Garmin นั้นเป็นบริษัทที่มีชื่อมาจากผลิตภัณฑ์ GPS สำหรับการนำทางครับ แต่ทว่าในปัจจุบันนั้นตลาดเครื่องนำทางแบบ GPS นั้นมีการหดตัวลงอย่างชัดเจน(ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่ smartphone และ tablet มาพร้อมกับความสามารถ GPS กันหมดแล้ว)
แน่นอนว่าทางบริษัทคงไม่อยู่เฉยเพื่อรอเวลาให้ชื่อหายไปวงการแน่ครับ ดังนั้นทาง Garmin จึงได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ สำหรับตลาดใหม่อย่าง Vivosmart ที่มาในรูปแบบของ smartwatch (แต่รูปร่างดีไซน์นั้นไปทาง smartband มากกว่า) โดย Vivosmart นี้คงไม่สามารถนำไปเทียบกับ smartwatch จากบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Samsung หรือ LG ได้ครับ
อย่างที่บอกไปในตอนต้นครับว่า Vivosmart นั้นมีดีไซน์เหมือนกับ smartband มากกว่าที่จะเป็น smartwatch เพราะ Vivosmart นั้นกับความสามารถจัดเต็มในเรื่องของการติดตามข้อมูลทางด้านการออกกำลังกาย ตัว Vivosmart มีหน้าจอ OLED ขนาดเล็กที่วางราบไปพอดีกับตัวสายรัดข้อมือ ตัวเครื่องสามารถกันน้ำได้โดยสามารถนำไปใช้ในน้ำที่ระดับความลึกได้ถึง 50 เมตรเลยทีเดียว แบตเตอรี่นั้นก็สามารถที่จะทำงานได้อย่างยาวนาน
โดยทาง Garmin บอกว่าสามารถใช้งานได้ 7 วันต่อเนื่องต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งครับ ข้อเสียอย่างรุนแรงของ Vivosmart นั้นก็คือไม่สนับสนุนการสั่งงานด้วยเสียงครับ ดังนั้นลืมเรื่องการใช้งานเพื่อที่จะรับสายโทรศัพท์ไปได้เลยทันที การเชื่อมต่อกับ smartphone นั้นก็ยังไม่แน่ชัดครับว่าจะสามารถใช้งานร่วมกับระบบอะไรได้บ้าง(ซึ่งคาดว่าน่าจะทำออกมาให้ใช้งานได้ทั้ง Android และ iPhone ครับ)
Vivosmart นั้นจะมาพร้อมกับแอปที่เน้นไปทางด้านเรื่องสุขภาพครับ โดยตัวเครื่องสามารถทำการตรวจสอบปริมาณการเผาพลาญแคลลอรี่, นับจำนวนก้าว, วัดระยะทางที่เดินหรือวิ่ง และนับเวลานอนได้ ซึ่งนี่ถือเป็นจุดเด่นและเป้าหมายหลักของ Vivosmart ครับ(ดังนั้นจึงน่าจะจัดกลุ่ม Vivosmart อยู่ใน smartband มากกว่า smartwatch ตามที่ Garmin บอก)
ส่วนการวัดอัตราการเต้นของหัวใจนั้นเป็นบริการเสริมที่คุณต้องจ่ายเงินเพิ่ม $30 หรือประมาณ 990 บาท เพื่อที่จะสามารถใช้งานได้ครับ สำหรับราคาของ Vivosmart นั้นจะอยู่ที่ $170 หรือประมาณ 5,610 บาท(ซึ่งถ้าเทียบในเมืองไทยแล้วราคาพอๆ กับ Gear Fit ที่มีฟังก์ชันการใช้งานเยอะกว่ามาก) หากจะว่าไปแล้วราคาในระดับนี้อาจจะถือว่าแพงไปนิดครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ใช้หล่ะครับว่าจะเลือกอะไร
หมายเหตุ – Vivosmart จะเริ่มขายและจัดส่งในวันที่ 15 เดือนกันยายนนี้ โดยสามารถซื้อได้ผ่านทาง Best Buy ครับ
ที่มา : vr-zone