จากข้อมูลยอดขายของสมาร์ทโฟนไตรมาสล่าสุดจากทาง Gartner ที่ได้เผยออกมาเมื่อไม่นานมานี้นั้นพบเรื่องที่เป็นเรื่องเดิมๆ อยู่ครับ เรื่องนั้นก็คือสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ที่สามารถขายได้นั้นตกเป็นของสมาร์ทโฟนระบบปฎิบัติการ iOS และ Android แถบทั้งหมด คิดเป็น 96.8% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 96%(ของทั้ง 2 ระบบปฎิบัติการรวมกัน) ในขณะที่สมาร์ทโฟนระบบปฎิบัติการ Windows ยังคงชะงัก(ยอดขายตัวเครื่องเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ส่วนแบ่งในตลาดลดลง ส่วน BlackBerry และระบบปฎิบัติการอื่นๆ นั้นยังคงมียอดจำหน่ายลดลงอย่างต่อเนื่องครับ
อย่างไรก็ตามหากมองดูในแง่ของยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนโดยรวมของไตรมาสที่ผ่านมานั้นพบว่าสามารถที่จะจำหน่ายรวมกันไปได้มากกว่า 329 ล้านเครื่องครับ ขณะที่ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2015 ที่ผ่านมานั้นยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนรวมอยู่ที่มากกว่า 319 ล้านเครื่อง ซึ่งจะเห็นได้ว่าสูงขึ้นมาตามลำดับโดยสมาร์ทโฟนระบบปฎิบัติการที่ยังคงทำยอดได้ดีมากขึ้นมาโดยตลอดก็คือ iOS และ Android เช่นเดิมครับ จากภาพตรงนี้ทำให้เรามองเห็นได้ครับว่าในเวลานี้แพลตฟอร์มที่ครองตลาดนั้นคงหนีไม่พ้น Android และ iOS เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ทั้งนั้นทาง Gartner ได้บอกเอาไว้ครับว่ายอดขายนี้คงจะไม่มากไปกว่านี้แล้วหรืออาจจะเริ่มลดลงอันเนื่องมาจากอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนได้มาถึงจุดสุดยอดของมันแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ตลาดสมาร์มโฟนในประเทศจีนนั้นได้เข้าสู่จุดที่เริ่มมีการอิ่มตัว(เนื่องจากตลาดในจีนนั้นเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด) ซึ่งหลังจากนี้ต่อไปตลาดสมาร์ทโฟนนั้นจะขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนเครื่องของผู้ใช้งานมากกว่าการที่จะซื้อเครื่องใหม่(เครื่องแรก) ครับโดยหากจะว่าไปแล้วการเปลี่ยนเครื่องของผู้ใช้นี่เองที่อาจจะทำให้ยอดจำหน่ายของสมาร์ทโฟนตกลงได้ครับ
อย่างไรก็ตามเหตุการนี้ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ในช่วงปี 2013 แล้วครับ โดยถึงแม้ว่ายอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนจะยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้วตั้งแต่ในปี 2013 มานั้นอัตรการเติบโตของยอดขายสมาร์ทโฟนนั้นตกลงมาเรื่อยๆ ถึง 13.5%(หมายความว่าถึงแม้ในไตรมาสในปัจจุบันจะขายได้จำนวนมากกว่าแต่อัตราการเติบโตนั้นกลับลดลง) ส่วนหนึ่งนั้นทาง Gartner ได้บอกเอาไว้ครับว่าผู้บริโภคจะมองสมาร์ทโฟนแค่ 2 ระดับเท่านั้นซึ่งนั่นก็คือสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมและสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับความสามารถในการรองรับเครือข่าย 4G ที่อยู่ในระดับล่าง
ดังนั้นแล้วหากผู้ผลิตต้องการที่จะ “Play Safe” หล่ะก็ต้องใช้วิธีการวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนด้วยระบบปฎิบัติการที่มีผู้ใช้สูงอย่าง Android เป็นหลักและต้องรองรับกับเครือข่าย 4G หรือไม่ก็ออกสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมเหมือนกับที่ Apple ทำมาโดยตลอดครับ
ที่มา : theverge