เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดข่าวใหญ่แห่งสัปดาห์เลยทีเดียว เมื่อล่าสุด Facebook ได้ประกาศว่าตนได้เข้าซื้อกิจการ WhatsApp เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในวงเงินกว่าหนึ่งหมื่นเก้าพันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 6 แสนล้านบาท
WhatsApp มีผู้ใช้มากกว่าพันล้านคน และมีมูลค่าสูงมาก
โดยยอดเงินทั้งหมดนั้น Zuckerberg และผองเพื่อนได้แบ่งจ่ายเป็นเงินสด 4 พันล้าน , 12 พันล้าน เป็นหุ้นของ Facebook และ 3 พันล้าน มาจากหุ้นของพนักงาน ที่ Facebook ให้เป็นของขวัญ สิริรวมทั้งสิ้นหนึ่งหมื่นเก้าพันล้านพอดิบพอดี ซึ่งเจ้านวนเงินนี้มากกว่าที่ Facebook ได้เข้าซื้อ Instragram ถึง 19 เท่าเลยทีเดียว
ถามว่าเหตุผลอะไรที่ Zuckerberg และผองเพื่อนจำเป็นต้องทุ่มเงินมากขนาดนี้? ตอบได้เลยว่าเพราะ WhatsApp เชื่อมต่อกับผู้คนจำนวนมาก ถึงหนึ่งพันล้านคนทั่วโลก ทำให้กิจการของมันมีมูลค่ามหาศาล ซึ่งแน่นอนว่ามันส่งผลในอนาคตต่อ Facebook ที่ต้องการก้าวต่อไป และใช้เอนจิ้นรวมไปถึงทีมงานของ WhatsApp เป็นทางลัดในการเข้าถึงผู้คนทั่วโลกได้ง่ายยิ่งขึ้นมาก และอาจจะเป็นการผลิกโฉมวงการ Social Network ก็เป็นได้
?
ซึ่งยืนยันได้จากกราฟของ comScore ที่แสดงให้เห็นว่า ในเวลาเพียง 4 ปึ WhatsApp นั้นเป็นที่นิยม และบริหารจัดการให้ผู้คนสามารถเข้าถึงและใช้งานแอพฯได้ถึง 400 ล้านคน ซึ่ง 400 ล้านคนนั้นเป็นผู้ใช้ที่ใช้งานแอพฯนี้จริงๆ ต่างจาก Facebook ที่ใช้เวลาเท่ากันแต่มีผู้ใช้เพียงแค่ 145 ล้านคนเท่านั้น
Facebook กำลังแย่ไม่แปลกอะไรที่จะหาช่องทางใหม่ๆ
ตรงกับนักวิเคราะห์และนักลงทุนทาง Social Media ได้วิพากษ์วิจารณ์ Facebook ในเดือนที่ผ่านมา Facebook?กำลังประสบกับความล้มเหลม ในการดึงดูดผู้ใช้รายใหม่ๆ โดยเฉพาะกับผู้ใช้วัยรุ่น และกลับเป็นผู้ใช้รายเก่า และผู้ใช้ที่มีอายุ 20+ ปีขึ้นไป ที่กลับเป็นฐานลูกค้าของ Facebook ปัจจุบัน จึงไม่แปลกอะไรที่ Facebook จะหาช่องทางใหม่ๆในการขายผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
ในส่วนของ WhatsApp เองนั้นก็เรียกได้ว่าเป็น Social Media ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในภาคธุรกิจ และผู้ใช้ทั่วไปทั่วโลก โดยทีมของทั้งหมดของ WhatsApp มีจำนวนทั้งสิ้น 50 คน โดย 32 คนในนั้นล้วนเป็นวิศวกรทั้งสิ้น ซึ่งอนุมานได้เลยว่าด้วยจำนวนทีมงานเพียงเท่านี้แต่สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ระดับหมื่นล้านดอลลาร์ออกมาได้ต้องเป็นระดับหัวกะทิแน่นอน และ Facebook นั้นได้ของดีไปอยู่ในมือแล้ว ซึ่งถ้าจัดสรรให้ดี Facebook ก็อาจจะครองตลาด Social Media ของโลกได้ไม่ยากเย็นอย่างแน่นอน
ที่มา : VR-Zone