นับตั้งแต่อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลความเร็วสูงแบบ SSD เข้ามาในตลาดตั้งแต่ช่วงปี 2000 เป็นต้นมา เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความนิยมอย่างมากสำหรับการอัพเกรดและเป็นออพชั่นในการ Add-on สำหรับระบบใหม่ ซึ่งหากใครเคยได้สัมผัส SSD มาบ้างแล้ว จะมองเห็นถึงช่องว่างระหว่างความเร็วของซีพียูและความเร็วของฮาร์ดิดสก์จานหมุนแบบดั้งเดิมเริ่มห่างออกไปทุกที โดยเฉพาะการเล่นเกมหรือใช้ในงานซอฟต์แวร์ธุรกิจระดับไฮเอนด์ที่ต้องใช้พลังในการจัดเก็บข้อมูลที่รวดเร็ว โดย SSD มีความสามารถขั้นสูงและอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา โดยเมื่อเร็วๆ นี้ 3D NAND ได้ยืนยันถึง SSD ความจุสูงจะเข้ามาแทนที่ในระดับในช่วง 5-7 ปีต่อไปนี้ แต่ยังน่าเสียดายที่การพัฒนาเหล่านั้นยังคงอยู่ในกระบวนการพัฒนาของโลกอุตสาหกรรม ซึ่งหลายฝ่ายเริ่มมองถึงความเป็นไปได้ในระยะยาว
จากรายงานล่าสุดจาก Jim O’Reilly บ่งบอกว่า NAND 3D จุดเปลี่ยนของเกมสำหรับ SSD ก็คือเรื่องของความจุ ซึ่งอาจเรียกได้ว่า ใกล้ได้เวลาที่ความจุและราคาเริ่มลงตัวมากยิ่งขึ้น แนวโน้มที่อาจจะใกล้กับฮาร์ดไดรฟ์ในด้านความจุรวมอาจจะเกิดขึ้นในปี 2016 ที่จะถึงนี้ รวมถึงความน่าเชื่อถือและความสามารถในการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งครอบคลุมไปถึงตลาดอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลในปี 2016 และ 2017 ความจริงที่มีบางแนวโน้มของการผลักดันในการใช้ SSD และคาดว่าอีกไม่นานเราน่าจะเห็นการจัดส่งสินค้าที่เป็น SSD มากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์ในระยะยาว แต่ O’Reilly มองว่าน่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
Harddisk กับ SSD ในระยะยาว
เริ่มแรก ไดรฟ์ SSD ก้าวกระโดดจากการเริ่มต้นจาก NAND Flash โดยความจุของฮาร์ดดิสก์เองก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่ 2TB เพราะคาดว่าในปี 2020 จะมีการนำเทคโนโลยี HAMR หรือ heat-assisted magnetic recording มาใช้ รวมถึง Helium drive โดย HGST ที่มีความสามารถในการ Stack Drive ให้เพิ่มประสิทธิภาพได้มากขึ้น โดยไม่ต้องเพิ่มความหนาแน่นมากขึ้น SSD 1TB ในวันนี้สนนราคาอยู่ที่ 349USD แต่สำหรับ HDD 1TB จากทาง NewEgg ที่ใช้สำหรับโน๊ตบุ๊คราคาเพียง 48USD เท่านั้นเอง นั่นหมายถึงความแตกต่างอย่างมากของไดรฟ์ทั้งสองรูปแบบ
ซึ่งความแตกต่างของค่าใช้จ่ายของฮาร์ดดิสก์และ SSD ลดลงอย่างมากในปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังคาดหวังได้ยากที่จะลดราคามาอยู่ในระดับเดียวกัน แต่เพื่อให้มองเห็นความเป็นไปได้ สมมติว่าในปี 2017 ราคาของ SSD ลดลงไป 15 Cents ต่อ GB ก็จะน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของราคาในปัจจุบัน ขณะที่ราคาของ HDD ลดลงไปประมาณ 2.5 Cents ต่อ GB ซึ่งฮาร์ดดิสก์ 4TB ที่ราคาดังกล่าวนี้ จะมีค่าใช้จ่ายที่ 100USD ส่วน SSD 4TB จะอยู่ราวๆ 600USD
เมื่อดูในตลาดวันนี้ ถ้า SSD มีแนวโน้มที่จะใช้ในงานที่ต้องการประสิทธิภาพในอนาคตอันใกล้ ก็คาดหวังได้ที่จะเห็นโน๊ตบุ๊คที่ประสิทธิภาพในราคาต่ำกว่า 1000USD หรือเป็นไปได้ในราคาที่ใกล้กับ 600-800USD ที่มาพร้อม SSD แทนที่จะเป็นฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนธรรมดา อาจมีผู้ใช้บางส่วนที่มองถึงความจุในการจัดเก็บข้อมูลเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ในความต้องการประสิทธิภาพการจัดเก็บมากกว่าความจุ
การที่ SSD จะมาพร้อมราคาที่ถูกลง นั่นก็จะทำให้เราได้เห็นไดรฟ์ที่มีความจุสูงขึ้นและเป็นที่ยอมรับในตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ดีสิ่งหนึ่งที่ยังเป็นจุดเด่นของฮาร์ดดิสก์ก็คือ ความสามารถในการบันทึกข้อมูลขนาดใหญ่และเพิ่มเติมข้อมูลมากมายได้ตามต้องการ โดยในอนาคตก็น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่ของการใช้งานที่มากกว่าการจัดเก็บหรืออ่านข้อมูล เช่นการเปลี่ยนมาใช้ SSD ของศูนย์ข้อมูลก็เป็นการตอบโจทย์ในด้านประสิทธิภาพด้วยความสามารถ intelligent cache รวมถึงการลดอุณหภูมิในการทำงานที่เย็นลงและรองรับความจุได้มากยิ่งขึ้น
ที่มา : extremetech