ในขณะที่ตัวอักษรใช้ฟอนต์ที่ดูไม่ทันสมัยนัก ทำให้ดูแปลกตาไปจากภาพรวม แต่ไม่ได้ส่งผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด
ด้านล่างของแป้นพิมพ์เป็นแบบ Smoking กึ่งโปร่งแสงสีขาว ช่วยให้ไฟ LED สีฟ้าที่ส่องผ่านได้แบบเรืองๆ ฟีตที่อยู่ใต้คีบ์บอร์ดเพื่อกันลื่น วางได้ดีและมีเสถียรภาพ ค่อนข้างแข็งแรง แถมมีที่ปรับให้เอียงขึ้น เพื่อปรับให้เข้ากับมุมในการนั่งสำหรับการเล่นเกมอย่างเป็นอรรถรสมากขึ้น
ความนุ่มนวลและการตอบสนองเวลาพิมพ์
การเลือกคีย์ MX Switch ที่อยู่ด้านใต้ปุ่มนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อการใช้งาน แต่สีดำเป็นปุ่ม Mechnical ต้นตำรับมาตั้งแต่ปี 1980 ที่มีแรงต้านสูงเหมาะกับผู้ใช้บางคนที่ชอบจังหวะกดแบบไม่มีสเตป กดหนักทีเดียว แม้ว่าจะไม่ได้เป็นแบบสัมผัส แต่แรงต้านที่ดีก็ช่วยให้หลายคนชอบใช้
ส่วนถ้าจะไปทางเลือกอื่นๆ หากต้องการคลิกแบบสัมผัสก็อาจจะเลือก Blue key หรือที่เป็นสีฟ้า ส่วนสีน้ำตาลจะให้สมดุลที่เหมาะสมสำหรับการเล่นเกมและพิมพ์งานในชีวิตประจำวัน ในขณะที่สีแดงมีแนวโน้มที่จะถูกมองว่าน่าใช้งานมากที่สุด เพราะเหมาะสำหรับการเล่นเกม เพราะมีแรงสะท้อนที่ต่ำ ส่วนถ้าคุณเริ่มการใช้งาน Mechanical keyboard เป็นตัวแรก อาจจะต้องลองดูกายภาพด้วยการลองกดดูความเหมาะสมในการใช้
ระยะห่างของปุ่มค่อนข้างกำลังดีและเป็นแบบ Full-size เมื่อเทียบกับคีย์บอร์ดในหลายรุ่นดูแล้ว ค่อนข้างจะพิมพ์ผิดหรือกดพลาดได้น้อยกว่าอีกด้วย
คีย์เพิ่มเติมและฟีเจอร์สำหรับการเล่นเกม
ด้วยการเป็นคีย์บอร์ดขนาดคอมแพ็ค ทำให้ตัวเลขหายไปจากคีย์ แต่เรื่องนี้ดูจะไม่เป็นปัญหาสำหรับการเล่นเกมนัก แต่อาจจะมีข้อจำกัดในการใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมถึงงานจำพวกเอกสารหรือสเปดชีท ซึ่งหากต้องการใช้งานสิ่งเหล่านี้ อาจจะต้องมองหา Mechnical K901 มาแทนในราคาประมาณ 3600 บาท ด้วยคุณลักษณะที่ใกล้เคียงกัน
แต่ที่น่าเศร้าก็คือ ไร้ซึ่งปุ่มมาโคร แม้ว่าในขณะที่หลายคนยอมรับว่า แทบจะไม่เคยได้ใช้งานเลยก็ตาม แต่เชื่อว่าเกมเมอร์ส่วนใหญ่อาจจะจำไม่ได้เลยว่า เคยใช้คีย์บอร์ดที่ไม่มีปุ่มมาโครครั้งสุดท้ายเมื่อใด เพราะวัตถุประสงค์ของการออกแบบปุ่มเหล่านี้ ก็เพื่อที่จะใช้เป็นช่องทางในการควบคุมและเป็นคีย์ลัดในการใช้แอพพลิเคชั่น ด้วยการปรับแต่งเฉพาะของแต่ละบุคคล
และคุณสมบัติหนึ่งที่น่าชื่นชม โดยเฉพาะกับผู้ใช้ Windows ที่ไม่ต้องประสบปัญหาเรื่อง Key lock โดยเฉพาะบางช่วงที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มหรือเกมกระตุก แล้วไม่ได้ตั้งใจไปกดปุ่ม Windows จนกลายเป็นเด้งกลับไปอยู่หน้าเดสก์ทอป บางครั้งอาจทำให้เกมเกิดการชะงัก คีย์บอร์ดรุ่นนี้สามารถ Disable หรือ Enable การทำงานของปุ่ม Windows key ได้เพียงแค่กดปุ่ม Fn + key เท่านั้น ไฟก็จะสว่างขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงการทำงาน
แสงไฟที่เรืองขึ้นบนโต๊ะทำงาน
แม้ว่ามันจะไม่มีแสงที่สว่างมากพอที่จะทำให้ดูเรืองแสงโดดเด่นในบริเวณที่มีแสงมาก แต่คีย์บอร์ดก็ยังเรืองแสงเป็นไฟ LED สีรุ้งภายใต้ปุ่มคีย์ และเรืองแสงสีฟ้าออกไปโดยรอบได้ ในช่วงที่มีแสงน้อย
ด้วยแสงสีฟ้าที่สามารถสลับหรือปิดในขณะที่เปิดไฟ LED สีรุ้งใต้คีย์บอร์ด ซึ่งให้ความหลากหลายของสี และแยกออกเป็นสีที่แตกต่างกันได้ ด้วยการปรับให้แตกต่างกันในแต่ละแถว แต่ไม่สามารถกำหนดให้เป็นค่าแบบ LED RGB ได้
โดยโหมดแรกสำหรับการปรับแต่งรูปแบบของสีบนคีย์บอร์ดนั้น เรียกว่า Marquee ซึ่งจะวิ่งจากซ้ายไปขวา บนลงล่างและไม่มีการเปลี่ยนแปลงขณะที่คุณกดปุ่มใดๆ เป็นโหมดที่น่าใชเงานสำหรับการโชว์
ส่วนโหมดที่สอง จะเป็นแบบเอฟเฟกต์ระลอกเมื่อมีการกดปุ่มในแต่ละปุ่ม ข้อดีคือ ดูสวยงามโดดเด่น แต่ก็จะเป็นการทำลายสมาธิได้ดีทีเดียว แต่กระนั้นก็ยังปรับให้เป็นโหมดแบบเดียวกัน แต่ไม่เป็นการกระเพื่อมออกไป
และสุดท้ายอาจจะค่อนข้างสำคัญสำหรับเกมเมอร์ ซึ่งเป็นโหมดที่โปรแกรมไฟให้เฉพาะเป็นการถาวร ที่สำคัญคือ สามารถสร้างปุ่มไฟในแบบที่ต้องการและทำเป็นโพรไฟล์ได้ถึง 4 รูปแบบ ซึ่งกระบวนการค่อนข้างง่าย คือ กำหนดให้เป็นรูปแบบตามที่ต้องการ จากนั้นก็ทำการบันทึกไว้ ด้วยการกด Fn + program แล้วกดอีกครั้งเพื่อเป็นการเปิดหรือปิดการปรับค่า จากนั้นกด Fn + program key อีกครั้งเพื่อเซฟโพรไฟล์ ทุกอย่างจะถูกบันทึกลงในตัวฮาร์ดแวร์และไม่มีการใช้ซอฟต์แวร์มากำหนดค่าโพรไฟล์เหล่านี้
ในขณะที่แสงไฟเล็กๆ เหล่านั้น เมื่ออยู่ในที่แสงน้อย อาจจะไม่ดีต่อดวงตามากนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการระบุแสงไฟลงไปในแต่ละปุ่มนั้นมีประโยชน์มากน้อยเพียงใด ซึ่งสิ่งที่่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การโชว์ความสวยงามแม้ในขณะที่เครื่องยังไม่ทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่ต่างยอมรับว่า LED เป็นฟีเจอร์ที่เหมือนโบนัสเพิ่มเข้ามา
แต่สำหรับประโยชน์ในระยะยาว การมีปุ่มที่เรืองแสงได้นี้ จะทำให้ผู้ใช้มองเห็นกับปุ่มที่กำหนดเอาไว้อย่างชัดเจน และทำให้กดได้แม่นยำมากขึ้น แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากในการตัดสินว่าไฟที่เรืองแสงเหล่านี้จะมีอายุการใช้งานได้ยาวนานเพียงใดนั่นเอง
ความคุ้มค่าในการเล่นเกม
การประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับการเล่นเกมด้วยราคาที่สูง ก็จะได้ประสิทธิภาพที่เร็ว แต่การที่มีคีย์บอร์ดคุณภาพ เช่นในแบบ Mechanical นี้ ในการใช้งานทั่วไปคีย์บอร์ดประเภทดังกล่าวอาจดูไม่ได้มีผลต่อการใช้งานมากนัก หากมองไปที่เกมเมอร์ผู้ใช้จะสามารถกระหน่ำไปที่การกดบนแป้นพิมพ์ได้อย่างเต็มอารมณ์ ให้เข้ากับบรรยากาศในการเล่นเกมได้แบบไม่ต้องกลัวคีย์บอร์ดจะพัง โดยเฉพาะกับ Cherry MX Switch ที่มีให้เลือกหลากหลายนี้ เป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดี ดังนั้นแค่เพียงเลือกคีย์ที่ถูกใจบน E-K727 รุ่นนี้ ก็พร้อมจะพาคุณโลดแล่นไปกับเกมที่ชื่นชอบได้อย่างสนุกสนานแล้ว
ที่มา : makeuseof