หากย้อนไปในปี 2556 หลายๆคนอาจจะคุ้นชื่อ Kung Fury ไม่มากก็น้อยเพราะในช่วงนั้น Kung Fury ได้ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ออกมาและกำลังอยู่ในช่วงระดมทุนทาง KickStarter ซึ่งเป็นหนังแนวแอ็คชั่นเกรดบียุค 80 ที่ผสมผสานความเพี้ยนที่เริ่มตั้งแต่ไอ้หนุ่มที่ชื่อ Kung Fury ยอดนักสู้สายกังฟูต้องย้อนเวลากลับไปจัดการฮิตเลอร์ที่เป็นจ้าวแห่งกังฟูที่เหนือกว่าตนแต่การย้อนเวลาที่ผิดพลาดทำให้เขาต้องประสบพบเจอกับเหตุการณ์สุดเว่อร์และสุดเพี้ยนไม่ว่าจะเป็นสาวเผ่าไว้กิ้ง , ไดโนเสาร์ , ตู้เกมยุคเก่า และล่าสุดในวันนี้ภาพยนตร์ดังกล่าวก็ได้ปล่อยตัวเต็มออกมาให้เชยชมแล้ว
โดยตัวเต็มของภาพยนตร์นั้นมีระยะเวลาทั้งสิ้น 30 นาทีโดยปล่อยลงทาง Youtube ซึ่งก็มีคอมเม้นท์ต่างๆมากมายว่าเป็นหนังที่ตลกมีมุกฮากระจายตลอดทั้งเรื่องหรือฉากแอ็คชั่นที่เว่อร์วังอลังการดูสนุกตามสไตล์เกรด B แต่ว่าคุณ Nathan Grayson แห่งเว็บไซต์ Kotaku จะเห็นต่างไปบ้างเมื่อเขาได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบถึงกับผิดหวังแถมยังบอกว่า Kung Fury เป็นหนังที่พยายามจะใส่มุกตลกมากไปและดูเชยระเบิด
คุณ Grayson ยังได้อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า Kung Fury เป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิชากังฟูเป็นหลักแต่เท่าที่ได้ชมทั้งเรื่องแล้วมันเหมือนเป็นการล้อเลียนศิลปะการต่อสู้กังฟูรวมถึงมุกตลกเพี้ยนๆที่มีตั้งแต่ต้นเรื่องแถมบางฉากก็ดูเป็นการจงใจทำให้ตลกมากกว่าตลกแบบธรรมชาติแถมยังไม่มีความสดใหม่ของมุกอย่างเช่นมุกโทรศัพท์อันเบ้อเริ่มที่สามารถส่งกระสุนปืนไปตามสายได้หรือตำรวจไดโนเสาร์เพื่อนของพระเอกที่นำชื่อพันธ์ุไดโนเสาร์มาดัดแปลง (Triceratops เป็น Triceracop) หรือจะเป็นมุกการแฮกคอมพิวเตอร์รวมทั้งมุกเล่นคำที่คุณ Grayson วิจารณ์ว่าทั้งหมดนี้มันเป็นมุกที่ล้าสมัยหากเขาอยู่ในยุค 80 ก็อาจจะขำแต่ตอนนี้เราอยู่ในปี 2015 เลยดูรู้สึกไม่ค่อยตลกเท่าไหร่
อีกทั้งเขายังรู้สึกชอบ Trailer ของหนังมากกว่าตัวเต็มเสียอีกเพราะสิ่งที่นำเสนอใน Trailer ดูลงตัวและน่าสนใจแต่พอชมตัวภาพยนตร์เต็มๆแล้วทำให้คุณ Grayson ไม่พอใจเท่าไหร่นักแต่ถึงอย่างนั้น Kung Fury ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อด้อยในส่วนที่ดีของเรื่องจะอยู่ที่ฉากต่อสู้ที่ทำได้สนุกและมันส์แบบโอเว่อร์อลังการและคุณ Grayson ยังชื่นชมอีกว่าการใส่มุกตลกในฉากต่อสู้นั้นเป็นสิ่งที่ลงตัวที่สุดแล้วใน Kung Fury
สรุปแล้ว Kung Fury ก็ยังเป็นภาพยนตร์ที่เน้นความฮาแบบเพี้ยนๆมากกว่าความสมเหตุสมผลถึงแม้จะมีบางฉากที่ขัดๆหรือมุกบางมุกที่เฉิ่มแต่ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรมากก็จะได้รับความสนุกบวกความฮาไปแบบเต็มเปี่ยมและถ้าหากวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ไม่มีโปรแกรมทำอะไรภาพยนตร์เรื่อง Kung Fury ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีในสำหรับวันหยุดของคุณครับ
ที่มา : Kotaku