Connect with us

Hi, what are you looking for?

Other News

คอนแทคที่มาพร้อมกับเลนส์ซูมได้ 2.8 เท่า ทำให้เรามองได้ไกลมากยิ่งขึ้น

หากจะว่าจะไปวิวัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีของโลกเรานั้นก็ด้วยกันหลายด้านเลยทีเดียวครับ และคอนแทคเลนส์เองก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่มีการวิวัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีไม่แพ้กับอุปกรณ์อื่นๆ

หากจะว่าจะไปวิวัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีของโลกเรานั้นก็ด้วยกันหลายด้านเลยทีเดียวครับ และคอนแทคเลนส์เองก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่มีการวิวัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีไม่แพ้กับอุปกรณ์อื่นๆ เช่นเดียวกัน หลายๆ ท่านอาจจะคุ้นเคยกับแค่คอนแทคเลนส์ที่สามารถใช้ในการแก้ไขปัญหาเรื่องของสายตาสั้นหรือยาวได้เท่านั้น แต่ถ้าหากย้อนกลับไปในปี 2013 ที่ผ่านมานั้นโลกเราได้มีคอนแทคเลนส์ที่มาพร้อมกับเลนส์ซูมได้ถึง 2.8 เท่า ทำให้เสมือนกับว่าคอนแทคเลนส์นั้นเป็นกล้องโทรทรรศน์ที่เพิ่มควยามสามารถในการมองไกลได้เพียงสวมใส่เลยทีเดียวครับ

อย่างไรก็ตามในปี 2013 ที่มีการเปิดตัวคอนแทคเลนส์ที่มาพร้อมกับเลนส์ซูมได้นั้นก็มีข้อเสียใหญ่อยู่ครับ ข้อเสียนั้นก็คือตัวคอนแทคเลนส์ไม่สามารถที่จะทำการสลับสับเปลี่ยนไปใช้เลนส์แบบปกติได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าเมื่อท่านทำการสวมใส่คอนแทคเลนส์นี้เข้าไปแล้วนั้นท่านจะทำได้เพียงแค่การมองไกลที่ 2.8 เท่าเท่านั้นซึ่งคงไม่สามารถที่จะใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงครับ ทว่าในปี 2015 ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมานี้คอนแทคเลนส์นี้ได้รับการพัฒนาให้สามารถปรับเปลี่ยนไปใช้เลนส์ตามปกติและเลนส์ซูมได้แล้วครับ

Advertisement

Zooming contact lenses 600

ภายใต้การนำของนักวิจัยอย่าง Eric Tremblay จาก École Polytechnique Fédérale de Lausanne และ Joseph Ford จาก University of California, San Diego ได้ทำการเพิ่ม polarized filter เข้าไปบนตัวคอนแทคเลนส์ทำให้สามารถที่จะทำการสลับเปลี่ยนตัวเลนส์บนคอนแทคไปมาได้โดยใช้วิธีการกระพริบตาที่จำเพาะเจาะจงครับ แต่ด้วยความที่จำเป็นจะต้องทำการเพิ่มฟิลเตอร์เข้าไปนั้นทำให้ตัวคอนแทคเลนส์นั้นมีน้ำหนักมากกว่าปกติ แต่ทางนักวิจัยก็กล่าวว่านำหนักของคอนแทคเลนส์นี้ยังอยู่ในระดับที่สามารถใส่ได้สบายครับ

ไม่เพียงแต่การเพิ่มฟิลเตอร์เข้าไปเท่านั้นครับ เพราะทางนักวิจัยได้บอกว่าได้มีการปรับโครงสร้างของคอนแทคเลนส์นี้ใหม่โดยการเพิ่มชั้นของอ๊อกซิเจนเพิ่มเติมเข้าไปบริเวณพื้นผิวของตัวคอนแทคเลนส์ซึ่งจะทำให้เวลาใส่คอนแทคเลนส์นี้เข้าไปแล้วผู้ใช้จะไม่รู้สึกระคายเคืองตาไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ใส่คอนแทคเลนส์ตามปกติหรือว่าในช่วงที่มีการกระพริวตาเพื่อสลับเปลี่ยนตัวเลนส์ครับ

ทั้งนี้คัวคอนแทคเลนส์นี้มีความหนาอยู่ที่เพียง 1.5 mm เท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับความสามารถในการช่วยซูมภาพได้ไกลถึง 2.8 เท่าแล้วนั้นถือได้ว่าบางมากเลยทีเดียวครับ กระนั้นเองความบางนี้ก็อาจจะยังไม่สามารถเทียบได้กับคอนแทคเลนส์แบบปกติทั่วไปซึ่งทางนักวิจัยบอกว่าคงต้องใช้เวลาในการพัฒนาต่อไปอีกสักพัก โดยโครงการวิจัยนี้ได้รับความสนใจพอสมควรจนได้รับเงินทุนจากทาง Defense Advanced Research Projects Agency (DARPA) เพื่อที่จะใช้ในการพัฒนาเลยทีเดียวครับ

ที่มา : slashgear

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

CONTENT

ในช่วงสามปีหลังมานี้ การพัฒนาและการนำเทคโนโลยีระบบ AI มาใช้มีอัตราการเติบโตขึ้นมาก ทำให้เราได้เห็นทั้งแบรนด์โน้ตบุ๊กและมือถือต่างโฆษณาถึงการนำ AI มาช่วยเสริมการทำงานของเครื่องในหลาย ๆ ด้าน ในบทความนี้จะมาดูกันครับว่าตอนนี้ AI ในโน้ตบุ๊ก มือถือ รวมถึงใน CPU มีไว้ใช้ทำอะไรกันบ้าง Advertisement AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence ในคำไทยจะหมายถึงระบบปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นระบบที่ถูกออกแบบขึ้นมาให้มีการทำงานคล้ายกับสมองมนุษย์ ส่งผลให้ตัวระบบสามารถคิดคำนวณแบบซับซ้อนจากข้อมูลที่รับเข้าไป...

CONTENT

แม้ในตอนนี้ อุปกรณ์เก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์สำหรับการใช้งานทั่วไปจะเปลี่ยนเป็น SSD เกือบจะทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่ฮาร์ดดิสก์ (HDD) แบบจานหมุนก็ยังคงเป็นอุปกรณ์ที่ยังมีการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะยังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการใช้เก็บข้อมูลปริมาณมาก ด้วยราคาต่อความจุที่ต่ำกว่า SSD ซึ่งจะพบได้มากในกลุ่มของเครื่อง server หรือการใช้งานในระดับ data center ที่ต้องมีการเก็บข้อมูลไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งในปัจจุบันก็มีการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่อย่าง HAMR ที่คาดกันว่าน่าจะถูกนำมาใส่ไว้ใน HDD จานหมุนที่จะออกสู่ท้องตลาดในปีนี้ด้วย Advertisement แล้วเทคโนโลยีนี้คืออะไร จะมีผลอะไรกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนที่เราใช้กันอยู่บ้าง...

IT NEWS

Geoffrey Hinton หนึ่งในสามของ “เจ้าพ่อแห่ง AI” ที่ได้รับรางวัล Turing Award ประจำปี 2018 จากผลงานที่เกี่ยวข้องกับ AI เผยเหตุผลของการลาออกออกจาก Google ว่ามาจากความขัดแย้งทางผลประโยชน์และความขัดแย้งด้านทัศนติเกี่ยวกับ AI เมื่อตอนที่ Hinton ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times เขาได้รับคำถามที่มีการกล่าวอ้างว่าสาเหตุที่เขาลาออกจาก...

Other News

ระบบจดจำใบหน้าคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในฐานะอุตสาหกรรมภายในทศวรรษหน้า ซึ่งคาดว่าตลาดจะมีมูลค่าถึง 3.2พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 98ล้านบาท)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก