เมื่อไม่นานมานี้นักวิจัยได้เผยข้อมูลการวิจัยทางด้านเทคโนโลยีสายไฟเบอร์ออกมาครับ โดยในครั้งนี้ได้เพิ่มองค์ประกอบสายในสายไฟเบอร์เป็นแบบ 7 cores จากเดิมที่มาตรฐานอยู่ที่เพียง 1 core เท่านั้น นอกไปจากนั้นยังได้มีการดำเนินการเพิ่ม??orthogonal dimensions? สำหรับการโอนถ่ายข้อมูลโดยเฉพาะเข้ามาด้วย การเพิ่ม??orthogonal dimensions? เข้ามานี้เปรียบได้เสมือนกับการมีจำนวนผู้ขับเคลื่อน 3 คนเข้ามาช่วยในการโอนถ่ายข้อมูลในแต่ละชั้น ทำให้การโอนถ่ายข้อมูลในสายไฟเบอร์ใหม่นี้จะมีความเร็วสูงมากกว่าเดิมถึง 21 เท่ามีแบนด์วิดธ์เพิ่มขึ้น 4 – 8 Terabits/s เมื่อเทียบกับในแต่ละชั้นของมาตรฐานไฟเบอร์เดิมและความเร็วโดยรวมก็จะสูงขึ้นไปอยู่ที่ 255 Terabit/s เลยทีเดียวครับ
ผู้นำของนักวิจัยอย่าง Dr. Chigo Okonkwo ได้กล่าวว่าด้วยขนาดของแต่ละ core ที่เล็กกว่า 200 ไมครอน สายไฟเบอร์แบบใหม่นี้จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีขนาดของสายใหญ่กว่าเดิมทำให้สามารถที่จะนำสายไฟเบอร์แบบใหม่ใช้งานกับท่อการส่งข้อมูลแบบเดิมได้ในทันที แน่นอนครับว่าด้วยความสามารถนี้จึงอาจจะทำให้เราสามารถที่จะเห็นความเร็วในระดับ Petabits/s ได้ในปี 2020 ที่จะถึงนี้
ด้วยความต้องการทางด้านแบนด์วิดธ์ที่เพิ่มขึ้นทุกวันในปัจจุบันนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าเทคโนโลยีนี้จะทำให้การติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายของเราสะดวกและง่ายขึ้นกว่าเดิม ด้วยมาตรฐานของสายไฟเบอร์ในปัจจุบันนี้จะเข้าใกล้ผู้ใช้งานทั่วไปมากขึ้น(แต่เมืองไทยเราคงต้องรอต่อไปก่อนเพราะราคาค่อนข้างที่จะแพงอยู่กับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไฟเบอร์) ทาง Cisco ได้ทำนายไว้ว่าภายในสิ้นปี 2014 นี้ผู้คนทั่วไปจะเชื่อมต่อผ่านระบบเครือข่ายด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่กันมากขึ้นและในช่วงสิ้นปี 2018 การเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายอุปกรณ์เคลื่อนที่นั้นจะมีปริมาณข้อมูลมากถึง 15.9 exabytes/month เลยทีเดียวครับ
ที่มา : vr-zone