Dell Latitude 13 เป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Hybrid อีกรุ่นหนึ่งในเวลานี้ที่มาพร้อมกับซีพียูประหยัดพลังงานล่าสุดอย่าง Intel Core M ซึ่งเป็นซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม Broadwell บนกระบวนการผลิต 14nm ที่ได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพที่ดีควบคู่ไปกับการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า เพื่อให้สามารถยืดระยะเวลาในการใช้งานได้ยาวนานขึ้น เรียกว่าสามารถทำงานได้สมดุลกัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าจอแบบ IPS ให้ความละเอียด Full HD อีกด้วย รวมไปถึงคีย์บอร์ดที่ดูสวยงาม แต่ราคาอาจไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด เพราะเปิดมาที่ 1194 ปอนด์เลยทีเดียว
ดีไซน์ของ Dell Latitude 13 7000 series
ค่อนข้างชัดเจนว่า Dell ออกแบบ Latitude มาเพื่องานออฟฟิศเป็นหลัก ดังนั้นในรุ่น Latitude 13 7000 series นี้ จึงออกแบบให้ครอบคลุมการใช้งานในสำนักงาน ไม่ว่าจะเป็นคีย์บอร์ด แทร็คแพดหรือกรอบหน้าจอสีดำแบบพื้นๆ และไม่ได้เน้นเรื่องของสีสันให้ได้เห็นแต่อย่างใด โลโก้ Dell เดี่ยวๆ บนฝาปิดด้านบน เป็นของแต่งที่เด่นสุดๆ พร้อมกันนี้ยังมีสติกเกอร์ Intel Core M ซึ่งไม่ได้โลโก้หรือสิ่งอื่นใดให้สะดุดตานัก
โดยที่ Latitude ได้ใช้กลไกที่มีประสิทธิภาพในการปลดหรือล็อคจอที่เป็นแท็ปเล็ตแยกส่วน ที่มีความทนทาน เมื่อประกบติดเข้าด้วยกันแล้ว แทบไม่มีส่วนใดสั่นคลอนให้ต้องหวั่นใจ ส่วนหนึ่งเพราะความบางและเบา ข้อต่อจึงไม่ต้องรับหน้าที่หนักเกินไปนัก ซึ่งเมื่อประกบอุปกรณ์ทั้งหน้าจอที่เป็นแท็ปเล็ตและคีย์บอร์ดเข้าด้วยกันแล้ว จะมีน้ำหนักรวมที่ 1.69 Kg. และหนาเพียง 20mm เท่านั้น ซึ่งหากมองกันในตลาดมีเพียงไม่กี่รุ่นที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับ Dell รุ่นนี้ หนึ่งในนั้นคือ Lenovo Yoga 2c Pro แต่ถอดไม่ได้หรือไม่ Microsoft Surface Pro ที่มีแป้นพิมพ์และรูปลักษณ์ที่บางเบาเป็นต้น
จัดว่า Latitude เป็นโน็ตบุ๊คในแบบ Hybrid ที่บางและเบาที่สุดเวลานี้ ซึ่งอาจเปรียบเทียบได้กับการเป็นแท็ปเล็ตที่มีคุณภาพในตัว โดย Dell พัฒนาให้เหมาะสมกับการใช้ทำงานในแบบ Production มากกว่าเรื่องของระบบพลังงานที่น่ากังวลน้อยลง มีพอร์ตสำหรับการต่อแป้นพิมพ์ รองรับ USB 3.0 และแสดงผลผ่านทาง Mini DisplayPort และมีสล็อตสำหรับ SD Card ในขณะที่ส่วนที่เป็นแท็ปเล็ตมีพอร์ตเสียบหูฟังและสล็อต Smart Card รวมถึง Fingerprint ส่วนภายในสนับสนุน WiFi Dual-Band 801.11ac พร้อมกับ Bluetooth ส่วนที่หายไปคือพอร์ต Ethernet LAN คงต้องใช้ WiFi เป็นหลัก
จอภาพและการแสดงผล
Dell Latitude มาพร้อมความละเอียด 1080p ที่เรียกว่าค่อนข้างจะเหนือความคาดหมายของโน๊ตบุ๊ค Hybrid ทั่วไป เพราะในรุ่นทั่วไปส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1366 x 768 pixels จะมีรุ่นที่ให้ความละเอียดมากกว่าก็คือ Lonovo Yoga 2 ที่ให้มาถึง 3200 x 1800 pixels นอกจากนี้สิ่งที่ควบคู่กันมาก็คือ ความสว่างหน้าจอที่ 357-nit เป็นระดับที่เรียกว่าคุณภาพน่าใช้ ส่วนของ Contrast 1179 : 1 ก็นับว่าดีมากแล้วในเวลานี้ เรียกว่าดีกว่า Hybrid หลายๆ รุ่นที่ผ่านมา
ระดับความลึกของสีดำให้ความเข้มและคมชัด นั่นหมายถึงมีความความมืดในสีดำนั้น มีความสว่างมากพอในเรื่องของแสงดูเป็นธรรมชาติที่จะให้การมองเห็นวัตถุต่างๆ ได้ตามจริง โดยสว่างมากพอสำหรับการทำงานใต้แสงไฟสำนักงานหรือแสงสว่างจากธรรมชาติโดยพื้นฐาน ผลลัพทธ์โดยทั่วไปนับว่าเป็นจอภาพที่ให้คุณภาพที่ยอดเยี่ยมและน่าจะเป็นจุดขายที่น่าสนใจ
ประสิทธิภาพในการทำงาน
จากการทดสอบของ Trustedreviews.com ด้วยการที่เป็นซีพียูรุ่นใหม่ อาจไม่ค่อยมีข้อมูลด้านการทดสอบมากนัก แต่ Broadwell ที่มากับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ก็เรียกว่าพอที่จะแสดงศักยภาพได้ดีพอสมควร โดยในการทดสอบด้วย PC Mart 7 นั้น Latitude ได้คะแนนไปที่ 3896 points ซึ่งก็ดีกว่าโน๊ตบุ๊คในระดับเดียวกันบางรุ่นที่ใช้ Core i5 และ Core i7 ที่มีคะแนน 2872 และ 3303 ตามลำดับ
นอกจากนี้ยังผ่านการทดสอบ Geekbench ด้วยคะแนน 3713 ถือว่าเป็นคะแนนที่น้อยลงกว่าที่ได้จากโน๊ตบุ๊คที่ใช้ Intel Core i5 อยู่เหมือนกัน รวมไปถึงผลที่ได้จากการทดสอบด้วยกราฟฟิกบนซีพียูรุ่นล่าสุดนี้ ใน 3D Mark Ice Storm ได้คะแนน 28371 คะแนน แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น จาก Core i5 ที่ใช้ HD4400 และคะแนนในส่วนของ Fire Strike ในระดับ 364 คะแนน แม้จะไม่ได้เป็นคะแนนที่โดดเด่น แต่ก็ทำได้น่าสนใจ
โดยคะแนนทดสอบจาก Intel Core M นั้น เนื่องจากไม่ได้มีผลการทดสอบเป็นมาตรฐาน แต่ก็ถือว่าทำให้การใช้งานในโลกปัจจุบันจริงๆ ได้ดี ที่สำคัญด้วยกราฟฟิก HD 5300 ยังช่วยจัดการกราฟฟิกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับการท่องเว็บ งานเอกสารและโปรแกรมพื้นฐานทั่วไปได้ไม่ยาก
ในด้านพื้นที่จัดเก็บข้อมูล เป็นหน้าที่ของ Samsung SSD PM851 256GB ที่เป็นอุปกรณ์ในแบบ M.2 รุ่นใหม่ ประสิทธิภาพนั้นอาจไม่ได้แรงไปกว่า SSD SATA ในแบบดั้งเดิม แต่ในแง่ของความเร็ว 480MB/s และ 187MB/s ในการอ่านหรือเขียนตามลำดับ จัดว่าน่าพอใจ โดยเฉพาะการบูทเข้าระบบด้วยเวลาเพียง 12 วินาทีเท่านั้น
เสียงรบกวนและความร้อน
เนื่องจากซีพียู Broadwell ใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ความร้อนและเสียงจึงไม่เป็นเรื่องที่น่ากังวล อีกทั้ง Latitude ก็อยู่ในการออกแบบที่เน้นความบางเบามาแต่เดิมแล้ว การออกแบบให้ลดความร้อนและเสียงอย่างมีประสิทธิผล จึงไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งนี้ในส่วนของการทดสอบ idle นั้น อุณหภูมิจึงอยู่ที่ 34 องศาเซลเซียสเท่านั้นเอง ส่วนการทดสอบด้วยการโหลดจาก Stress-test ความร้อนสูงสุดไปอยู่ที่ 59 องศาเซลเซียส แต่เครื่องยังทำงานได้เงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเช็คดูเรื่องของลมร้อน จะมีเพียงด้านใต้ของสกรีน แถวพาแนลด้านล่างมีลมอุ่นๆ ออกมาเท่านั้นเอง
ระยะเวลาการทำงานของแบตเตอรี่
Intel ยืนยันว่าการใช้แบตขนาดใหญ่ จะทำให้การใช้งานร่วมกับ Broadwell และ Core M เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยที่ Latitude มีแบตความจุ 2 ส่วนด้วยกันคือ ในส่วนของแท็ปเล็ต 50Wh และใต้แป้นพิมพ์อีก 38Wh การทดสอบด้วยความสว่างหน้าจอ 40% พร้อมการท่องเว็บและดูวีดีโอสามารถใช้งานได้มากกว่า 10 ชั่วโมง เมื่อการทดอบความสว่าง 40% ผ่าน จึงปรับลดลงเหลือ 10% ให้พอได้ใช้ในการประมวลผลและท่องเว็บ ปรากฏว่าใช้ได้นานกว่า 11 ชั่วโมงเลยทีเดียว
คีย์บอร์ดและแทร็คแพด
เรื่องของคีย์บอร์ดบน Dell Latitude แป้นพิมพ์ที่กดลงลึก ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะจะทำให้การพิมพ์มั่นคงมากยิ่งขึ้น คีย์หลักก็คือ การพิมพ์ได้อย่างมั่นใจและหนักแน่น การพิมพ์อย่างมีน้ำหนัก ทำให้รู้สึกนุ่มนวลและสะดวกสบาย จึงกลายเป็นจุดแข็งของ Latitude รุ่นนี้ด้วย ส่วนของทัชแพดตอบสนองได้ดี แต่แผงควบคุมทั้ง 2 ปุ่มนั้นไว ทำให้การเคลื่อนเมาส์ไปทั่วหน้าจอง่ายขึ้น
ส่วนเรื่องอื่นๆ ออกวางจำหน่ายโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น หลากซีรีส์ โดยรุ่นที่เราดูอยู่นี้ เป็นรุ่นที่มีราคาค่อนข้างสูงคือ 1194 ปอนด์ แต่ก็มาพร้อมกับ ProSupport 3 ปี นอกจากเป็นนี้ยังเป็นรุ่นที่นี้ Cover ที่มาพร้อมสแกนลายนิ้วมือและเครื่องอ่านบัตร Smart Card และกล้อง 8 ล้านพิกเซลมาด้วย ในภาพรวมต้องถือว่า ด้วยการใช้ซีพียูรุ่นใหม่และกราฟฟิกที่มีประสิทธิภาพในราคาไม่แพงเกินไป ก็ดูคุ้มค่าแล้วเมื่อเทียบกับองค์ประกอบต่างๆ ที่ได้มานี้เช่นนี้
ที่มา :?trustedreviews