ปฏิเสธไม่ได้แล้วครับว่าระบบปฏิบัติการ Android นั้นได้กลายเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่(และไม่เคลื่อนที่) ที่มีจำนวนมหาศาลมากที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ท, อุปกรณ์สวมใส่ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ (กระทั่งรถยนต์) ต่างก็ใช้ระบบปฏิบัติการ Android แทบทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าระบบปฏิบัติการ Android นั้นจะมีอายุได้แค่เพียง 6 ปีกว่าๆ เท่านั้นครับ
ประวัติศาสตร์ของ Android นั้นเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2008 ที่ได้มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android ออกมาอย่างเป็นทางการอย่าง T-Mobile G1 หรืออีกชื่อว่า HTC Dream ครับ ซึ่งบอกได้เลยครับว่า HTC Dream นั้นไม่มีส่วนไหนเลยที่เหมือนกับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android ที่เราๆ ท่านๆ ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ตัวระบบะนั้นทั้งช้า แงะงะ ใช้งานยาก และเป็นอะไรที่ตรงไปตรงมาที่สุดแบบไม่ค่อยมีอะไรให้เล่นมากสักเท่าไรครับ ถึงกระนั้น Google เองก็ไม่ยอมแพ้ครับ และยังคงใช้ความเป็น Google ในการพัฒนา Android ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยทุกๆ ปีจะมีการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Android รุ่นใหม่ๆ ที่ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานได้ดีขึ้น เรียกได้ว่าเวลาแค่ปีเดียวนั้น Google สามารถที่จะทำการอัพเดทระบบปฏิบัติการ Android ให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้เป็นอย่างมากครับ แต่ละปีจะมี Android เวอร์ชันอะไรออกมาบ้าง พร้อมกับสมาร์ทโฟนที่เป็นเครื่องหลักของระบบปฏิบัติการ Android จะเป็นอย่างไรในแต่ละปีนั้นไปชมคลิปด้านล่างนี้ได้เลยครับ
สำหรับประวัติศาสตร์ของ Android นั้น หากนับแค่เฉพาะรุ่นที่ออกมาสู่สายตาประชาชน จะเริ่มต้นที่ปี 2008 ในรุ่น Android 1.5 Cupcake ตามมาด้วยปี 2009 กับ Android 2.0 Eclair ซึ่งเป็นปีแรกที่แอปพลิเคชัน Google Map สามารถที่จะนำทางได้แบบเลี้ยวต่อเลี้ยว ต่อจากนั้นในปี 2010 กับ Android 2.2 Froyo และในปีเดียวกันนั้นก็มี Android 2.3 Gingerbread ตามออกมาอย่างรวดเร็ว ในปี 2011 Android 3.0 Honeycomb ก็ได้คลอดออดมาโดยเน้นไปที่แท็บเล็ท หลังจากนั้นในช่วงปลายปี 2011 ก็เป็นคิวของ Android 4.0 Ice Cream Sandwich ที่รวมเอาการใช้งานทั้งบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ทเข้าด้วยกัน พร้อมทั้งได้มีการนำเสนอ Interface แบบใหม่ ส่วนในปี 2012 นั้นก็ถึงคราวของ Android 4.1 Jelly Bean ต่อด้วยปี 2013 ที่เป็นคิวของ Android 4.4 KitKat ซึ่งแน่นอนครับว่าต้องได้รับการสนับสนุนจากทาง Nestle และท้ายสุดกับ Android 5.0 Lollipop ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ครับ
ที่มา : theverge