หลังจากที่ทาง Apple ได้ทำการประกาศเปิดตัว MacBook รุ่นใหม่ประจำปี 2015 ไปแล้วนั้นสิ่งหนึ่งที่นอกเหนือจากการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ บนตัว MacBook รุ่นใหม่ทั้งหมด อีกอย่างหนึ่งที่น่าจะทำให้หลายๆ ท่านพอใจได้ก็คือระยะเวลาในการใช้งานของแบตเตอรี่ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งของ MacBook รุ่นใหม่ที่อยู่ที่ 9 ชั่วโมงนั้น น่าจะทำให้ผู้ใช้โดยทั่วไปพอใจกับระยะเวลาในการใช้งานดังกล่าวครับ ทว่าเมื่อเราแกะเข้าไปดูภายในของ MacBook รุ่นใหม่แล้วนั้นก็มีสิ่งหนึ่งที่น่าจะทำให้หลายๆ ท่านอึ้งไปได้ตามๆ กันเลยทีเดียวครับ
หากทุกท่านสังเกตภายในของ MacBook รุ่นใหม่นั้นจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยครับว่าอุปกรณ์ภายในนั้นกินเนื้อที่ไม่ถึง 1 ใน 4 ของตัวเครื่อง(ซึ่งจริงๆ น่าจะเล็กกว่านั้นด้วยซ้ำ) ด้วยการออกแบบในลักษณะแบบนี้ทำให้ MacBook รุ่นใหม่นั้นทั้งเล็กและบางกว่า MacBook Air รุ่นเก่าเสียอีกครับ ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้เราเห็นว่าเทคโนโลยีในการพัฒนาอุปกรณ์ภายในของเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนั้นก้าวไปเร็วมากขนาดไหน
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะบางและเบามาก แถมยังมีอุปกรณ์ภายในเล็กยิ่งกว่าเล็กแต่ทว่าองค์ประกอบชิ้นหนึ่งที่ไม่ได้เล็กตามไปด้วยนั้นก็คือแบตเตอรี่ครับ ถึงแม้ว่า Apple จะใช้เทคนิคในการออกแบบแบตเตอรี่ออกมาเป็นชั้นๆ เพื่อที่จะยืดให้แบตเตอรี่ยาวขึ้น(แทนที่จะมีขนาดอ้วนใหญ่) และยังทำให้ระยะเวลาการใช้งานยาวนานถึง 9 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง แต่เมื่อเทียบกับเมื่อ 8 ปีที่แล้วที่ MacBook สมัยนั้นสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 4 – 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทำให้เราเห็นได้ว่าแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพในการใช้งานพัฒนาขึ้นเพียงแค่ 50% เท่านั้น
อยากให้ทุกท่านมองภาพทางด้านบนนี้ครับแล้วจะเห็นว่าในระยะเวลา 8 ปีนั้นการพัฒนานวัตกรรมทางด้านแบตเตอรี่นั้นเปลี่ยนแปลงไปน้อยมาก(แทบจะย่ำอยู่กับที่) ในขณะที่อุปกรณ์ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ส่วนอื่นๆ นั้นมีการพัฒนาในรูปแบบที่เรียกได้ว่าก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็วครับ จากสาเหตุดังกล่าวทำให้เราสรุปได้ครับว่าวงการเทคโนโลยีนั้นต้องการการพัฒนาทางด้านนวัตกรรมของแบตเตอรี่เป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าการพัฒนานประสิทธิภาพการทำงานของแบตเตอรี่นั้นแทบจะย่ำอยู่กับที่ แต่ในความเป็นจริงแล้วมีสถาบันวิจัยหลายๆ สถาบันครับที่ต่างก็วิจัยและพัฒนานวัตกรรมของแบตเตอรี่ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการพัฒนาและวิจัยแบตเตอรี่นั้นก็คือเรื่องของการนำมาใช้งานจริง(ในการผลิตเพื่อทำการขาย) รวมไปถึงขั้นตอนการทดสอบที่จำเป็นจะต้องมีการประเมินอย่างถี่ถ้วนและให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งานจริงมาเป็นอันดับหนึ่งครับ
แบตเตอรี่บน MacBook รุ่น 2015
นักวิจัยหลายๆ ที่ต่างก็ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันครับว่าการพัฒนานวัตกรรมทางด้านแบตเตอรี่แบบใหญ่ๆ นั้นจะต้องใช้เวลารออีกอย่างน้อย 5 – 10 ปีขึ้นไปถ้าจะนำมาใช้งานจริงๆ แถมยังต้องเพิ่มระยะเวลาในการผลิตและทดสอบการใช้งานเข้าไปอีกด้วยครับ(ซึ่งไม่รู้ว่าจะนานเท่าไร)
ทั้งนี้ปัญหาเรื่องแบตเตอรี่นั้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับวงการโน๊ตบุ๊คแต่อย่างเดียวเท่านั้น เพราะแม่แต่กระทั่งสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเองก็ต้องประสบปัญหานี้เช่นเดียวกันครับ สิ่งหนึ่งที่พอจะช่วยในเรื่องนี้ในระยะเวลาอันสั้นได้ก็คงหนีไม่พ้นองค์ประกอบของอุปกรณ์เช่นหน่วยประมวลผลหรือกราฟิกการ์ดใหม่ๆ ที่ใช้งานพลังงานน้อยลงนั่นเองครับ
ที่มา : thenextweb