Dell ได้มีการออกโน๊ตบุ๊คในรุ่นพิเศษ ด้วยขนาด 13 นิ้ว มาตรฐาน Inspiron 7000 ในแบบ 2-in-1 การออกแบบสุดคมสวยงาม พร้อมไดรฟ์ SSD 256GB และยังสามารถพับได้ 360 องศา และหน้าจอสัมผัสบนความละเอียดระดับ Full-HD ให้ระยะเวลาในการทำงานมากถึง 8 ชั่วโมงสำหรับแบตมาตรฐาน ราคาเริ่มต้นที่ 799-1000USD ดูเหมือนจะไม่ถูกนัก แต่ประสิทธิภาพวางใจได้
Specification :
- CPU 2.4-GHz Intel Core i7-5500U CPU
- Operating System Windows 8.1
- RAM 8GB
- Hard Drive Size 256GB
- Hard Drive Type SSD Drive
- Display Size 13.3
- Native Resolution 1920×1080
- Graphics Card Intel HD Graphics 5500
- Wi-Fi 802.11ac
- Wi-Fi Model Intel Dual Band Wireless-AC 7265 802.11ac, 2×2, 2.4 & 5GHz + Bluetooth 4.0
- Bluetooth Bluetooth 4.0
- Ports (excluding USB) USB 3.0, USB 2.0 (Total 3 port)
- Ports (excluding USB) HDMI
- Ports (excluding USB) Headphone/Mic
- Card Slots SD memory reader
ด้านการออกแบบ
ในการออกแบบ Inspiron 13 7000 Special Edition นี้ได้รับการปรับปรุงมาจาก Vanilla Inspiron 13 ด้วยวัสดุครึ่งพลาสติก ครึ่งโลหะ บางและเบา 2-in-1 พร้อมระบบมัลติโหมด ที่สามารถพับจอได้ถึง 360 องศา แต่มีความเฉียบคม ในสไตล์ของเหลี่ยมเพชรและให้ความเบา บางเป็นพิเศษ ส่วนของฝาครอบมีการเคลือบผิวที่นุ่มและฝาปิดด้านในเป็นผิวเรียบ โลหะด้านนอกรอบๆ ตัวถังด้านล่าง มีช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ด้านหลังมาพร้อมฐานที่เป็นปุ่มยางเรียบสำหรับรองพื้น ไม่ให้เลื่อนไปมา บางชิ้นส่วนและลำโพงถูกย้ายออกไปด้านข้าง แต่ไม่ได้มีสิ่งใดที่ถูกถอดออกจากแบบเดิม
มีปุ่มสำหรับการเข้าสู่ Windows Home ด้านใต้ของจอภาพ สำหรับการทำงานในโหมดแท็ปเล็ต บานพับค่อนข้างแข็งและทำฝาปิดที่เล็กทำให้ยากในการเปิด แต่เป็นผลดีที่ช่วยให้เกิดความแข็งแรงในการใช้งานในแบบเตนท์โหมด
Dell Inspiron 13 7000 Special Edition มาในขนาด 13″ x 8.7″ x 0.75″ โดยเมื่อเปรียบเทียบกับ Lenovo Yoga 3 14 จะอยู่ที่ (13.18″ x 9″ x 0.72″) โดยยาวกว่า HP Spectre x360 เล็กน้อย ด้วยบอดี้ 12.79″ x 8.”6 x 0.6″ โดยประมาณ ส่วนน้ำหนักโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 3.63 ปอนด์หรือประมาณ
คีย์บอร์ดและทัชแพด
Inspiron 13 7000 SE มาในแป้นพิมพ์แบบชิคเคลท พร้อมไฟแบ็คไลท์ 2 ระดับ ตัวคีย์ต้องใช้น้ำหนัก 60 กรัมในการกด และมีระยะที่ตื้นเพียง 1mm เท่านั้น ดังนั้นจึงตอบสนองได้ถึง 80 คำต่อนาที จากการทดสอบด้วย 10fastfingers ที่เป็นการทดสอบการพิมพ์ที่ให้ผลค่อนข้างดีทีเดียว
ส่วนด้านล่างของ Spacebar เป็นพื้นที่ทัชแพดขนาดประมาณ 4.1″ x 2.6″ มาพร้อมกับปุ่มเมาส์ในการคลิกซ้าย-ขวาในตัว ให้ความรู้สึกที่ชัดเจนในการกดและตอบสนองได้ดี เช่นเดียวกับการเลื่อนนิ้วในการซูมและย่อ รวมถึงการเลื่อนสกอลล์ด้วยระบบ Gesture นั่นเอง
จอแสดงผล
ในเด้านการแสดงผลของ Inspiron 13 7000 SE มาในกรอบขนาด 13.3″ ให้ความละเอียด 1920 x 1080 pixels พร้อมรองรับการทัชสกรีน ให้การสัมผัสที่แม่นยำและตอบสนองได้ดี แต่ค่อนข้างจะออกสีเหลืองเล็กน้อย อาจจะมองได้ยากเมื่อดูจากหน้า Start Menu หรือหน้าเดสก์ทอป แต่จะสังเกตได้เมื่อดูภาพยนตร์ที่มีสีเหลืองทองปรากฏอยู่ในฉาก ซึ่งก็ดูไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไรนัก
ในส่วนของความสว่าง Inspiron 13 7000 SE ให้ความสว่างได้ถึง 316 nits ซึ่งดูจะน้อยกว่าค่ายอื่นๆ บ้างนิดหน่อย เพราะ HP Spectre x360 ให้มาที่ 339 niyts และ Yoga 3 14 อยู่ที่ 224 nits โดยที่มีอัตราของสีโดยรวมอยู่ที่ 88.6 percent ของ sRGB นั่นหมายถึงโทนสีที่ไม่ค่อยอิ่มตัวมากนัก แต่ที่น่าสนใจคือ ให้ความถูกต้องของสีได้อย่างมากที่สุด กับค่าคะแนนบน Delta-E 1.16 ซึ่งค่าใกล้กับศูนย์ถือว่าดีที่ที่สุด และนับว่าให้ผลที่ดีกว่าคู่แข่งรายอื่นในการทดสอบ
ด้านของระบบเสียง
เป็นสิ่งหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงใน Inspiron 13 7000 SE เพราะมีการย้ายลำโพง จากในรูปแบบมาตรฐาน ที่อยู่ทางด้านซ้ายและขวา กลายมาอยู่ที่ด้านบนของตัวเครื่อง เพื่อให้เสียงที่มีความชัดเจนมากยิ่งขี้น ทำให้ได้โทนและมีติในการฟัง อย่างไรก็ดี ผลที่ได้คือ ทิศทางเสียงที่ดีขึ้น แต่ด้านของเสียงเบส ก็ดูจะถูกเติมเข้ามาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ความร้อนในการทำงาน
Inspiron 13 7000 SE ได้ถูกออกแบบให้บางและเบา ส่งผลให้ต้องมีการออกแบบในการกระจายความร้อน โดยหลังจากที่ทำการสตรีมมิ่งวีดีโอ HD ไปประมาณ 15 นาที ตัวเครื่องด้านล่างมีความร้อนขึ้นถึง 101.5 องศาฟาเรนไฮต์ และฝาด้านบนของปุ่ม Home ก็ขึ้นไปแตะที่ 103 องศาฟาเรนไฮต์ ส่วนทั้ง 2 ด้านของเครื่องอยู่ที่ 95 องศาฟาเรนไฮต์ ส่วนทัชแพดและที่วางมืออุณหภูมิสบายๆ
ประสิทธิภาพในการทำงาน
ด้วยความเร็วของซีพียู Intel Core i7-5500U 2,4GHz และมีแรมมาด้วย 8GB พร้อมฮาร์ดดิสก์ SSD 256GB ต้องถือว่า Inspiron 13 7000 นี้ไม่ธรรมดา เพราะมีพลังมาพอที่จะจัดการกับงานหนักๆ ได้ จากการเปิด Chrome ไว้ถึง 15 แท็ปและรันเกม Hero of Warcraft ไว้เบื้องหลัง ก็ไม่ได้สั่นคลอนในการทำงานนัก พร้อมกันนี้ยังสตรีมมิ่งวีดีโอ 1080p ได้แบบไม่อืด
จากการทดสอบด้วย Geekbench 3 ในการวัดประสิทธิภาพโดยรวม คะแนนที่ได้ 6085 ถือว่าดีกว่าระบบอื่นๆ ที่นำมาทดสอบด้วยกัน เพราะใช้ซีพียูรุ่น Core i5 ที่เป็นรองกว่าพอสมควร อีกทั้ง Inspiron ที่มาพร้อม SSD 256GB ให้ความสามารถในการถ่ายโอนข้อมูลแบบผสม 4.97GB ได้ใน 40 วินาที ด้วยอัตราการทำงาน 127.2Mbps เท่านั้น ส่วนการทดสอบ OpenOffice ให้ทาง Inspiron จับคู่รายชื่อ 20000 ชุดและที่อยู่ได้ใน 4 นาที 32 วินาที ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่เร็วดีทีเดียว
ประสิทธิภาพในด้านกราฟฟิก
แม้จะมาพร้อมกับกราฟฟิก Intel Graphic HD5500 ที่ไม่อาจจัดการกับ AAA ไม่ว่าจะเป็น GTA V หรือ Far Cry 4 ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็พอที่จะเล่นเกมที่แรงลงมาและใช้กราฟฟิกไม่หนักมากได้ อย่างเชช่น Hero of Warcraft หรือ Hotline Miami 2 ได้ที่ความละเอียด 1920 x 1080 pixels ได้
ส่วนในการทดสอบ 3Dmark Fire Strike graphic benchmark สำหรับ Dell Inspiron 13 7000 SE ยังให้คะแนนได้ถึง 630 เลยทีเดียว โดยใน World of Warcraft บนความละเอียด 1366 x 768 pixels ทำได้ 41.7 เฟรมต่อวินาที แต่เมื่อเล่นบนความละเอียดแบบ Native ของหน้าจอซึ่งเป็น Full-HD ที่ 1080p อัตราเฟรมเรตตกไปอยู่ที่ 26.5 เฟรมต่อวินาทีโดยประมาณ
ในเรื่องของการใช้พลังงานด้วยการทดสอบ Battery Test ของทาง Laptop Mag ใช้การท่องเว็บผ่านทาง WiFi บนความสว่างหน้าจอ 100 nits บนแบตเตอรี่ 3-cell ของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ให้ผลอยู่ที่ 8 ชั่วโมงกับ 26 นาที
ภาพรวมต้องถือว่า Dell Inspiron 13 7000 เป็นโน๊ตบุ๊คแบบบางเบาที่ให้ผลการทำงานในระดับที่ดี แม้จะร้อนขึ้นบ้างเล็กน้อย เนื่องจากขนาดที่จำกัด ก็ถือว่าได้รับการผสมผสานในการออกแบบได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมีระยะเวลาในการทำงานของแบตได้นาน พร้อมด้วยบอดี้ที่มีความแข็งแรง ให้หลายๆ ส่วนตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้ได้อย่างน่าทึ่งอีกด้วย
ที่มา : Laptopmag
