ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ นี่เป็นเวลากว่า 7 ปีแล้วตั้งแต่ Steve Jobs ได้เปิดตัว iPhone ออกมาสู่สายตาชาวโลก และหลังจากการเปิดตัวนั้นเองที่ทำให้บริษัท Apple กลายเป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลก iPhone นั้นไม่ได้ออกมาดูดีเท่านั้นนะครับ แต่เป็นการสร้างพื้นฐานให้กับ smartphone ในสมัยนั้นจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ กระแสของ iPhone นั้นไม่ได้อยู่เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ทว่ากลับโด่งดังไปทั่วโลก iPhone มีสาวกที่จงรักภักดีอยู่เป็นจำนวนหลายล้านคน และเมื่อเวลาผ่านไป 7 ปี ถึงจะไม่มี Steve Jobs แล้ว แต่ทว่าก็มีคนสานต่องานของ Jobs ครับ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 9 เดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ พึ่งได้มีการเปิดตัว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ไป เรารองมาย้อนระลึกความหลังกันดีกว่าครับว่า 7 ปีที่ผ่านมานั้น iPhone มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นบ้าง
The beginning of iPhone
ในปี 2007 ที่ทาง Apple ทำการเปิดตัว iPhone ออกมานั้น ถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติวงการโทรศัพท์มือถือเลยก็ว่าได้ครับ iPhone รุ่นแรกมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 3.5 นิ้ว ซึ่งในสมัยนั้นถือว่าใหญ่มากครับ หน้าจอรองรับการสัมผัสด้วยนิ้วเพราะเป็นหน้าจอแบบ capacitive touchscreen?ซึ่งแตกตากจาก smartphone ในสมัยนั้นที่ต้องใช้ stylus อยู่ ด้านล่างของจอมีปุ่ม Home สำหรับใช้งานในฟังก์ชันต่างๆ ปุ่มเปิดปิดเครื่องอยู่ทางด้านบน ปุ่มเพิ่มลดเสียงอยู่ทางด้านซ้ายของเครื่อง UI(User Interface หรือส่วนต่อประสาน) ของระบบปฏิบัติการ iOS นั้นก็ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างง่ายดาย ในตอนแรกนักวิเคราะห์บางสำนักถึงกับบอกว่า iPhone จะมียอดขายไม่นัก แต่ทว่าในเวลาไม่กี่เดือนยอดขายของ iPhone ก็พุ่งเกิน 10 ล้านเครื่องไปได้อย่างสบายๆ ครับ
iPhone 3G — App Store, push notification and GPS
หลังจากเปิดตัว iPhone รุ่นแรกได้เกือบ 1 ปีผ่านไป Apple ก็ได้ทำการเปิดตัวผู้สืบทอด iPhone ออกมาครับ กับ iPhone 3G โดยดีไซน์ของตัวเครื่องนั้นยังคงคล้ายเดิมอยู่ แต่ว่าจะบางกว่าเดิม ด้านหลังของตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นพลาสติกในการสร้างแทนที่จากของเดิมที่ใช้โลหะ รองรับกับการเชื่อมต่อในระบบ 3G และมี GPS ติดตั้งมาให้บนตัวเครื่อง สำหรับด้านซอฟต์แวร์นั้นก็มีการอัพเกรดพอสมควรครับเพราะ iPhone 3G นั้นมาพร้อมกับการเปิดตัว App Store เป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถที่จะโหลดแอปพลิเคชันจากนักพัฒนาภายนอก Apple มาใช้งานบนเครื่องได้ และยังมีระบบ?push notifications สนับสนุนระบบ?Exchange ซึ่งรองรับกับการใช้งานสำหรับผู้ใช้ในระดับองค์กรอีกด้วยครับ
iPhone 3GS — S for Speed
ในเดือนมิถุนายน ปี 2009 Apple ได้ทำการเปิดตัว iPhone 3GS ออกมาครับ โดยรุ่น 3GS นั้นถือเป็นรุ่นอัพเกรดจาก iPhone 3G ดีไซน์ต่างๆ จะยังคงเหมือนเดิม แต่ส่วนประกอบอื่นๆ นั้นได้ถูกอัพเกรดขึ้นจากเดิมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ที่เร็วกว่าเดิม สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลให้กับผู้ใช้ UI ของระบบมีการตอบสนองที่ดีขึ้นกว่าเดิม กล้องถ่ายรูปถูกอัพเกรดให้มีความละเอียดที่ระดับ 3MP และมาพร้อมกับความสามารถ auto-focus โดยแอปพลิเคชัน camera นั้นอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถที่จะเลือกจุดที่ต้องการโฟกัสได้ด้วยการจิ้มลงไปบนหน้าจอ iPhone 3GS มาพร้อมกับ iOS รุ่นใหม่ที่เพิ่มความสามารถทางด้านการสั่งงานด้วยเสียง,?internet tethering และการนำทางแบบเลี้ยวต่อเลี้ยวครับ
iPhone 4 — resolutionary screen, iconic design
ปีถัดมาก็ถึงคิวของ iPhone 4 ครับ โดย iPhone 4 นั้นเรียกได้ว่าได้รับการอัพเกรดในทุกๆ เพิ่มขึ้นมาจาก iPhone 3GS สิ่งที่มีความแตกต่างอย่าชัดเจนที่สุดที่ผู้ใช้สามารถสัมผัสได้คงหนีไม่พ้นความละเอียดของหน้าจอที่เพิ่มขึ้นจากรุ่น 3GS อย่างมากครับ ถึงจะเพิ่มความละเอียดของหน้าจอทว่าขนาดของจอนั้นก็ยังคงเท่าเดิมอยู่คือ 3.5 นิ้ว ซึ่งนั่นทำให้ iPhone 4 มีความหนาแน่นของ pixel อยู่ที่ 326PPI ซึ่งถือว่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับ smartphone ในสมัยนั้นครับ นอกเหนือจากนั้น iPhone 4 ยังได้มีการปรับดีไซน์ใหม่แตกต่างไปจากเดิมพอสมควร และวัสดุที่ใช้ทำน้ำด้านหน้าและด้านหลังก็เป็นแก้ว ส่วนด้านข้างก็เป็นโลหะ ซึ่งโลหะนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของเสาอากาศด้วยครับ ซึ่งนั่นทำให้ในสมัยนั้นผู้ใช้งานบางรายมีปัญหาใช้ iPhone 4 คุยโทรศัพท์ไปแล้วสัญญาณจะหาย(ซึ่งทาง Apple แก้ตัวในตอนแรกว่าผู้ใช้ถือ iPhone 4 ไม่ถูกท่า แต่ตอนหลังก็แก้โดยการแจก bumper ให้ครับ) ถึงกระนั้น iPhone 4 ก็ยังประสบความสำเร็จทางด้านยอดขายอยู่ดีครับ
iPhone 4s — upgrade inside
ปีถัดมาก็ถึงคิวของ iPhone 4s ครับ โดยหากดูจากภายนอกแล้ว iPhone 4s ไม่ได้มีความแตกต่างใดๆ เลยกับ iPhone 4 ครับ ทว่าฮาร์ดแวร์ภายในของ iPhone 4s นั้นกลับได้รับการอัพเกรดมาแบบจัดเต็มครับ สิ่งหนึ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิมก็คือ iPhone 4s นั้นไม่มีปัญหาเรื่องคุยโทรศัพท์แล้วสัญญาณโทรศัพท์หายอีกต่อไปแล้วครับ เมื่อมามองดูฮาร์ดแวร์ภายในจะพบว่า iPhone 4s เป็น smartphone รุ่นแรกของ Apple ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแบบ dual-core กล้องถ่ายภาพก็ได้รับการอัพเกรดให้มีความละเอียดอยู่ที่ 8MP ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันในวงกว้างครับว่าภาพถ่ายที่ได้จาก iPhone 4s นั้นสวยงามมาก และที่สำคัญยังสามารถที่จะทำการบันทึกวีดีโอที่ความละเอียดระดับ Full-HD ได้อีกด้วยครับ
iPhone 5 — larger screem, slimmer design and LTE
เดือนกันยายน ปี 2012 Apple ก็ได้ทำการเปิดตัว iPhone รุ่นถัดมาครับ กับ iPhone 5 ที่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ iPhone มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นหลังจากที่มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 3.5 นิ้วมาอย่างเนิ่นนาน iPhone 5 ก็มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4 นิ้ว โดยที่มีความหนาแน่นของ pixel อยู่ที่ 326ppi เท่ากับรุ่นเดิม(นั่นหมายถึง iPhone 5 มีความละเอียดหน้าจอที่สูงขึ้นนั่นเองครับ) ตัวเครื่องได้รับการดีไซน์ใหม่โดยทั้งบางและเบา ฮาร์ดแวร์ภายในก็ได้รับการอัพเกรดหน่วยประมวลผลที่เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่ทว่าความละเอียดของกล้องนั้นยังคงเท่าเดิมคือที่ 8MP อยู่ครับ ถึงกระนั้น iPhone 5 ก็มีระบบ DSP ที่ช่วยทำให้ภาพที่ถ่ายคมชัดขึ้น พร้อมทั้งกับรองรับการถ่ายภาพแบบ panorama ผ่านแอปพลิเคชัน camera ของเครื่องได้โดยตรง ที่เด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่อง iPhone 5 ถือเป็น smartphone รุ่นแรกๆ ที่รองรับกับการเชื่อมต่อ 4G LTE นั่นเองครับ
iPhone 5s — faster processor, Touch ID, iOS 7.0
iPhone 5s นั้นถือได้ว่าเป็นการสร้างนวัตกรรมอีกครั้งของทาง Apple ครับ และยังเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำตลาด โดย iPhone 5s นั้นถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีรูปแบบดีไซน์แตกต่างไปจาก iPhone 5 ไปสักเท่าไรนัก แต่ทว่าฮาร์ดแวร์ภายในนั้นก็เรียกได้ว่าได้รับการยกเครื่องมาใหม่เลยทีเดียวครับ อย่างเช่นหน่วยประมวลผล A7 ที่ทั้งแรงและเร็ว แถมยังเป็นหน่วยประมวลผลตัวแรกของโลก smartphone ที่สามารถประมวลผลแบบ 64-bit ได้ นอกจากนั้นยังมี Touch ID ระบบสแกนลายนิ้วมือเพื่อความปลอดภัยแถมมาให้ผู้ใช้ได้ใช้งานกันด้วย ควบคู่ไปกับการเปิดตัว iPhone 5s นั้น Apple ยังได้ทำการเปิดตัว iOS 7.0 ที่สร้างความแตกต่างจาก iOS เดิมๆ ที่ผ่านมาแต่ยังคงเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน และสุดท้ายกับครั้งแรกที่ iPhone มีโทรศัพท์ที่มาในสีทองครับ
iPhone 5c — colorful
ในงานเดียวกันกับการเปิดตัว iPhone 5s ทาง Apple ก็ได้เปิดตัว iPhone 5c ซึ่งถูกจัดวางไว้เป็น smartphone ราคาถูกสำหรับผู้ที่อยากใช้งาน iPhone ครับ แน่นอนว่าด้วยราคาที่ถูกกว่า iPhone 5c จึงใช้วัสดุเป็นพลาสติก ออกมาให้เลือกด้วยกันถึง 5 สี ส่วนฮาร์ดแวร์ภายในนั้นเรียกว่าถอดแบบพิมพ์เดียวมาจาก iPhone 5 เลยครับ ทว่าถึงแม้ iPhone 5c จะถูกจัดเป็นมือถือราคาถูก แต่ราคาของ iPhone 5c นั้นก็ถูกกว่า iPhone 5s ไม่เท่าไรครับ ดังนั้น iPhone 5c จึงไม่เป็นที่นิยมในตลาดมากนักเพราะผู้ใช้มักจะเลือกซื้อ iPhone 5s กันมากกว่า
iPhone 6 — bigger, bolder, faster
สิ่งที่ทำให้ iPhone 6 แตกต่างจากรุ่นพี่ของมันนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องของขนาดหน้าจอที่ขยายใหญ่เพิ่มขึ้นมาเป็น 4.7 นิ้วครับ และแน่นอนว่าความละเอียดของหน้าจอก็มากขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นเดียวกัน นอกเหนือไปจากนั้น iPhone 6 ก็ยังได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ซึ่งแตกต่างไปจากเดิมพอสมควร ตำแหน่งของปุ่มต่างๆ เปลี่ยนไป และที่เหนือไปกว่านั้นก็คือ iPhone 6 นั้นถือได้ว่าเป็น iPhone รุ่นที่บางที่สุด โดยหนาเพียง 6.9mm เท่านั้น ฮาร์ดแวร์ภายในก็ได้รับการอัพเกรดใหม่โดยเปลี่ยนไปใช้หน่วยประมวลผล A8 ที่ทาง Apple บอกว่าเร็วกว่าเดิมหลายเท่า แต่น่าเสียดายที่ความละเอียดของกล้องนั้นยังคงอยู่ที่ระดับ 8MP เท่าเดิมครับ
iPhone 6 Plus — the biggest iPhone ever
ควบคู่ไปกับการเปิดตัว iPhone 6 Apple ก็ได้ทำการเปิดตัว iPhone 6 Plus ตามข่าวลือที่มีก่อนหน้านี้ครับ โดย iPhone 6 Plus นั้นมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วรองรับความละเอียดที่ระดับ Full-HD นอกเหนือจากนั้นทั้งดีไซน์และฮาร์ดแวร์อื่นๆ ของ iPhone 6 Plus นั้นก็เหมือนกันกับ iPhone 6 ทุกประการครับ จะเว้นก็แต่กล้องของ iPhone 6 Plus นั้นมี OIS ติดตั้งมาให้ด้วย และแบตเตอรี่ของ iPhone 6 Plus นั้นก็มีขนาดความจุใหญ่กว่า iPhone 6 พอสมควรครับ
ทั้งหมดนี้ก็คือวิวัฒนาการของ iPhone ตั้งแต่เปิดตัวมาจนถึงปัจจุบันครับ ที่จะเห็นได้ชัดสุดของการเปลี่ยนแปลงก็คือเรื่องของขนาดและหน่วยประมวลผลที่ iPhone ยิ่งรุ่นใหม่ยิ่งดีขึ้นกว่าเดิม สำหรับข่าวการขายและราคาของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ในเมืองไทยนั้นยังไร้วี่แววครับ
ที่มา :?phonearena