อุปกรณ์ไอทีแบบสวมใส่หรือ Wearableในปัจจุบันถือว่าเป็นกระแสที่ดีมากๆ (เริ่มจากข่าวลือที่ Apple จะผลิต Smartwatch) เพราะบรรดาผู้ผลิตสายคอมพิวเตอร์ไอทีต่างๆ ก็หันมาให้ความสนใจกันอย่างมากมาย ซึ่งประเภทแรกๆ ของ Wearable ที่เราเห็นกันบ่อยๆ ก็คือ Smartwatch โดยในตอนนี้ก็มีทั้งผู้ผลิตเจ้าใหญ่ๆ หรือผู้ผลิตหน้าใหม่ในวงการไอที ต่างนำเสนอผลิตภัณฑ์ของตนออกมา ให้บรรดาผู้บริโภคอย่างเราๆ ได้มีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น โดยหนึ่งในนั้นก็คือ?Pebble Smartwatch
ซึ่งถ้าหากย้อนเวลากลับไปในปี 2012 ที่เป็นช่วงเวลาถือกำเนิดของ Pebble?สุดยอดนาฬิกา Smartwatch?ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตอนนี้ ซึ่งขณะนั้นมียอดสั่งซื้อพรีออเดอร์ไปกว่า 85,000 เรือน เป็นยอดรวมกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ผ่านทางเว็ปไซด์ Kickstarter และนี่ก็ถือเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการวางจำหน่ายอย่างจริงจังของ Pebble?Smartwatch
โดย?Pebble?Smartwatch นับได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก?เนื่องจากได้มากกว่า 400,000 เรือนในปี 2013 ที่ผ่านมาซึ่งนั่นมีมูลค่าถึง 60 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,950 ล้านบาท) และคาดว่าในปีนี้ Pebble จะขาย Smartwatch ได้มากขึ้นเป็น 2 เท่าในปี 2014 นี้ ซึ่งถึงแม้ Pebble จะใช้ระบบของตัวเองแต่ก็มีแอพพลิเคชั่นมากกว่า 1,000 แอพที่รองรับ และมีนักพัฒนามากกว่า 12,000 รายที่ลงทะเบียนกับทาง Pebble บอกได้เลยว่า Pebble เป็นบริษัทที่เติบโตเร็วมากบริษัทหนึ่ง
จะว่าไปสำหรับตลาด Smartwatch ว่ายังมีที่ว่างอีกมาก ตัวเลือกสำหรับลูกค้ายังน้อย อย่างในปีที่ผ่านมาแม้ Samsung จะเขน Samsung Galaxy Gear ออกมาแต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่ากับยอดขายที่ไม่กระเตื้องและโฆษณาที่ขายจุดเด่นว่าผู้ชายใส่ Gear แล้วจะทำให้ผู้หญิงสนใจ แต่อย่างไรก็ต้องยอมรับว่าแพลทฟอร์ม Android Wear ก็เป็นอีกคู่แข่งที่น่ากลัวเหมือนกัน (ขนาด Apple ยังไม่ออก Smartwatch นะนี่) ?
ทำให้ในส่วนของทีมงาน NotebookSPEC ก็อดไม่ไหวที่จะให้ความสนใจกับ?Pebble Smartwatch ไม่ได้เหมือนกัน เลยถือโอกาสจับมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันเสียเลย โดย?Pebble Smartwatch จะแบ่งออกเป็น 2 รุ่นหลักๆ ซึ่งที่ทีมงานเรานำมารีวิวนั้นเป็นรุ่นแรก สนนราคาที่ 150 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5,000 บาท) ส่วนอีกรุ่นที่เป็นรุ่นต่อยอดก็จะเป็น?Pebble Steel Smartwatch?มาพร้อมวัสดุที่เป็นโลหะสวยหรู และฟีเจอร์เจ๋งๆ มากมายทั้งจอแสดงผล LED แบบ 3 สี , แบตเตอรี่ที่อยู่ได้ถึง 5 วัน, สามารถกันน้ำได้ 5ATM และกระจกกันรอย Gorilla Glass?เป็นต้น?สนนราคาที่?249 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 8,200 บาท)
สำหรับ Pebble Smartwatch?สามารถใช้งานร่วมกันกับสมาร์ทโฟนได้ทั้ง 2 ระบบปฏิบัติการอย่าง Android และ iOS ผ่านทาง Bluetooth 4.0 ซึ่งแม้ว่าหน้าจออาจจะไม่รองรับการทัชกรีนอย่างที่ Smartphone รุ่นอื่นๆ ทำได้ รวมไปถึงเป็นเพียงจอขาวดำลักษณะ?E-Paper?แต่ก็โดดเด่นด้วยความสเถียรและความแม่นยำ รวมไปถึงแบตเตอรี่ใช้งานได้อย่างยาวนาน และที่สำคัญด้วยความที่เป็นแบบปุ่มกดด้านข้างทำเรือนและเมนูที่เข้าใจง่าย ทำให้เราสามารถเรียนรู้การใช้งาน?Pebble Smartwatch ?ได้อย่างง่ายดาย?
โดย Pebble Smartwatch ?มีอยู่ 5 สีหลักๆ ก็คือ สีขาวเงิน, สีแดงดำม สีเทาดำม สีดำ และสีส้มดำ ซึ่งสายของนาฬิกานั้น เราสามารถเปลี่ยนได้ตามใจชอบเลยครับ (เปลี่ยนตามร้านนาฬิกาทั่วไปได้เลย)
คุณสมบัติหลักๆ ที่น่าสนใจของ?Pebble Smartwatch
- ตัวเครื่องสวยงาม เรียบง่าย ลงตัว มีให้เลือกหลายสีสัน
- วัสดุหลักของตัวเรือนทำมาจากพลาสติก
- หน้าจอมีขนาด??1.26 นิ้ว บนความละเอียด 144 ? 168 พิกเซล
- แจ้งเตือน?Notification จากสมาร์ทโฟน ทั้งในส่วนของข้อความและการโทรศัพท์
- ใช้ได้ทั้งสมาร์ทโฟน Android และ iOS
- เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทาง Bluetooth 4.0
- ใช้ระบบปฏิบัติการ?Pebble OS ของตัวเอง
- สามารถเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาได้
- ชิปประมวลผลใช้เป็น?ARM Cortex-M3, up to 80MHz
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ 5-7 วัน
คราวนี้เราลองมาดูในส่วนของดีไซน์ตัวจริงของ?Pebble Smartwatch กัน จัดได้ว่าเป็นนาฬิกาข้อมือที่มีน้ำหนักมากๆ เพราะเบาเพียง 38 กรัมเท่านั้น โดยในส่วนของมิติตัวเครื่องมีขนาดที่ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกิน ทำให้ผู้ชายใส่ก็ได้ผู้หญิงใส่ก็ดี กับขนาดกว้าง?52 มิลลิเมตร ยาว 36 มิลลิเมตร หนา 11.5 มิลลิเมตรเท่านั้น อีกทั้งสายยังเป็นแบบขนาดมาตรฐานที่ 22 มิลลิเมตร ทำให้เราสามารถหาเปลี่ยนเป็นสายที่ชอบได้ตามใจ ไม่เหมือนกับสาย Smartwatch รุ่นอื่นๆ ที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้เอง
ตัวกล่องบรรจุภัณฑ์ของ Pebble Smartwatch นั้นมาในดีไซน์ที่เรียบหรูกระทัดรัด โดยเปิดกล่องออกมาก็จะมี ตัวเรือนนาฬิกา, สายชาร์จ และคู่มือเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งในส่วนของ?Pebble Smartwatch เราจะสามารถเปิดใช้งานได้ทันที เพราะทางโรงงานได้ชาร์จแบตเตอรี่มาในตัวระดับนึงแล้ว ว่าแล้วก็แกะมาลองใส่เสียเลย ดูแล้วเข้ากับข้อมือจริงๆ?
ตัวเรือนทั้งหมดของ?Pebble Smartwatch ทำมาจากพลาสติกเกรดสูงที่ให้สัมผัสแข็งแรงรู้สึกดีเวลาสัมผัส พร้อมกับมีการออกแบบและประกอบมาอย่างประณีต โดยปุ่มกดทุกปุ่มมีความแน่นไม่คอนง่ายๆ ทำให้เสียหายได้ยาก กรณีที่ไม่ได้ใช้งานอย่างรุนแรง เรียกได้ว่านาฬิกาที่ค่อนข้างทนทานเลยทีเดียว?
สำหรับหน้าปัดมีขนาดอยู่ที่?1.26 นิ้ว บนความละเอียด 144 ? 168 พิกเซล ซึ่งใช้เทคโนโลยี E-Paper ในการแสดงผล?ทำให้สามารถมองในที่จ้าได้อย่างไม่มีปัญหา?ที่สำคัญยังมี LED Backlight ไฟส่องสว่างไว้ใช้งานในที่มืดหรือแสงน้อยอีกด้วย?เพียงแค่สลัดข้อมือเท่านั้น
ลองนำมาสวมใส่ข้อมือของผู้เขียนก็ดูสวยงามและลงตัวดี เรียกได้ว่าทาง?Pebble Smartwatch ได้ดีไซน์มาในลักษณะกลางๆ ทำให้ใครใส่ก็ดูดี
ที่สำคัญ?Pebble Smartwatch ก็สามารถกันน้ำได้จริงๆ ตามาตรฐานของนาฬิกาข้อมือที่ควรจะเป็น โดยจากการทดลองด้วยตัวเอง ด้วยการนำไปจุ่น้ำทั้งเรือนรวมไปถึงใส่ออกกำลังกายที่ก่อให้เกิดเหงื่อและความชื้น พบว่าไม่มีปัญหาใดๆ อะไรเลย รวมไปถึงกรณีที่ใส่อาบน้ำและใส่ว่ายน้ำอีกด้วย ทำให้มั่นใจได้เลยว่า Smartwatch เรือนนี้ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้จริง อย่างไม่ต้องกังวลว่าด้วยความเป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคแล้วจะเกิดความเสียหายได้ง่ายๆ
แต่อย่างไรก็ตามสำหรับกระจกหน้าจอสามารถทนรอยขีดข่วนได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้าไปโดนอะไรกระแทกเข้าจริงๆ จังๆ หรือโดยของมีคมขูดแรงๆ ก็มีโอกาสที่ตัวกระจกหน้าจอจะได้รับความเสียหายเหมือนกัน เรียกได้ว่า Pebble Smartwatch ส่วนของหน้าปัดกระจกจอนั้นค่อนข้างบอบบางเหมือนกัน ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้เวลาสวมให้ระวังข้อมือเอาไว้ อย่าไปโดนอะไรกระแทกง่ายๆ หรืออีกกรณีหนึ่ง จะหาเป็นฟิล์มสำหรับหน้าปัด Pebble Smartwatch โดยเฉพาะก็ได้ (ไม่แนะนำแบบฟิล์มตัดเองเพราะไม่เนียนเท่าไหร่)
Pebble Smartwatch ใช้แบตเตอรี่ภายในเป็นลิเธียมไออนตามมาตรฐานของอุปกรณ์ไอทียุคนี้ เพราะมีความยืดหยุ่นแะน้ำหนักเบา โดยภายในกล่องจะให้สายชาร์จแบบ USB มาให้อยู่แล้ว ซึ่งจะมีลักษณะเป็นแม่เหล็กทีไว้ติดกับตัวของนาฬิกาเวลาที่เราต้องการชาร์จแบตเตอรี่ (อารมณ์เดียวกันกับที่ชาร์จ Magsafe ของเครื่อง MacBook เลยทีเดียว)
จากการทดสอบชาร์จแบตเตอรี่ของ Pebble Smartwatch?จาก 0% ไปจน 100% ใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น โดยการชาร์จผ่านทาง USB ของโน๊ตบุ๊ค หรือถ้าใครจะใช้อแดปเตอร์แบบเดียวกับที่ชาร์จสมาร์ทโฟนก็สามารถทำได้ สำหรับ?Pebble Smartwatch เมื่อชาร์จเต็ม 100% จะมีอายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ได้ 5-7 วัน ซึ่งเป็นจุดเด่นของ?Smartwatch รุ่นนี้เลยทีเดียว ไม่เหมือนกับรุ่นอื่นๆ อย่าง Samsung Galaxy Gear ที่แบตอยู่ได้ประมาณ 1 วันเท่านั้น เพราะถ้าหากใช้งานแล้วต้องมาชาร์จแบตทุกวันคงเบื่อกันน่าดู
Pebble Smartwatch รองรับการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน?Android เวอร์ชั่น 2.3.3 ขึ้นไป แต่ในส่วนของ iOS จะใช้งานบน iOS 5 ขึ้นไป (ไม่สมบูรณ์) แต่สมบูรณ์แบบบน iOS 6 และ iOS 7?ซึ่งการซิงค์และเชื่อมต่อจะทำผ่านทางสัญญาณไร้สาย Bluetooth ที่ทุกอย่างต้องทำงานผ่านทางแอพพลิเคชั่นบน Android และ iOS อีกที แน่นอนว่าเวลาที่เราจะทำการเพิ่มข้อมูลอย่างเช่นหน้าปัดหรือลงแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติม ต้องจะทำผ่านแอพพลิเคชั่น Pebble Smartwatch?บนสมาร์ทโฟนเท่านั้น
ซึ่งเมื่อทำการเชื่อมต่อแล้ว (เชื่อมต่อเหมือนกับอุปกรณ์ Bluetooth ทั่วๆ ไป) จะทำให้สมาร์ทโฟนของเราใช้งานเพิ่มขึ้นประมาณ 5% เท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าไม่ได้บริโภคพลังงานมากมายแต่อย่างใด ที่สำคัญแม้ตัว?Pebble Smartwatch จะไม่ได้เชื่อมต่อสมาร์นโฟนอยู่ ก็ยังสามารถทำงานได้ปกติไม่ต่างจากนาฬิกาข้อมือทั่วไป รวมไปถึงใช้แอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งใน?Pebble Smartwatch ได้ปกติอยู่?
ที่สำคัญแม้ว่าสัญญาณ Bluetooth ที่เชื่อมต่อระหว่าง?Pebble Smartwatch และสมาร์ทโฟนจะหลุดออกจากกัน (กรณีปิดเครื่องหรือห่างจากกัน 10 เมตร) ก็สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างอัตโนมัติ ขอเพียงแค่ว่าเปิดสัญญาณ Bluetooth เอาไว้ด้วยกันทั้งสองเครื่องก็พอแล้ว
อย่างไรก็ตาม?Firmware ต้นฉบับจากทางผู้ผลิตนั้นไม่รองรับภาษาไทยอย่างเป็นทางการ ทำให้เราจำเป็นต้องติดตั้ง?Firmware ที่มีภาษาไทยเองอีกทีหนึ่ง
หน้าแสดงผลหลักของ?Pebble Smartwatch ?ที่จะเป็นในส่วนของหน้าปัดนาฬิกาที่สามารถเปลี่ยนเองได้ตามต้องการโดนมีรูปแบบให้เลือกมากมาย ซึ่งสามารถทำได้ผ่านทางแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟน??
เมนูต่างๆ รวมไปถึงการตั้งค่าบน ?Pebble Smartwatch สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย โดยควบคุมผ่านทางปุ่มเพียง 4 ปุ่มเท่านั้น เรียกได้ว่าผู้ผลิต?Pebble Smartwatch ได้มีการทำการบ้านมาเป็นอย่างดีทีเดียว น่าประทับใจมากๆ?
ตัวอย่างของการแจ้งเตือนบน ?Pebble Smartwatch ถือได้ว่าดูแล้วเรียบง่ายแต่ดูดี โดยสามารถที่จะกดเข้าไปดูในแต่ละรายการได้หรือจะย้อนไปอ่านของเก่าก้สามารถทำได้ ซึ่งการแจ้งเตือนแต่ละครั้งจะเป็นการเปิดไฟ LED ขึ้นมาพร้อมกับสั่นที่ตัวเรือนหนึ่งครั้ง
ที่ถึงแม้ว่าการแจ้งเตือนบน?Pebble Smartwatch จะทำให้เราต้องไปดูที่สมาร์ทโฟนอีกครั้ง แต่ก็จัดว่าสะดวกสบายกว่าเพราะไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูทุกครั้งไป จากการที่เราสามารถเลือกที่จะอ่านหรือรับสายโทรศัพท์ได้ทันที อย่างกรณีที่มี SMS หรือ Line โฆษณา เราก็คงไม่อยากจะมาคอยรับสายหรือคอยดูเสมอใช่ไหม ? แน่นอนถ้าอย่างงั้น?Pebble Smartwatch ก็สามารถเป็นตัวช่วยให้คุณได้เป็นอย่างดีทีเดียว แถมยังโดดเด่นด้วยการสั่นเตือนที่ทำได้เรารู้สึกตัวได้ง่ายอีกด้วย เรียกได้ว่าจะไม่พลาดการติดต่อใดๆ เลยจากโลกออนไลน์ก็ว่าได้
?
สรุปรีวิว ?Pebble Smartwatch?
โดยส่วนตัวแล้วสำหรับ?Pebble Smartwatch เรียกได้ว่าให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีพอควร ถ้ามองในมุมของนาฬิกาข้อมือยุคใหม่ราคาประมาณ 5,000 บาท ที่มีความสามารถมากกว่านาฬิกาข้อมือธรรมดาทั่วไป แต่ในมุมกลับกันให้เป็นอุปกรณ์ Wearable กลุ่ม Smartwatch แล้ว ก็ยังถือว่าความสามารถยังน้อยไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วถือว่าสอบผ่าน เพราะหน้าที่หลักๆ ในเรื่องของการแจ้งเตือนก็ทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ รวมไปถึงในส่วนของดีไซน์การออกแบบยังมีความสวยงาม ดูดีมีราคาไม่น้อย ที่สำคัญยังสามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า Smartwatch รุ่นอื่นๆ ที่มีจำหน่ายในขณะนี้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามถ้าใครคาดหวังว่ามันจะเป็น?Smartwatch ที่สมบูรณ์แบบ อันนี้ก็สามารถตอบเลยว่าไม่ แต่ถ้าใครกำลังจะซื้อนาฬิกาข้อมือเจ๋งๆ ที่ราคาประมาณ 5,000 บาทแล้วล่ะก็?Pebble Smartwatch ก็ถือว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีทีเดียว?
จุดเด่น
- ดีไซน์สวยงาม เรียบหรูแต่ดูดี
- งานประกอบประณีต
- ทำหน้าที่แจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี
- มีหน้าปัดให้เลือกหลากลาย
- มีแอพพลิเคชั่นทำงานด้วยตัวเอง
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน
- ดูแล้วมีอนาคตไกล
ข้อสังเกต
- กระจกหน้าปัดบอบบางไปหน่อย
- Firmware มาตรฐานยังไม่รองรับภาษาไทย
- ไม่มีขายในไทยอย่างเป็นทางการ
- ราคาจัดว่าไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไป
สำหรับคนไหนที่จะหาซื้อ?Pebble Smartwatch ก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าที่หิ้วเข้ามาขายได้เลย แต่ราคาจะโดนบวกขึ้นมาประมาณพันบาท หรือถ้าใครสะดวกสั่งซื้อผ่านทางสองค์โปรด้วยตนเองก็สามารถทำได้เช่นกัน?www.getpebble.com?(แต่ก็จะโดนภาษีนะครับ โดยไม่น่าจะเกินพันบาท)