บริการที่อยู่มานานอย่าง Youtube นั้นย่อมเป็นบริการที่มีผู้ใช้มากครับ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะสามารถอยู่ยงคงกระพันสามารถครองใจผู้ใช้ได้ตลอดการ เพราะในวงการเทคโนโลยีแล้วมีคู่แข่งเกิดขึ้นมาใหม่ตลอดทุกเวลาครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับขาใหญ่อย่าง Facebook ที่เป็น Social Network ที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลกเริ่มจะมีบริการต่างๆ เป็นของตัวเองมากขึ้นแน่นอนครับว่าการแย่งชิงตลาดผู้ใช้ย่อมเกิดขึ้น ผลที่ตามมาก็คือบริษัทโฆษณาต่างๆ นั้นเริ่มมีกระแสทิศทางที่เปลี่ยนไปครับ
จากรายงานของ Ampere Analysis พบว่าในช่วงประมาณไตรมาสที่ 2 – ไตรมาสที่ 3 ของ ปี 2010 นั้น Active User ของผู้ใช้งาน Facebook มีจำนวนตามมาเท่ากับจำนวนผู้ใช้งาน Youtube ครับ และหลังจากไตรมาสนั้นเป็นต้นมาจำนวนผู้ใช้งานแบบ Active User ของ Facebook ก็สูงขึ้นมากกว่า Youtube เรื่อยๆ มาจนถึงปัจจุบันครับ
สาเหตุหนึ่งที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า Facebook บังคับให้ผู้ใช้จะต้องทำการ login เข้าสู่ระบบเพื่อที่จะใช้งานก่อนทุกครับ ในขณะที่ Youtube นั้นไม่ได้บังคับเรื่องนี้แต่อย่างใดครับ จากการตรวจสอบอย่างจริงจังของ Ampere ในการสำรวจผู้ใช้กว่า 10,000 รายในยุโร)และอเมริกาเหนือพบว่า 15% ของผู้ใช้จะดูวิดีโอที่ถูกโพสบน Facebook เลย(ในเดือนที่ผ่านมา) แถมในจำนวนผู้ใช้ Facebook ที่อยู่ในกลุ่มทดสอบกว่า 16.67% ก็ไม่คิดที่จะไปดูวิดีโอผ่านทาง Youtube เพิ่มครับ
ถึงแม้ว่าในความเป็นจริง Youtube จะมีผู้ใช้งานมากกว่ามาก(เพราะต้องรวมผู้ใช้ที่ไม่ได้ login เข้าไปใช้งานโดยตรงด้วย) ทว่าตัวเลขจำนวนนี้ก็แสดงให้เห็นถึงแนวทางในอนาคตที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนักกับทาง Youtube ครับ เพราะเราจะเห็นได้ชัดเจนว่าแนวทางนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนไม่แน่ในวันหนึ่ง Facebook อาจจะทำการตัดการโพสลิงค์จากผู้ให้บริการรายอื่นโดยตรงทิ้งแล้วให้บริการเฉพาะลิงค์วีดีโอภายในของ Facebook เองครับ
ที่เป็นเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรมากเลยครับ มันเป็นเรื่องของการแย่งฆ่าบริการโฆษณาครับ เพราะคงไม่มีบริษัทไหนที่ต้องการจ่ายค่าโฆษณาหลายๆ ทางเพื่อนพเอาโฆษณาของตัวเองขึ้นเว็บหลายๆ เว็บในเมื่อมีเว็บใดเว็บหนึ่งมีจำนวนผู้ใช้มากกว่าอยู่แล้วอย่างแน่นอน ทว่าเส้นทางนี้สำหรับ Facebook เองก็ยังคงไม่ง่ายมากนักครับ จะเป็นเพราะอะไรบ้างนั้นไปดูสาเหตุกันเลยครับ
- โฆษณาบน Youtube จะขึ้นให้ผู้ใช้ได้ชมถึงแม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้ login เข้าไปครับ นั่นหมายความว่าในความเป็นจริงแล้วโฆษณานั้นๆ ย่อมเข้าถึงผู้ใช้ได้มากกว่าการโฆษณาบน Facebook ที่บังคับให้ผู้ใช้ต้อง login ทุกครั้งในการใช้งาน
- โฆษณาบน Facebook นั้นจะขึ้นมาหลังจากที่ผู้ใช้ดูวีดีโอเนื้อหานั้นจบแล้วครับ ซึ่งในตรงนี้แตกต่างจาก Youtube ที่จะขึ้นโฆษณาก่อนอย่างเห็นได้ชัด ทำให้บางครั้งโฆษณาใน Facebook ก็ไม่ได้ถูกดูด้วยสักเท่าไรครับ
- Facebook จะเก็บเงินจากบริษทที่ลงโฆษณาทันทีที่ผู้ใช้ดูโฆษณาไปแล้ว 3 วินาที ซึ่งหากจะว่าไปแล้วถือว่าเป็นระยะเวลาที่สั้นมากครับในการที่จะโฆษณาในรูปแบบวีดีโอให้ทันใน 3 วินาที (ํYoutube มีระยะเวลาที่นานกว่านี้)
- ค่าโฆษณาบน Facebook แพงกว่าบน Youtube ครับ
อย่างไรก็ตามถึงจะมีข้อเสียอย่างที่ได้กล่าวไปนั้นก็หาใช่ว่า Facebook เองจะไม่มีโฆษณามาเลยครับ ด้วยการที่บังคับให้ผู้ใช้ทำการ login ก่อน ทำให้ทาง Facebook สามารถที่จะเลือกหาโฆษณาที่คาดว่าผู้ใช้รายนั้นๆ จะสนใจดูจนจบรวมไปถึงคลิ๊กเข้าไปเพื่อดูข้อมูลต่อได้ ในขณะที่โฆษณาบน Youtube ส่วนใหญ่นั้น หากคุณไม่ได้ login เข้าไปก่อนจะเห็นได้ชัดเจนว่าส่วนใหญ่แล้วจะเป็นโฆษณาของผู้ให้บริการรายใหญ่ๆ มากกว่าหรือไม่ก็เป็นโฆษณาที่เน้นขายในภูมิภาคของคุณเท่านนั้นครับ
ทาง Richard Broughton ผู้อำนวยการวิจัยของ Ampere ได้กล่าวเอาไว้ว่าเราคงจะยังไม่ได้เห็นการเอาชนะกันได้ของ Facebook หรือ Youtube ในช่วงระยะเวลาใกล้ๆ นี้อย่างน้อยก็ 2 – 3 ปีครับ เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากที่คลุมการดูโฆษณาของผู้ใช้เอาไว้อยู่ แต่ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเลยก็คือบริษัทใหญ่ๆ มักจะนำโฆษณาลงทั้งใน 2 แพลตฟอร์มนี้กันทั้งสิ้นทำให้ตัดสินได้ยากครับ และที่สำคัญที่สุดผู้ใช้บางรายก็ยังคงชอบที่จะลงคลิปวีดีโอของตัวเองทั้งใน 2 แพลตฟอร์มอีกด้วยครับ
ที่มา : venturebeat