เชื่อได้ว่าหลายคนอาจจะยังลังเลในการเลือกซื้อ iPad มาใช้งานอยู่ ว่าจะเลือก iPad Air ที่หน้าจอใหญ่ หรือ iPad mini Retina ที่พกพาได้สะดวกดี รวมไปถึงอาจจะยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อที่ขนาดความจุเท่าไหร่ เพราะมีให้เลือกหลายขนาด ที่สำคัญไหนๆ จะซื้อทั้งทีแล้วจะซื้อแบบใส่ซิมไปเลยจะดีหรือเปล่า แต่จะว่าไปก็เพิ่มเงินตั้ง 4,500 บาท กลัวจริงๆ ว่าซื้อไปแล้วจะไม่คุ้ม?
โดยในบทความนี้เราจะมาแนะนำกันว่าการใช้งานแบบไหนบ้าง ถึงจะเหมาะสมกับ iPad แต่ละรุ่นที่เราจะเลือกซื้อมาใช้งานกัน ซึ่งขั้นแรกนั้นเรามาเลือกซื้อกันก่อน ว่าจะเอา iPad Air หรือ iPad mini with Retina Display ดี ?
ลักษณะการใช้งานเหมาะเลือกซื้อ iPad Air มีดังนี้
- คุ้นเคยกับหน้าจอขนาดใหญ่ของ iPad อยู่แล้ว
- ต้องการขนาดหน้าจอใหญ่เหมือนเดิมแต่น้ำหนักเบาลง
- เน้นการใช้งานที่จริงจัง หรือหลากหลาย
- เหมาะสำหรับใช้งานอยู่บ้าน ไม่เน้นพกพามากนัก
- เหมาะกับการเล่นเกมที่สามารถเล่นได้สองคน
- สามารถจ่ายราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ประมาณหมื่นบาทกลางๆ ได้
- ซีเรียสเรื่องคุณภาพของสีจอมาว่าต้องสวยงามที่สุด
ลักษณะการใช้งานเหมาะเลือกซื้อ iPad mini with Retina Display มีดังนี้
- คุ้นเคยกับการใช้หน้าจอเล็กของ iPad mini อยู่แล้ว
- ต้องการขนาดหน้าจอไม่ใหญ่มาก และน้ำหนักเบาที่สุด
- เน้นการใช้งาน ที่ไม่จำเป็นต้องใช้จอใหญ่มากนัก
- เหมาะมากๆ สำหรันคนที่เน้นพกพาไปใช้งานนอกสถานที่
- เหมาะมากๆ กับการเล่นเกมคนเดียว เพราะจับถือได้ง่ายกว่า
- ราคาเริ่มต้นที่ประมาณหมื่นบาทต้นๆ เท่านั้น
- ไม่ค่อยซีเรียสเรื่องสีหน้าจอมากนัก และต้องยอมรับว่าเป็นรอง iPad Air
ต่อมาเรามาเลือกกันที่ขนาดความจุหน่วยความจำของ iPad ซึ่งถ้ามีขนาดใหญ่ก็จะใส่แอพใส่เพลงใส่ภาพได้เยอะ แต่ก็ต้องให้ได้กับการที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ที่เดี๋ยวเราไปดูกันว่า การใช้งานประเภทไหนเหมาะกับขนาดความจุใดบ้าง
ลักษณะการใช้งานเหมาะเลือกซื้อความจุ 16GB มีดังนี้
- งบน้อยและไม่สามารถบวกเพิ่มไปความจุที่มากกว่าได้แล้ว
- ใช้งาน iPad บ้างแต่ไม่ได้ใช้งานเป็นหลัก มีหยิบขึ้นมาใช้งานบ้าง
- ใส่แอพใส่เพลงใส่หนังไม่ค่อยเยอะ ดีไม่ดีคือไม่ใส่เพลงใส่หนังเลย
- เป็นคนที่หมั่นจัดการไฟล์ในเครื่องบ่อยๆ ไม่ใช่อะไรก็เอาออก
ลักษณะการใช้งานเหมาะเลือกซื้อความจุ 32GB มีดังนี้
- ต้องการความจุที่มากกว่า 16GB และเพิ่มเงินที่จะซื้อได้
- ใช้งาน iPad บ่อยๆ แต่ก็ไม่ขนาดทดแทนคอมพิวเตอร์
- ใส่แอพใส่เพลงใส่หนังลงไปในเครื่องระดับหนึ่ง
- จัดการไฟล์ในเครื่องไม่ค่อยบ่อยนัก
ลักษณะการใช้งานเหมาะเลือกซื้อความจุ 64GB มีดังนี้
- ต้องการความจุที่มากกว่า 32GB และเพิ่มเงินได้อีก
- ใช้งาน iPad บ่อยมากๆ คอมแทบไม่ค่อยได้จับ
- มีแอพมีเพลงมีหนังภายในเครื่องมากมายพอตัว
- ไม่ค่อยจะได้จัดการไฟล์เลย มีอะไรก็ลงเครื่องไว้ก่อน
ลักษณะการใช้งานเหมาะเลือกซื้อความจุ 128GB มีดังนี้
- งบในการที่จะซื้อ iPad มีอย่างไม่จำกัด
- ใช้งาน iPad แทนที่คอมพิวเตอร์ไปแล้ว
- โหลดแอพทุกสิ่งใส่หนังใส่เพลงทุกอย่างที่มี มีอะไรจับยัดลงเครื่องหมด
- ไม่จำเป็นต้องจัดการไฟล์ เพราะความจุ iPad มีอย่างเหลือเฟือ
สุดท้ายกับการตัดสินใจที่ว่าจะซื้อเป็น iPad ที่ใส่ซิมได้รุ่น WiFi + Cellular ดีหรือเปล่านั้น ก็ขึ้นอยู่กับประเทภทการใช้งานของเราต่อไปนี้ครับ
ลักษณะการใช้งานเหมาะเลือกซื้อรุ่น WiFi
- ใช้งานอยู่กับบ้านเป็นหลัก
- ไม่ค่อยจะได้พกพาไปไหน
- ถ้าจะพกพาก็จะไปในที่ที่มี WiFi Hotspot เท่านั้น
- หรือถ้าไม่มีก็สามารถใช้ Hotspot จากสมาร์ทโฟนได้
- มีงบจำกัดหรือคิดว่าบวกไปอีก 4,500 บาท ไม่คุ้มค่านัก
- ยังคงใช้งานสมาร์ทโฟนเป็นหลัก
- ใช้งานทั้งอยู่บ้านและออกนอกสถานที่
- พกพาไปใช้งานนอกบ้านอยู่เป็นประจำ
- ไปในทุกๆ ที่ ที่ไม่จำเป็นต้องมี?WiFi Hotspot เท่านั้น แต่ขอให้มีสัญญาณมือถือ
- ไม่สะดวกที่จะใช้สมาร์ทโฟนในการต่ออินเตอร์เน็ต
- สามารถเพิ่มเงินอีก 4,500 บาท และคิดว่าคุ้มค่ากับการใช้งานแน่นอน
- ใช้ iPad เป็นหลักในเรื่องของการออนไลน์ ส่วนสมาร์ทโฟนหรือมือถือไว้โทรเท่านั้น