ด้วยการออกแบบของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ที่มาพร้อมกับการออกแบบให้พลิกกลับพับได้กลายเป็นแท็ปเล็ตจากค่าย ASUS ในชื่อของ Chromebook Flip C100 นี้ มีดีไซน์ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ใช้ที่ไม่เหมือนใคร และยังไม่ได้ดูเป็นโน๊ตบุ๊ค Low cost อีกด้วย เพราะสัมผัสที่ได้นั้นดูพรีเมียม หรูหรา ซึ่งดูแล้วไม่เหมือนโน๊ตบุ๊คที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว แต่เป็นมากกว่านั้น
การจับจ่ายเงินราวๆ 200-300USD บนเครื่อง Chromebook ส่วนใหญ่มักจะได้บอดี้พลาสติกที่พอเพียงสำหรับการใช้งานสำหรับเปิดเบราว์เซอร์หรือแก้ไขงาน Google Doc, การดู Netflix และการใช้ Spotify ซึ่งทาง ASUS เองมองว่าน่าจะทำให้ Chromebook Flip นี้ เป็นอุปกรณ์ที่ดูพรีเมียมมากกว่าราคา ด้วยการใช้โลหะและการทำให้หน้าจอสามารถ Flip หรือปรับพลิกได้ สำหรับการใช้งานในโหมดต่างๆ สำหรับสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำแบบกันในชีวิตประจำวันในชีวิตของคุณ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงโน๊ตบุ๊คฝาพับเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการพลิกกลับได้ และกลายเป็น Chromebook ที่ดีที่สุดสำหรับวันนี้
Chromebook Flip Specs
- Display : 10.1-inch 1280×800 resolution Wide View Angle LED Backlight Glare panel (10 point multitouch)
- Processor : Rockchip 1.8GHz Quad-core RK3288C
- Memory : 2 or 4GB LPDDR3 RAM
- Storage : 16 or 32GB
- Connectivity : 802.11a/b/g/n/ac Wifi
- Bluetooth : 4.1
- Ports : 2x USB 3.0, Micro HDMI, headphone/mic, Micro SD card (SDXC)
- Camera : HD Web Camera
- Battery : 31 Wh
- 9 hours average use
- Charger : Output 12V DC at 2A Input 100-240V AC, 50/60 Hz universal Proprietary connector
- Dimensions : 262.8 x 182.4 x 15.6 mm
- Weight : 1.96 lb / 0.89 kg
ที่ราคา 279USD ที่ไม่ถือว่าสูงเกินไป และก็ไม่แนะนำเลือกแบบที่หน่วยความจำน้อยเกินไป ซึ่งเวลานี้ไม่ได้มีแค่ ASUS ค่ายเดียวที่มี Chromebook แต่ ASUS ยังคงมองถึงเรื่องของสมดุลราคาและคุณภาพได้ดี
พอเปิดกล่องออก แล้วมองเห็น Chromebook Flip ครั้งแรก ก็ดูจะสร้างความประทับใจได้ไม่น้อย ด้วยบอดี้ที่เป็นอลูมิเนียมแบบขัด มาบนน้ำหนักตัว 1.96 ปอนด์ แต่สามารถพกพาใส่กระเป๋าได้ง่าย อุปกรณ์ภายนอกออกแบบให้มีลำโพงไว้ทางด้านล่างทั้ง 2 ชุด และมีช่องสำหรับเป็นพอร์ตต่อพ่วงที่ประกอบด้วย 2x USB, microSD, micro-HDMI และ Speaker รวมถึงปุ่มควบคุมปรับเสียงเพิ่ม-ลดอยู่บริเวณด้านบนขวา โดยสามารถจับได้ถนัดมือเวลาที่ใช้เป็นโหมดแท็ปเล็ตด้วยการ Flip หน้าจอง่ายๆ เท่านั้น เพียงแต่อาจจะต้องระวังอยู่บ้าง หากใครเป็นคนที่ไม่ค่อยระมัดระวังก็อาจจะต้องหาเคสมาช่วยเป็นออพชั่นเสริมเผื่อว่าหลุดมือหรือทำตกก็จะยังพอบรรเทาความรุนแรงไปได้บ้าง
Chromebook Flip มาพร้อมบานพับที่แข็งแรงมากตลอดที่มีการใช้งาน ด้วยการทดสอบแบบปรับเปลี่ยนโหมดไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นแท็ปเล็ต เตนท์โหมดและโน๊ตบุ๊ค ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเอาใจใส่ในการออกแบบของ ASUS ที่ไม่ได้มีเพียงความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมประโยชน์ใช้สอยเข้าไปด้วย แต่แน่นอนว่าเรื่องความทนทานก็คงต้องขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เองที่จะเป็นการพิสูจน์ในการใช้งาน ในโหมดการทำงานปกติคีย์บอร์ดจะใช้งานได้ตามพื้นฐาน แต่ในโหมดสแตน แผงปุ่มคีย์จะถูกหันลงที่พื้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการใช้ดู Netflix หรือ Youtube บนเตียง
แต่เมื่อกลับมาดูที่การใช้งานบนหน้าจอแแสดงผล อาจจะดูเล็กไปบ้างกับหน้าจอขนาด 10.1″ แต่ด้วยพื้นที่จำกัดเช่นนี้ ก็ทำให้เรามองเห็นภาพที่ชัดมากขึ้น โดยที่กรอบสีดำขนาดใหญ่รอบทุกด้าน ก็ทำให้รู้สึกว่าเวลาที่เราพับหรือถือไว้บนมือ ก็จะไม่ไปโดยหน้าจอโดยตรง แต่ยังคงจับอยู่ที่บริเวณกรอบเหมือนกับการใช้งานแท็ปเล็ตปกติ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีในการใช้งานบนโหมดแท็ปเล็ตนั่นเอง
การให้คะแนนในด้านการแสดงผลเรียกว่าพอใช้ได้ นอกเหนือจากเรื่องของบาลานซ์ของสีขาวที่ดูสบายตา ความคมชัดและถูกต้องของสีมีความสดใส คงต้องยกให้กับพาแนลแบบ IPS แต่ด้วยการที่ต้องมาอยู่ในบอดี้ขนาดเล็กๆ นี้ ก็เลยอาจจะต้องเพ่งสายตาอยู่บ้างกับความละเอียดระดับ 1280 x 800 pixel สำหรับ Chromebook Flip นี้ แต่เมื่อกลับมาใช้งานเป็นโน๊ตบุ๊คทั่วไปบนโต๊ะก็ไม่ได้ต่างจากการทำงานของ Chromebook อื่นๆ ทั่วไป จะมีเพียงแต่การใช้งานบนโหมดแท็ปเล็ตเท่านั้นที่ทำให้รู้สึกว่าต้องเข้าไปดูใกล้กับจอมากขึ้น
ความน่าสนใจของ Chromebook Flip นี้ อยู่ที่การออกแบบที่สวยงามและหน้าจอคมชัด ซึ่งหาได้ยากกับสินค้าในระดับ 300USD นี้ เมื่อพิจารณาจากในการใช้งาน หากคุณเป็นคนที่ใช้งานโน๊ตบุ๊คแบบคนเดียว ไม่จำเป็นต้องเปิดให้ใครเข้ามาดูบนหน้าจอร่วมกันหลายคน Chromebook Flip ตอบสนองการใช้งานได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะด้วยหน้าจอความละเอียดสูงและการหมุนปรับพับในโหมดต่างๆ ได้ถือว่าเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว รวมถึงการผลิตที่มีการใช้วัสดุคุณภาพในการประกอบ ทำให้การจับถือหรือใช้งานมั่นใจยิ่งขึ้น
แป้นพิมพ์ของ Flip นี้ เป็นรูปแบบผสม ให้เสียงที่เงียบในการระหว่างการพิมพ์ ในขนาดที่พอจะทำให้การพิมพ์ได้ไม่ผิดพลาด เพียงแต่อาจจะดูแน่นไปบ้าง หากใครเคยใช้โน๊ตบุ๊ค 15: อาจจรู้สึกบีบๆ เล็กๆ แต่ก็ใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวในการที่จะพิมพ์ได้อย่างสบายมือไม่ผิดพลาด แต่ที่น่าสนใจเลยก็คือ ทัชแพดที่มีขนาดกำลังเหมาะ และดูจะโดดเด่นกว่าใครสำหรับ Chromebook ด้วยความเรียบเนียนและตอบสนองต่อการคลิกได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งดูแล้วค่อนข้างจะเหมือนกับใช้บนโน๊ตบุ๊ควินโดวส์ราคาแพงมากกว่า
ในด้านของประสิทธิภาพ Chromebook Flip ที่ใช้ซีพียูในการประมวลผล สามารถจัดการงานทั่วไปได้อย่างไม่เป็นปัญหา ไม่แสดงอาการที่ล่าช้าให้เห็น จะมีเพียงจุดเล็กๆ ในการทดสอบรอบที่ 10 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเลื่อนสกอลล์ลงมาของหน้าเว็บที่มีการสะดุด เนื่องจากอาการของ Full Load บนหน้าเว็บบางเว็บเช่น New York Time นั่นเอง
คงต้องบอกกันอีกครั้งกับการเลือกใช้งาน Chromebook Flip ในรุ่นใหญ่จะดีกว่ารุ่นที่ใช้แรม 2GB เพราะการประหยัดเงินกับรุ่นราคา 249USD การทำงานจะแตกต่างกันพอสมควร โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับโปรแกรมที่ต้องการทรัพยากรมากขึ้น เช่นการทำงานในแบบมัลติทาส์ก ระหว่าง Spotify, Google Docs, Gmail, Twitter และ Facebook แต่ที่ต้องยกเป็นเครดิตให้กับ Chromebook Flip ก็คือ การแสดงให้เห็นถึงความอึดทนต่อการทำงานได้นานถึง 9 ชั่วโมงตามที่ ASUS ได้แนะนำเอาไว้
Chrome OS ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องสำคัญที่ให้ไว้ในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซอฟต์แวร์บน Cloud ในแบบ all-thing-in-the-cloud โดยที่ผู้ใช้ Flip จะได้รับพื้นที่เก็บข้อมูลบน Cloud ได้ถึง 100GB เป็นเวลา 2 ปีทีเดียว ซึ่ง Chromebook เอง ได้ถูกออกแบบมาสำหรับการท่องเว็บ แต่ก็สามารถใช้แก้ไขเอกสารได้ รวมถึงการส่งข้อความและอีเมล์ต่างๆ รวมถึงการทำงานต่างๆ เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังไม่โดนใจบรรดาช่างภาพและผู้ที่ใช้งานซอฟต์แวร์ในระดับมืออาชีพที่ยังต้องการเครื่องมือในการปรับแต่งอย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้น แต่ในเรื่องความละเอียดของพิกเซลที่ได้นั้น ก็น่าจะพอทำให้เห็นถึงความคุ้มค่าที่จะได้รับ
Google เองก็มุ่งหน้าที่จะพัฒนาให้การทำงานนั้นง่ายขึ้นบน Chromebook ให้สูงขึ้นกว่าบนแท็ปเล็ต ด้วยการใช้วัสดุและการออกแบบแป้นพิมพ์แบบเสมือนจริง ด้วยการรองรับ Emoji และการใช้มือในการเขีบนและวาดบนหน้าจอ รวมถึงสามารเรียกใช้แอพเล็กๆ ของแอนดรอยด์ เช่น Evernote และ Vine เป็นเว็บแอพบน Chrome ได้อีกด้วย ซึ่งนับว่าถ้าเวลานี้ต้องการ Chrome OS ไว้ใช้งานแทนที่การทำงานของแท็ปเล็ตแบบแท้ๆ ก็ดูน่าสนใจมากขึ้นกว่าในอดีต เพราะอย่างการใช้งาน Flip นี้ ก็ทำให้ผู้ใช้ปรับรูปแบบการใช้งานได้ตามใจชอบและยังมีแอพที่ตอบสนองการใช้งานได้อีกไม่น้อยเลยทีเดียว
แม้ว่าวันนี้จะยังมีคู่แข่งอยู่อีก 2-3 รายที่มีความแข็งแกร่ง แต่เชื่อว่า ASUS Chromebook Flip จะมีดีพอที่จะฝ่าฟันในตลาดได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประสิทธิภาพ หน้าจอที่ละเอียด การออกแบบปราณีตและมีแทร็กแพดบนขนาดพกพา 10″ ด้วยราคาไม่เกิน 300USD นี้ (ประมาณ 9,600 บาท)
ที่มา : theverge