ในปีที่ผ่านมา Apple พึ่งจะฉลองยอดดาวน์โหลดแอพใน App Store ที่มากถึง 50 พันล้านครั้งไปหมาดๆ และยังมีการฉลองครบรอบ 30 ปีสำหรับเครื่อง Mac อีก มาในช่วงนี้ Apple ก็มีเรื่องให้ได้ฉลองอีกแล้วครับ หลังจากยอดขายรวมของเครื่อง iPhone แตะหลัก 500 ล้านเครื่องในช่วงอีก 2 – 3 อาทิตย์ที่จะถึงนี้ ถึงแม่ว่าจะเคยมีความกังวลใจว่าตลาดมือถือระดับบนจะถึงจุดอิ่มตัว แต่จากข้อมูลยอดขายนี้กลับทำให้เห็นว่ายอดขายของ iPhone เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าอัตรายอดขายจะไม่ได้สูงอย่างในอดีตที่ผ่านมา?
เมื่อย้อนกลับไปในปี 2007 ครั้งแรกที่ Steve Jobs เปิดตัว iPhone กับเป้าหมายที่จะขาย iPhone ให้ได้ 10 ล้านเครื่องภายในปีแรก ทำให้นักวิเคราะห์ตลาดอย่าง?Edward Snyder (นักวิเคราะห์ประจำ Charter Equity Research) ตอกความคิดนี้ด้วยคำพูดว่า Apple ไม่มีทางขาย iPhone ได้ถึง 10 ล้านเครื่องแน่นอน?แต่ผลกลับกลายออกมาเป็นว่า Apple สามารถทำเป้าได้สูงกว่าที่ Steve Jobs หวังเอาไว้ โดยในปีแรกสามารถขาย iPhone ไปได้มากถึง 13.7 ล้านเครื่อง และใช้เวลา 4 ปี (ในช่วง กุมภาพันธ์ 2011) ทำยอดขาย iPhone ได้ 100 ล้านเครื่อง และใช้เวลาอีกเพียงแค่หนึ่งปี คือในเดือนกุมภาพันธ์ 2012 สามารถทำยอดขายได้รวม 200 ล้านเครื่อง
และในปี 2012 ช่วงสิ้นปีนั้น Apple ทำยอดขาย iPhone เพิ่มขึ้นเป็น 300 ล้านเครื่อง ซึ่งในช่วงเดือนธันวาคมของปี 2012 นั้นถือว่า Apple ทำยอดได้มากที่สุดเพราะสามารถขาย iPhone ไปได้ 47.8 ล้านเครื่องในเดือนเดียว (เนื่องจากเดือนธันวาคมมีงานเทศกาลThanksgiving และ Christmas ซึ่งฝรั่งจะนิยมซื้อของขวัญให้กันในช่วงเดือนนี้เยอะ) หลังจากนั้น 8 เดือนผ่านไป ในช่วงเดือน กรกฎาคม 2013 ?Apple ก็ทำยอดแตะระดับ 400 ล้านเครื่อง ซึ่งใช้เวลาในการทำยอดแต่ละ 100 ล้านเครื่อง น้อยลงเรื่อยๆ ( 100 ล้านแรก 4 ปี, 100 ล้านที่ 2 ใช้เวลา 1 ปี, 100 ล้านที่ 3 ใช้เวลา 10 เดือน และ 100 ล้านที่ 4 ใช้เวลา 8 เดือน)
และจากสถิติล่าสุดที่มีการบันทึกกันพบว่าจนถึงช่วงเดือนมีนาคม 2014 นี้ Apple ขาย iPhone ไปได้แล้วรวม 472 ล้านเครื่อง หากเรายึดตามสถิติของในปีที่ผ่านมาเราพบว่า Apple จะมียอดขาย iPhone ถึง 500 ล้านเครื่องในอีก 2 – 3 อาทิตย์ข้างหน้านี้ ซึ่งเราสามารถบอกได้เลยครับว่า Apple เป็นบริษัทที่มีอัตรายอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปในปี 2017 เราอาจได้เห็นยอดขายของ iPhone ที่ระดับ 1 พันล้านเครื่องก็เป็นได้ครับ
ที่มา : gsmarena,?forbes