แบรนด์โน๊ตบุ๊คแบรนด์หนึ่งที่ได้รับความนิยม และถูกพูดถึงในเชิงบวกเป็นเป็นอย่างมากในตลาดบ้านเราขณะนี้ คงหนีไม่พ้นแบรนด์อย่าง Lenovo ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคุ้มค่าระหว่างประสิทธิภาพต่อราคาที่อยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม ซึ่งในวันนี้เองเราก็มีผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งที่เรียกได้ว่ากำลังฮอตฮิตอยู่ในขณะนี้เลยทีเดียว ซึ่งนั้นก็คือ Lenovo Flex 14 สุดยอด Ultrabook นักกายกรรมที่สามารถพลิกหน้าจอกลับด้านได้ถึง 300 องศา กันเลยทีเดียว ออกแบบมาสำหรับผู้ที่อยากใช้ Convertible Notebook ในราคาคุ้มค่า
นอกจากความสามารถในด้านกายกรรมแล้ว Lenovo Flex 14 ยังมาพร้อมกับสเปคที่มีสิทธิภาพต่อราคาคุ้มค่ามากทีเดียวเช่น หน่วยประมวลผลกลาง Intel ในรุ่น i5 ในยุคที่ 4 อย่าง Haswell พร้อมการ์ดจอแยกจาก NVIDIA GeForce GT 720M ที่มีประสิทธิภาพในการเล่นเกมใช้ได้ทีเดียว
และนอกจากในทั้งสองเรื่องอย่างการกายกรรม 300 องศา และในเรื่องของสเปคแล้ว อีกเรื่องที่จะไม่พูดถึงหน้าตา Lenovo Flex 14 ที่ค่อนข้างสวยงาม และดูดีเดียว โดยตัวเครื่องใช้สีแบบทูนโทนซึ่งมีสีดำเป็นหลักตัดสลับกับเส้นขอบสีส้ม แลดูหรูหราไม่เบา ถ้าใครเริ่มสงสัยแล้วว่ามันจะเป็นแบบที่ผมพูดหรือเปล่า เชิญชมตัวจริงไปพร้อมๆ กันได้เลยครับ
Video
Specification
ก่อนอื่นมาเข้าเรื่องสเปคกันก่อนครับ สำหรับ Lenovo Flex 14 นั้น เลือกที่จะใช้หน่วยประมวลผลกลางจาก Intel รุ่นยอดนิยมในยุคที่ 4 “Haswell” รุ่น 4200U มีความเร็วอยู่ที่ 1.6 GHz (ในโหมดเทอร์โบอยู่ที่ 2.6 GHz) ใส่แรมมาให้ 1 แผงขนาด 4GB แบบ DDR3L 1600 MHz Single Channel (CL 11-11-11-28-1T) พร้อมติดตั้งฮาร์ดไดร์ฟความจุ 500GB ความเร็วมาตราฐาน 5400 รอบต่อนาที ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานแน่นอน
สำหรับกราฟฟิกการ์ดหรือการ์ดจอนั้น Lenovo Flex 14 เลือกใช้การ์ดจอ NVIDIA ในรุ่น GeForce GT 720M มีความเร็ว GPU 775 MHz และ Memory 900 MHz มีแรมของระบบแบบ GDDR3 2GB 64 Bit ที่เป็นการ์ดจอรุ่นล่าสุดจาก NVIDIA พร้อมการ์ดจอออนบอร์ดที่สามารถสลับไปใช้งานได้ขณะที่ใช้งานเบาๆ อย่าง Intel HD Graphics 4400
นอกจากนี้ตัวเครื่องยังรอบรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.0 , Wireless b/g/n ด้วยระบบเครือข่าย Intel Dual Band 7260 และยังมีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้อีกครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0 , 2-in-1 card-reader (SD / MMC), HDMI-out , LAN port นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบเสียง Dolby Advanced Audio ที่ให้เสียงค่อนข้างดี โดย Lenovo Flex 14 มีค่าตัวอยู่ในช่วงราคาไม่สูงนักที่ 24,990 บาท เท่านั้นเอง สมราคาดีทีเดียว แต่อย่างเพิ่งตัดสินใจครับเรามาดูกันในส่วนของเนื้องานและการออกแบบกันก่อน
Design
ในส่วนของการออกแบบเรียกได้ว่า Lenovo Flex 14 มีความคล้ายคลึงกับ Yoga 13 อยู่บ้างพอสมควร ซึ่งอาจเพราะเป็นอุปกรณ์ที่จัดอยู่ในตระกูล Convertible Notebook เหมือนกัน โดยการออกแบบ และเนื้องานนั้นทาง Lenovo เลือกใช้สีสันที่ค่อนข้างสวยงามดุดันใช้สีดำด้านเป็นโทนหลัก ตัดสลับกับสีส้มบริเวณขอบเครื่องดูสวยงามดี ซึ่งใช้วัสดุพลาสติกในส่วนของตัวเครื่องแทบทั้งหมด ยกเว้นบริเวณที่พักมือตรงทัชแพด และคีย์บอร์ด ที่จะใช้พลาสติกเคลือบอลูมิเนียม เพื่อทำให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา พกพาง่าย และประหยัดต้นทุนในการผลิต
นอกจากนี้ในส่วนด้านหลังของตัวเครื่องก็ยังเป็นพลาสติกเช่นกัน โดยจะมีช่องระบายความร้อน และช่องลำโพงคู่แบบ Stereo บริเวณมุมซ้าย ขวาของตัวเครื่อง และในส่วนของฐานเครื่องจะมีด้วยกันสี่มุมทำจากพลาสติกรองรับรองรับตัวเครื่องขนาด 14 นิ้ว และถ้าหากสังเกตดีๆ จะเห็นความลาดเอียงของตัวเครื่องที่ทำให้มิติตัวเครื่องด้านหน้าบริเวณทัชแพดจะเตี้ยกว่าบริเวณคีย์บอร์ด โดยจะรับกับข้อมือให้ผู้ใช้ ให้สามารถใช้งานคีย์บอร์ดได้สะดวกขึ้น
Keyboard / Touchpad
สำหรับคีย์บอร์ดนั้น Lenovo Flex 14 จะมาพร้อมคีย์บอร์ดขนาด 14 นิ้วมาตราฐานตามแบบฉบับของ Lenovo ที่สามารถเห็นได้บนโน๊ตบุ๊คในแบรนด์เดียวกันเช่น Z400 ซึ่งตัวคีย์บอร์ดนั้นจะมีชื่อเรียกว่า AccuType ที่สามารถพิมพ์ได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ เพราะมีความโค้งมน และระยะห่างของปุ่มที่เข้ากับนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ดูน่าใช้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมปุ่ม Function ต่างๆ ที่ก็กดง่ายใช้งานสะดวก ปุุ่มไม่ยวบยาบ มีเสียงขณะกดที่ไม่ดังมาก
ทัชแพดเองก็ติดตั้งมาให้ด้วยตามปกติเช่นกันโดยเป็นทัชแพดสีดำตัดขอบทัชแพดด้วยขอบสีเงินดูเรียบหรูน่าใช้ ดีไซน์เป็นแบบแยกชิ้นซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวาเอาไว้ใต้ทัชแพด รวมทั้งทัชแพดยังรองรับการใช้งาน Gesture Control ร่วมกับ Windows 8 ซึ่งหลังจากที่ทดลองใช้ทัชแพด Lenovo Flex 14 ก็สามารถตอบสนองได้เป็นอย่างดี และมีความลื่นไหลน่าพอใจ
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอนั้น Lenovo Flex 14 เลือกที่จะใช้หน้าจอขนาด 14 นิ้ว แบบสัมผัส 10 จุด พร้อมความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล สัดส่วนจอภาพแบบ Widescreen 16:9 โดยเลือกใช้พาเนลจอแบบ TN ซึ่งก็ให้สีสันของภาพที่คมชัด และสีที่สดพอสมควร เมื่อนำไปเล่นเกม และดูหนังก็ทำได้ค่อนข้างดี แต่มีจุดที่น่าสังเกตเล็กน้อยตรงบริเวณขอบจอที่ไม่ราบเรียบเป็นผืนเดียวกัน ลักษณะเหมือนเป็นขอบจอซ้อนขอบจออีกชั้นหนึ่ง ทำให้เวลาใช้แบบสัมผัสอาจทำให้รู้สึกสะดุดได้ แต่อย่างไรก็ดีสำหรับคนที่ไม่ซีเรียสเวลาใช้งานก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ขอบจอด้านบนของตัวเครื่องนั้นจะประกอบไปด้วยกล้องเว็บแคมที่ตั้งอยุ่ตรงกลางพอดี มีความละเอียด HD 720p พร้อมไมโครโฟนคู่ ที่มีระบบตัดเสียงรอบข้าง ตอบสนองการใช้ Video Call อย่าง Skpye ได้ดีทีเดียว คุยกับแฟน คุยกับเพื่อน คุยกับด่างได้เพลินๆ เลยละครับ และเมื่อมองลงมาที่ขอบจอตรงกลางด้านล่างก็จะเจอกับปุ่มโฮมที่มีสัญลักษณ์ Windows เมื่อกดปุ่มนี้เวลาเราใช้งาน ตัวเครื่องจะไปอยู่ที่หน้าเมโทร (Metro) ทันที เพื่อเรียกใช้แอพฯ อื่นๆ ได้อย่างฉับไว นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมี Light Senser อยู่บริเวณด้านล่างขวาของขอบจอที่จะปรับความสว่างของหน้าจอให้เราอัตโนมัติอีกด้วย สะดวกสะบายพอสมควรทีเดียว
ส่วนบานพับของตัวเครื่องนั้นเป็นแบบสองแกนที่มองด้วยตาอาจะดูไม่ค่อยแข็งแรง แต่พอได้สัมผัสจริงก็นับว่ามีความมั่นคง และใช้งานพลิกหน้าพลิกหลังแบบ 300 องศาได้อย่างมั่นใจดีทีเดียว
สำหรับลำโพงนั้น ทาง Lenovo เลือกที่จะติดตั้งลำโพงคู่ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ออกแบบไว้บริเวณมุมซ้าย และมุมขวาบริเวณใต้เครื่อง พร้อมรองรับระบบเสียง Dolby Advanced Audio ที่ให้พลังเสียงที่แปล่งออกมาได้ดีพอสมควร คนข้างกายผู้เขียนแอบเอาไปฟังเพลงเกาหลีก็พบว่าถูกใจใช่เลย
Screen Angle
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Lenovo Flex 14 นั้นใช้ พาเนลจอแบบ TN ที่โน๊ตบุ๊คหลายๆ ตัวนิยมใช้กัน โดยจะมีความโดดเด่นในเรื่องของการตอบสนอง และสีสันของภาพที่จัดจ้านดีทีเดียว เหมาะอย่างอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในด้านความบันเทิงทั้งหลาย เช่นดูหนังเรื่องโปรด ฟัง MV โดนๆ หรือแม้แต่เล่นเกมก็สามารถที่จะตอบสนองได้เป็นอย่างดี แต่กระนั้นแล้วสำหรับงานตัดต่อภาพ โน๊ตบุ๊คที่ใช้พาเนลจอแบบ IPS จะสามารถทำได้ดีกว่า
มุมซ้าย และมุมขวานั้นก็ทำได้ค่อนข้างดี มีมุมมองในการมองที่กว้างพอตัวทีเดียว โดยจะมีลักษณะของสีภาพ และความมืดที่ลดลงอยู่บ้างพอสมควร แต่ในสายตาของผมก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีไม่น่าเกลียด
มุมเงย และมุมก้ม แน่นอนว่าตัวจอเลือกที่จะใช้ พาเนลจอแบบ TN ทำให้มุมทั้งสองมุมนี้มีความมืดที่ลดลงค่อนข้างมาก และมีสีเพี้ยนอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ดีในสองมุมนี้ผมเชื่อว่ามีโอกาศได้ใช้น้อยมากๆ จึงถือว่าหน้าจอของ Lenovo Flex 14 เครื่องนี้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของโน๊ตบุ๊คที่พึงจะมีในปัจจุบัน
Connector / Thin And Weight
ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของ Lenovo Flex 14 ที่ผมเชื่อว่าทุกคนคงต้องอยากรู้คือพอร์ตการเชื่อมต่อ ที่ก็มากันอย่างพร้อมเพียง ครบครันตามมาตราฐาน เช่น USB 2.0 จำนวน 2 พอร์ต 2, USB 3.0 จำนวน 1 พอร์ต, 2-in-1 card-reader (SD / MMC), ช่องต่อลำโพง Combo jack,ช่อง LAN และ ช่อง HDMI
มาดูด้านขวาของตัวเครื่องกันก่อนสำหรับทางด้านขวานั้นจะมีปุ่มเพิ่มลดเสียงที่สะดวกมากในการใช้งาน ตามมาด้วย ช่องต่อลำโพงแบบ Combo jack, ช่อง USB 2.0 จำนวน 2 พอร์ต, ปุ่ม OneKey Recovery เอกสิทธิ์เฉพาะ Lenovo เท่านั้น และสุดท้ายคือปุ่มเปิด-ปิดเครื่องที่ก็จะมีไฟสีขาวบริเวณปุ่มเปิด-ปิดแสดงสถานะเวลาเปิดเครื่องให้เห็นเวลาใช้งานด้วยครับ
ด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นก็จะมี USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต , ช่องเชื่อมต่อ HDMI , ช่องระบายความร้อน และสุดท้ายจะเป็นช่องเชื่อมต่ออะแดปเตอร์ชาร์จไฟ ซึ่งเมื่อมองโดยรวมแล้วก็มากันได้ครบครันทีเดียว แต่แอบเสียดายเล็กน้อยที่ทาง Lenovo เลือกใส่ USB 3.0 มาให้น้อยไปหน่อย
ในส่วนของขอบด้านหน้าก็จะมีไฟแสดงสถานะอยู่อีก 2 ดวงด้วยกัน และนอกจากนี้ตัวเครื่องก็ยังมีจุดเด่นๆ ที่สะดุดตามากๆ คือการเล่นสีของขอบตัวเครื่องทั้งสามมุมที่จะใช้สีส้มแปร๋น ตัดกับสีตัวเครื่องสีดำที่ทำให้ Lenovo Flex 14 ดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาในทันที รวมถึงความบางและน้ำหนักของตัวเครื่องที่ทาง Lenovo ทำออกมาได้ดูดีมากจนน่าเหลือเชื่อ โดยมีความบางไม่ถึง 1 นิ้ว มีน้ำหนักตัวเครื่องเปล่าๆ อยู่ที่ 1.9 กิโลกรัม และเมื่อรวมอะแดปเตอร์จะอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น เจ๋งมากๆ
แต่อย่างไรก็ดียังมีข้อน่าสังเกตอีกเล็กน้อยเวลาพับเก็บเครื่องนั้น ตัวหน้าจอกับฐานเครื่องจะเหลือช่องว่างที่ไม่เท่ากันนิดๆ หน่อยๆ อาจจะเป็นเพราะการเก็บงานที่ไม่ละเอียด ถ้าแก้ปัญหาตรงนี้ได้นับว่าเพอร์เฟคทีเดียว
Flexible Using
อีกส่วนหนึ่งที่จะเป็นไฮไลท์ของ Lenovo Flex 14 เลยก็คือความสามารถของมันที่สามารถหมุนหน้าจอได้ในแบบ 300 องศา จากในโหมดการใช้งานโน๊ตบุ๊คปกติ (Notebook Mode) ก็ปรับไปอยู่ในโหมด Stand Mode หรือมีอีกชื่อว่า Theater Mode และทางโน้ตบุ๊ตจะล๊อคคีย์บอร์ด และทัชแพดให้โดยอัตโนมัติ?
ซึ่งความพิเศษใน Theater Mode คือสามารถนำไปใช้งานที่สามารถตอบสนองความบันเทิงได้อย่างเมามัน เช่นไปหาสถานที่ชิวๆ อย่างริมทะล ริมแม่น้ำ หรือในสวน เปิดหนังดู หรือเปิด MV ฟังเพลง ชิวๆ ก็จะให้อรรถรสที่ดีมากขึ้น เพราะเราจะโฟกัสอยู่ที่วิดีโอได้อย่างเต็มจอ ไม่ต้องมาทนเห็นคีย์บอร์ดวางขวางอยู่ข้างหน้าอีกต่อไป
หรือแม้แต่การใช้งานทั้งในด้านการเรียน หรือในด้านการทำงานก็ตอบสนองได้ดี เช่น ในขณะทำงานเราก็ปรับเป็น Notebook Mode ใช้พิมพ์งาน หรือร่างโน่นนี่นั่นในแบบโน๊ตบุ๊คกันไป แต่พอเราจะส่งงานให้อาจารย์ หรือนำเสนองานให้หัวหน้า และที่ประชุม ดูสไลด์ spreadsheet หรือแม้แต่รูปภาพต่างๆ ที่เราเตรียมไว้ เราก็ปรับเป็น Theater Mode ซึ่งจะทำให้ทุกๆ คนโฟกัสกับงานที่เรานำเสนอได้เป็นอย่างดี
และเมื่อลองเอามาใช้งานในสถานที่จริงๆ แล้วก็พบว่าเจ้า Lenovo Flex 14 สามารถนำมาใช้งานอย่างที่กล่าวข้างต้นได้เป็นอย่างดี โดยตัวผู้เขียนก็ถูกใจใน ?Theater Mode เป็นอย่างมาก อย่างสถานที่ๆ ออกไปเก็บภาพก็จะเป็นในสวน ที่มีบรรยากาศร่มรื่น ซึ่งสามารถเปิดหนังดูชิวๆ บรรยากาศดีๆ ?เคล้ากับเสียงธรรมชาติ ซึ่งก็เพลิดเพลินดีทีเดียว ครั้นมีอีเมลงานด่วนเข้ามาก็สามารถปรับมาเป็น ?Notebook Mode ตอบอีเมลได้อย่างฉับไวไม่เสียงาน และเสียอารมณ์ นับได้ว่าทำฟีเจอร์ตรงนี้ออกมาได้น่าพอใจดีจริงๆ
Performance / Software
สำหรับสเปคของ Lenovo Flex 14 นั้นจะเป็น Intel Core i5 4200U ที่มีความเร็วปกติอยู่ 1.6 GHz แต่เมื่อปรับเป็น High Performace Mode จะมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 2.6 GHz ในส่วนของแรมจะเป็นแรม DDR3L 1600MHz ขนาด 4GB แผงเดียว มี CAS latency อยู่ที่ CL 11-11-11-28-1T
ในส่วนของการ์ดจอเองก็จะเป็น NVIDIA GeForce GT 720M ความเร็ว GPU 775 MHz และ Memory 900 MHz มีแรมของระบบ 2GB และการ์ดจออนบอร์ด HD 4400 ที่สามารถปรับไปใช้งานในโหมดประหยัดพลังงานได้ ที่ค่อนข้างโอเคดีทีเดียว ซึ่งเราต้องมาตามดูกันต่อแล้วละครับว่าผลทดสอบจริงๆ เจ้า Lenovo Flex 14 นั้นจะทำได้ดีแค่ไหน?
ทดสอบด้วยโปรแกรมเรนเดอร์อย่าง CINEBENCH 11.5 ได้คะแนนในส่วนของ OpenGL ที่ 27.08 FPS และคะแนน CPU อยู่ที่ 2.31 คะแนน อยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียว ต้องขอบคุณประสิทธิภาพของหน่วยประมวผลกลาง i5 ในตระกูล Haswell ที่่ช่วยรีดคะแนนออกมาได้มากพอสมควร
ในส่วนของฮาร์ดไดร์ฟที่มาพร้อมตัวเครื่องมีความจุอยู่ที่ 500GB พร้อมกับความเร็วจานหมุนที่ 5400 RPM ผลทดสอบออกมาก็ให้ความเร็วเฉลี่ยที่ 86 MB/Sec ซึ่งก็ถือว่ามีความรวดเร็วอยู่ในระดับปานกลางทำได้ตามมาตราฐานสำหรับฮาร์ดดิสก์โน๊ตบุ๊คแบบปกติทั่วไป
มาถึงในส่วนของบททดสอบเกมกันบ้านโดยเกมที่เราทดสอบนั้น จะเป็น Street Fighter IV (1366×768 /0 x AA /All High) ก็ได้คะแนนที่ 10,526 คะแนน มีเฟรมเรทเฉลี่ยที่ 83.30FPS ด้วยกัน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดีทีเดียวสำหรับสำหรับโน๊ตบุ๊คที่เน้นการพกพา ตอบสนองได้ดีกับเกมที่ไม่กินสเปคมากนัก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเอาไว้เล่นคลายเครียดฆ่าเวลา แต่สำหรับในส่วนของเกมที่ใช้กราฟฟิคหนักๆ คงต้องปรับระดับมาอยู่ที่ Low ก็สามารถเล่นได้ครับ อย่างเช่น Resident Evil 6 เป็นต้น
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่มากับ Lenovo Flex 14 เครื่องนี้ แน่นอนว่าจะเป็นแบตเตอรี่แบบ Li-ion แบบ 48wh ความจุ 3350mAh และให้ความมั่นใจด้วยตัว Cell ของแบตเตอรี่ที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแบตเตอรี่นั้นสามารถถอดออกจากตัวเครื่องได้ และสำหรับการใช้งานจริง เมื่อทดสอบใช้งานปกติจะสามารถเปิดใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 4 – 6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับโหลดของตัวเครื่อง จัดว่าอยู่ได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียว โดยตัวเครื่องนั้นมาพร้อมอะแดปเตอร์ขนาดปกติ ที่สามารถจ่ายไฟได้ 65 วัตต์ที่ก็ทำหน้าได้เป็นอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง
สำหรับความร้อนและอุณหภูมิของตัวเครื่องเมื่อวัดที่อุณหภูมิปกติ โดยโปรแกรมเบิร์นอย่าง CPU อย่าง OCCT เป็นเวลาราวๆ 10 นาที ความร้อนของตัวเครื่องจะไปอยู่ที่ 41-42 องศาเซลเซียส โดยบริเวณด้านขวาของแป้นคีย์บอร์ดจะอุ่นเป็นพิเศษ ไม่ได้ร้อนจนใช้งานไม่ได้ ซึ่งเมื่อเลิกเบิร์นชุดระบายความร้อนของระบบก็ทำหน้าที่ได้ทันใจเมื่อเวลาผ่านไปราวๆ 5-10 นาที ระดับความร้อนก็กลับมาเป็นปกติ ซึ่งก็ต้องขอบคุณระบบระบายความร้อนที่เจ้า?Lenovo Flex 14 ที่ออกแบบมาได้เป็นอย่างดี?
อัตราการกินไฟนั้น Lenovo Flex 14 ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่กินไฟน้อยดีทีเดียว ในขณะที่ไม่ได้ใช้งาน หรือ Idel ตัวเครื่องจะกินไฟอยู่ที่ราวๆ 39 วัตต์เท่านั้น แต่เมื่อใช้งานโปรแกรมเบิร์นอย่าง CPU อย่าง OCCT ก็จะกินไฟอยู่ที่ 51-52 วัตต์เท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าน่าพอใจดีทีเดียวสำหรับโน๊ตบุ๊คการ์ดจอแยกหน้าจอ 14 นิ้ว
Conclusion / Award
ก็จบลงไปแล้วนะครับสำหรับบททดสอบของเจ้า Lenovo Flex 14 ที่จัดสเปคมาค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว ทั้งซีพียู Intel “Haswell” ในรุ่น 4200U มีความเร็วปกติอยู่ที่ 1.6 GHz (ในโหมดเทอร์โบอยู่ที่ 2.6 GHz) ใส่แรมมาให้ 4GB แบบ DDR3L 1600 MHz Single Channel (CL 11-11-11-28-1T) ฮาร์ดไดร์ฟความจุ 500GB และหน้าจอแบบสัมผัส ที่มีความลื่นไหล และสัมผัสพร้อมกันได้ถึง 10 จุด ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล ซึ่งสามารถตอบสนองทุกความบันเทิง ทั้งดูหนัง ฟังMV หรือแม้แต่ Video Call ได้เป็นอย่างดี
?
บวกกับความที่เป็น Convertible Notebook ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งในโหมดปกติอย่าง Notebook Mode หรือจะพลิกจอในแบบ 300 องศา เพื่อปรับเป็น Theater Mode เพื่อใช้งานในด้านความบันเทิง และการนำเสนองานต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยมไม่เคอะเขิน ถึงแม้จะไม่ใช่ Convertible Notebook ที่ดีที่สุด แต่ด้วยราคาขายในระดับ 24,990 บาท ที่ไม่แพงเลย บวกกับประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นในการใช้งานที่ปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบ ก็จัดว่าเจ้า Lenovo Flex 14 ตัวนี้ตอบโจทย์สำหรับคนงบน้อย ที่อยากใช้ Convertible Notebook ที่ตอบสนองได้ทุกการใช้งานในราคาคุ้มค่าได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ
ข้อดี
- ความคุ้มค่าระหว่างประสิทธิภาพต่อราคา
- ทัชสกรีนลื่นไหนดีเยี่ยม
- ใช้หน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูง และการ์ดจอแยก
- พลิกหน้าจอกลับด้านได้ถึง 300 องศา?
- สวยงาม และดูดี ด้วยสีแบบทูน สีดำตัดสลับสีส้ม
- ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง
- คีย์บอร์ดแบบ AccuType ที่สามารถพิมพ์ได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ?
- กินไฟต่ำ ตัวเครื่องไม่ร้อน
- หนาไม่ถึง 1 นิ้ว น้ำหนักเบา พกพาง่าย
- ติดตั้ง Windows 8 แบบลิขสิทธิ์มาให้เลย
ข้อสังเกต
- การเก็บงานที่ไม่ละเอียดเท่าที่ควร
- ขอบจอที่ไม่ราบเรียบเป็นผืนเดียวกัน
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊ค และ Convertible Notebook?ขนาดหน้าจอ ?14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง?Lenovo Flex 14?ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ด้วยเนื้องาน และการออกแบบของ Lenovo ?Flex 14 ที่ออกแบบมาได้ค่อยข้างโดนเด่น พร้อมใช้สีสันที่ค่อนข้างสะดุดตา บวกกับความบางของตัวเครื่อง และการใช้งานในโหมดพลิกหน้าพลิกหลังได้แบบ 300 องศา ที่ก็ต้องขอบคุณบานพับแบบสองแกนที่มองด้วยตาอาจะดูไม่ค่อยแข็งแรง แต่พอได้สัมผัสจริงก็นับว่ามีความมั่นคง และใช้งานได้อย่างมั่นใจ ถึงแม้จะเก็บงานได้ไม่ละเอียดมากนัก แต่ด้วยข้อดีต่างๆ ก็กลบข้อสังเกตเพียงน้อยนิดจนได้รางวัล??Best Design ไปเลย
Best Value?
ถึงแม้?Lenovo ?Flex 14 จะไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่มีสเปคโหดที่สุด และไม่ใช่?Convertible Notebook ที่ดีที่สุด แต่ด้วยราคาขายระดับ 24,990 บาท กับสเปคอย่าง i5 4200U “Haswell” และการ์ดจอแยก nVIDIA GeFore 720M พร้อมฟีเจอร์พลิกหน้าพลิกหลังได้แบบ 300 องศ และหน้าจอสัมผัส ที่มอบความสะดวกสบาย และตอบสนองกับการใช้งานได้หลายรูปแบบ ก็ทำให้เจ้า Flex 14 ดูโดดเด่นขึ้นมาในทันที ด้วยสเปค ราคา และฟีเจอร์ขนาดนี้รับรองว่าหาไม่ได้ใน?Convertible Notebook ตัวไหน เราจึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย?
Video
Specification
ก่อนอื่นมาเข้าเรื่องสเปคกันก่อนครับ สำหรับ Lenovo Flex 14 นั้น เลือกที่จะใช้หน่วยประมวลผลกลางจาก Intel รุ่นยอดนิยมในยุคที่ 4 “Haswell” รุ่น 4200U มีความเร็วอยู่ที่ 1.6 GHz (ในโหมดเทอร์โบอยู่ที่ 2.6 GHz) ใส่แรมมาให้ 1 แผงขนาด 4GB แบบ DDR3L 1600 MHz Single Channel (CL 11-11-11-28-1T) พร้อมติดตั้งฮาร์ดไดร์ฟความจุ 500GB ความเร็วมาตราฐาน 5400 รอบต่อนาที ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานแน่นอน
สำหรับกราฟฟิกการ์ดหรือการ์ดจอนั้น Lenovo Flex 14 เลือกใช้การ์ดจอ NVIDIA ในรุ่น GeForce GT 720M มีความเร็ว GPU 775 MHz และ Memory 900 MHz มีแรมของระบบแบบ GDDR3 2GB 64 Bit ที่เป็นการ์ดจอรุ่นล่าสุดจาก NVIDIA พร้อมการ์ดจอออนบอร์ดที่สามารถสลับไปใช้งานได้ขณะที่ใช้งานเบาๆ อย่าง Intel HD Graphics 4400
นอกจากนี้ตัวเครื่องยังรอบรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.0 , Wireless b/g/n ด้วยระบบเครือข่าย Intel Dual Band 7260 และยังมีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้อีกครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0 , 2-in-1 card-reader (SD / MMC), HDMI-out , LAN port นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบเสียง Dolby Advanced Audio ที่ให้เสียงค่อนข้างดี โดย Lenovo Flex 14 มีค่าตัวอยู่ในช่วงราคาไม่สูงนักที่ 24,990 บาท เท่านั้นเอง สมราคาดีทีเดียว แต่อย่างเพิ่งตัดสินใจครับเรามาดูกันในส่วนของเนื้องานและการออกแบบกันก่อน
Design
ในส่วนของการออกแบบเรียกได้ว่า Lenovo Flex 14 มีความคล้ายคลึงกับ Yoga 13 อยู่บ้างพอสมควร ซึ่งอาจเพราะเป็นอุปกรณ์ที่จัดอยู่ในตระกูล Convertible Notebook เหมือนกัน โดยการออกแบบ และเนื้องานนั้นทาง Lenovo เลือกใช้สีสันที่ค่อนข้างสวยงามดุดันใช้สีดำด้านเป็นโทนหลัก ตัดสลับกับสีส้มบริเวณขอบเครื่องดูสวยงามดี ซึ่งใช้วัสดุพลาสติกในส่วนของตัวเครื่องแทบทั้งหมด ยกเว้นบริเวณที่พักมือตรงทัชแพด และคีย์บอร์ด ที่จะใช้พลาสติกเคลือบอลูมิเนียม เพื่อทำให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา พกพาง่าย และประหยัดต้นทุนในการผลิต
นอกจากนี้ในส่วนด้านหลังของตัวเครื่องก็ยังเป็นพลาสติกเช่นกัน โดยจะมีช่องระบายความร้อน และช่องลำโพงคู่แบบ Stereo บริเวณมุมซ้าย ขวาของตัวเครื่อง และในส่วนของฐานเครื่องจะมีด้วยกันสี่มุมทำจากพลาสติกรองรับรองรับตัวเครื่องขนาด 14 นิ้ว และถ้าหากสังเกตดีๆ จะเห็นความลาดเอียงของตัวเครื่องที่ทำให้มิติตัวเครื่องด้านหน้าบริเวณทัชแพดจะเตี้ยกว่าบริเวณคีย์บอร์ด โดยจะรับกับข้อมือให้ผู้ใช้ ให้สามารถใช้งานคีย์บอร์ดได้สะดวกขึ้น
Keyboard / Touchpad
สำหรับคีย์บอร์ดนั้น Lenovo Flex 14 จะมาพร้อมคีย์บอร์ดขนาด 14 นิ้วมาตราฐานตามแบบฉบับของ Lenovo ที่สามารถเห็นได้บนโน๊ตบุ๊คในแบรนด์เดียวกันเช่น Z400 ซึ่งตัวคีย์บอร์ดนั้นจะมีชื่อเรียกว่า AccuType ที่สามารถพิมพ์ได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ เพราะมีความโค้งมน และระยะห่างของปุ่มที่เข้ากับนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ดูน่าใช้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมปุ่ม Function ต่างๆ ที่ก็กดง่ายใช้งานสะดวก ปุุ่มไม่ยวบยาบ มีเสียงขณะกดที่ไม่ดังมาก
ทัชแพดเองก็ติดตั้งมาให้ด้วยตามปกติเช่นกันโดยเป็นทัชแพดสีดำตัดขอบทัชแพดด้วยขอบสีเงินดูเรียบหรูน่าใช้ ดีไซน์เป็นแบบแยกชิ้นซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวาเอาไว้ใต้ทัชแพด รวมทั้งทัชแพดยังรองรับการใช้งาน Gesture Control ร่วมกับ Windows 8 ซึ่งหลังจากที่ทดลองใช้ทัชแพด Lenovo Flex 14 ก็สามารถตอบสนองได้เป็นอย่างดี และมีความลื่นไหลน่าพอใจ
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอนั้น Lenovo Flex 14 เลือกที่จะใช้หน้าจอขนาด 14 นิ้ว แบบสัมผัส 10 จุด พร้อมความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล สัดส่วนจอภาพแบบ Widescreen 16:9 โดยเลือกใช้พาเนลจอแบบ TN ซึ่งก็ให้สีสันของภาพที่คมชัด และสีที่สดพอสมควร เมื่อนำไปเล่นเกม และดูหนังก็ทำได้ค่อนข้างดี แต่มีจุดที่น่าสังเกตเล็กน้อยตรงบริเวณขอบจอที่ไม่ราบเรียบเป็นผืนเดียวกัน ลักษณะเหมือนเป็นขอบจอซ้อนขอบจออีกชั้นหนึ่ง ทำให้เวลาใช้แบบสัมผัสอาจทำให้รู้สึกสะดุดได้ แต่อย่างไรก็ดีสำหรับคนที่ไม่ซีเรียสเวลาใช้งานก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ขอบจอด้านบนของตัวเครื่องนั้นจะประกอบไปด้วยกล้องเว็บแคมที่ตั้งอยุ่ตรงกลางพอดี มีความละเอียด HD 720p พร้อมไมโครโฟนคู่ ที่มีระบบตัดเสียงรอบข้าง ตอบสนองการใช้ Video Call อย่าง Skpye ได้ดีทีเดียว คุยกับแฟน คุยกับเพื่อน คุยกับด่างได้เพลินๆ เลยละครับ และเมื่อมองลงมาที่ขอบจอตรงกลางด้านล่างก็จะเจอกับปุ่มโฮมที่มีสัญลักษณ์ Windows เมื่อกดปุ่มนี้เวลาเราใช้งาน ตัวเครื่องจะไปอยู่ที่หน้าเมโทร (Metro) ทันที เพื่อเรียกใช้แอพฯ อื่นๆ ได้อย่างฉับไว นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมี Light Senser อยู่บริเวณด้านล่างขวาของขอบจอที่จะปรับความสว่างของหน้าจอให้เราอัตโนมัติอีกด้วย สะดวกสะบายพอสมควรทีเดียว
ส่วนบานพับของตัวเครื่องนั้นเป็นแบบสองแกนที่มองด้วยตาอาจะดูไม่ค่อยแข็งแรง แต่พอได้สัมผัสจริงก็นับว่ามีความมั่นคง และใช้งานพลิกหน้าพลิกหลังแบบ 300 องศาได้อย่างมั่นใจดีทีเดียว
สำหรับลำโพงนั้น ทาง Lenovo เลือกที่จะติดตั้งลำโพงคู่ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ออกแบบไว้บริเวณมุมซ้าย และมุมขวาบริเวณใต้เครื่อง พร้อมรองรับระบบเสียง Dolby Advanced Audio ที่ให้พลังเสียงที่แปล่งออกมาได้ดีพอสมควร คนข้างกายผู้เขียนแอบเอาไปฟังเพลงเกาหลีก็พบว่าถูกใจใช่เลย
Screen Angle
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Lenovo Flex 14 นั้นใช้ พาเนลจอแบบ TN ที่โน๊ตบุ๊คหลายๆ ตัวนิยมใช้กัน โดยจะมีความโดดเด่นในเรื่องของการตอบสนอง และสีสันของภาพที่จัดจ้านดีทีเดียว เหมาะอย่างอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในด้านความบันเทิงทั้งหลาย เช่นดูหนังเรื่องโปรด ฟัง MV โดนๆ หรือแม้แต่เล่นเกมก็สามารถที่จะตอบสนองได้เป็นอย่างดี แต่กระนั้นแล้วสำหรับงานตัดต่อภาพ โน๊ตบุ๊คที่ใช้พาเนลจอแบบ IPS จะสามารถทำได้ดีกว่า
มุมซ้าย และมุมขวานั้นก็ทำได้ค่อนข้างดี มีมุมมองในการมองที่กว้างพอตัวทีเดียว โดยจะมีลักษณะของสีภาพ และความมืดที่ลดลงอยู่บ้างพอสมควร แต่ในสายตาของผมก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีไม่น่าเกลียด
มุมเงย และมุมก้ม แน่นอนว่าตัวจอเลือกที่จะใช้ พาเนลจอแบบ TN ทำให้มุมทั้งสองมุมนี้มีความมืดที่ลดลงค่อนข้างมาก และมีสีเพี้ยนอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ดีในสองมุมนี้ผมเชื่อว่ามีโอกาศได้ใช้น้อยมากๆ จึงถือว่าหน้าจอของ Lenovo Flex 14 เครื่องนี้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของโน๊ตบุ๊คที่พึงจะมีในปัจจุบัน
Connector / Thin And Weight
ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของ Lenovo Flex 14 ที่ผมเชื่อว่าทุกคนคงต้องอยากรู้คือพอร์ตการเชื่อมต่อ ที่ก็มากันอย่างพร้อมเพียง ครบครันตามมาตราฐาน เช่น USB 2.0 จำนวน 2 พอร์ต 2, USB 3.0 จำนวน 1 พอร์ต, 2-in-1 card-reader (SD / MMC), ช่องต่อลำโพง Combo jack,ช่อง LAN และ ช่อง HDMI
มาดูด้านขวาของตัวเครื่องกันก่อนสำหรับทางด้านขวานั้นจะมีปุ่มเพิ่มลดเสียงที่สะดวกมากในการใช้งาน ตามมาด้วย ช่องต่อลำโพงแบบ Combo jack, ช่อง USB 2.0 จำนวน 2 พอร์ต, ปุ่ม OneKey Recovery เอกสิทธิ์เฉพาะ Lenovo เท่านั้น และสุดท้ายคือปุ่มเปิด-ปิดเครื่องที่ก็จะมีไฟสีขาวบริเวณปุ่มเปิด-ปิดแสดงสถานะเวลาเปิดเครื่องให้เห็นเวลาใช้งานด้วยครับ
ด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นก็จะมี USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต , ช่องเชื่อมต่อ HDMI , ช่องระบายความร้อน และสุดท้ายจะเป็นช่องเชื่อมต่ออะแดปเตอร์ชาร์จไฟ ซึ่งเมื่อมองโดยรวมแล้วก็มากันได้ครบครันทีเดียว แต่แอบเสียดายเล็กน้อยที่ทาง Lenovo เลือกใส่ USB 3.0 มาให้น้อยไปหน่อย
ในส่วนของขอบด้านหน้าก็จะมีไฟแสดงสถานะอยู่อีก 2 ดวงด้วยกัน และนอกจากนี้ตัวเครื่องก็ยังมีจุดเด่นๆ ที่สะดุดตามากๆ คือการเล่นสีของขอบตัวเครื่องทั้งสามมุมที่จะใช้สีส้มแปร๋น ตัดกับสีตัวเครื่องสีดำที่ทำให้ Lenovo Flex 14 ดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาในทันที รวมถึงความบางและน้ำหนักของตัวเครื่องที่ทาง Lenovo ทำออกมาได้ดูดีมากจนน่าเหลือเชื่อ โดยมีความบางไม่ถึง 1 นิ้ว มีน้ำหนักตัวเครื่องเปล่าๆ อยู่ที่ 1.9 กิโลกรัม และเมื่อรวมอะแดปเตอร์จะอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น เจ๋งมากๆ
แต่อย่างไรก็ดียังมีข้อน่าสังเกตอีกเล็กน้อยเวลาพับเก็บเครื่องนั้น ตัวหน้าจอกับฐานเครื่องจะเหลือช่องว่างที่ไม่เท่ากันนิดๆ หน่อยๆ อาจจะเป็นเพราะการเก็บงานที่ไม่ละเอียด ถ้าแก้ปัญหาตรงนี้ได้นับว่าเพอร์เฟคทีเดียว
Flexible Using
อีกส่วนหนึ่งที่จะเป็นไฮไลท์ของ Lenovo Flex 14 เลยก็คือความสามารถของมันที่สามารถหมุนหน้าจอได้ในแบบ 300 องศา จากในโหมดการใช้งานโน๊ตบุ๊คปกติ (Notebook Mode) ก็ปรับไปอยู่ในโหมด Stand Mode หรือมีอีกชื่อว่า Theater Mode และทางโน้ตบุ๊ตจะล๊อคคีย์บอร์ด และทัชแพดให้โดยอัตโนมัติ?
ซึ่งความพิเศษใน Theater Mode คือสามารถนำไปใช้งานที่สามารถตอบสนองความบันเทิงได้อย่างเมามัน เช่นไปหาสถานที่ชิวๆ อย่างริมทะล ริมแม่น้ำ หรือในสวน เปิดหนังดู หรือเปิด MV ฟังเพลง ชิวๆ ก็จะให้อรรถรสที่ดีมากขึ้น เพราะเราจะโฟกัสอยู่ที่วิดีโอได้อย่างเต็มจอ ไม่ต้องมาทนเห็นคีย์บอร์ดวางขวางอยู่ข้างหน้าอีกต่อไป
หรือแม้แต่การใช้งานทั้งในด้านการเรียน หรือในด้านการทำงานก็ตอบสนองได้ดี เช่น ในขณะทำงานเราก็ปรับเป็น Notebook Mode ใช้พิมพ์งาน หรือร่างโน่นนี่นั่นในแบบโน๊ตบุ๊คกันไป แต่พอเราจะส่งงานให้อาจารย์ หรือนำเสนองานให้หัวหน้า และที่ประชุม ดูสไลด์ spreadsheet หรือแม้แต่รูปภาพต่างๆ ที่เราเตรียมไว้ เราก็ปรับเป็น Theater Mode ซึ่งจะทำให้ทุกๆ คนโฟกัสกับงานที่เรานำเสนอได้เป็นอย่างดี
และเมื่อลองเอามาใช้งานในสถานที่จริงๆ แล้วก็พบว่าเจ้า Lenovo Flex 14 สามารถนำมาใช้งานอย่างที่กล่าวข้างต้นได้เป็นอย่างดี โดยตัวผู้เขียนก็ถูกใจใน ?Theater Mode เป็นอย่างมาก อย่างสถานที่ๆ ออกไปเก็บภาพก็จะเป็นในสวน ที่มีบรรยากาศร่มรื่น ซึ่งสามารถเปิดหนังดูชิวๆ บรรยากาศดีๆ ?เคล้ากับเสียงธรรมชาติ ซึ่งก็เพลิดเพลินดีทีเดียว ครั้นมีอีเมลงานด่วนเข้ามาก็สามารถปรับมาเป็น ?Notebook Mode ตอบอีเมลได้อย่างฉับไวไม่เสียงาน และเสียอารมณ์ นับได้ว่าทำฟีเจอร์ตรงนี้ออกมาได้น่าพอใจดีจริงๆ
Performance / Software
สำหรับสเปคของ Lenovo Flex 14 นั้นจะเป็น Intel Core i5 4200U ที่มีความเร็วปกติอยู่ 1.6 GHz แต่เมื่อปรับเป็น High Performace Mode จะมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 2.6 GHz ในส่วนของแรมจะเป็นแรม DDR3L 1600MHz ขนาด 4GB แผงเดียว มี CAS latency อยู่ที่ CL 11-11-11-28-1T
ในส่วนของการ์ดจอเองก็จะเป็น NVIDIA GeForce GT 720M ความเร็ว GPU 775 MHz และ Memory 900 MHz มีแรมของระบบ 2GB และการ์ดจออนบอร์ด HD 4400 ที่สามารถปรับไปใช้งานในโหมดประหยัดพลังงานได้ ที่ค่อนข้างโอเคดีทีเดียว ซึ่งเราต้องมาตามดูกันต่อแล้วละครับว่าผลทดสอบจริงๆ เจ้า Lenovo Flex 14 นั้นจะทำได้ดีแค่ไหน?
ทดสอบด้วยโปรแกรมเรนเดอร์อย่าง CINEBENCH 11.5 ได้คะแนนในส่วนของ OpenGL ที่ 27.08 FPS และคะแนน CPU อยู่ที่ 2.31 คะแนน อยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียว ต้องขอบคุณประสิทธิภาพของหน่วยประมวผลกลาง i5 ในตระกูล Haswell ที่่ช่วยรีดคะแนนออกมาได้มากพอสมควร
ในส่วนของฮาร์ดไดร์ฟที่มาพร้อมตัวเครื่องมีความจุอยู่ที่ 500GB พร้อมกับความเร็วจานหมุนที่ 5400 RPM ผลทดสอบออกมาก็ให้ความเร็วเฉลี่ยที่ 86 MB/Sec ซึ่งก็ถือว่ามีความรวดเร็วอยู่ในระดับปานกลางทำได้ตามมาตราฐานสำหรับฮาร์ดดิสก์โน๊ตบุ๊คแบบปกติทั่วไป
มาถึงในส่วนของบททดสอบเกมกันบ้านโดยเกมที่เราทดสอบนั้น จะเป็น Street Fighter IV (1366×768 /0 x AA /All High) ก็ได้คะแนนที่ 10,526 คะแนน มีเฟรมเรทเฉลี่ยที่ 83.30FPS ด้วยกัน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดีทีเดียวสำหรับสำหรับโน๊ตบุ๊คที่เน้นการพกพา ตอบสนองได้ดีกับเกมที่ไม่กินสเปคมากนัก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเอาไว้เล่นคลายเครียดฆ่าเวลา แต่สำหรับในส่วนของเกมที่ใช้กราฟฟิคหนักๆ คงต้องปรับระดับมาอยู่ที่ Low ก็สามารถเล่นได้ครับ อย่างเช่น Resident Evil 6 เป็นต้น
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่มากับ Lenovo Flex 14 เครื่องนี้ แน่นอนว่าจะเป็นแบตเตอรี่แบบ Li-ion แบบ 48wh ความจุ 3350mAh และให้ความมั่นใจด้วยตัว Cell ของแบตเตอรี่ที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแบตเตอรี่นั้นสามารถถอดออกจากตัวเครื่องได้ และสำหรับการใช้งานจริง เมื่อทดสอบใช้งานปกติจะสามารถเปิดใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 4 – 6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับโหลดของตัวเครื่อง จัดว่าอยู่ได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียว โดยตัวเครื่องนั้นมาพร้อมอะแดปเตอร์ขนาดปกติ ที่สามารถจ่ายไฟได้ 65 วัตต์ที่ก็ทำหน้าได้เป็นอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง
สำหรับความร้อนและอุณหภูมิของตัวเครื่องเมื่อวัดที่อุณหภูมิปกติ โดยโปรแกรมเบิร์นอย่าง CPU อย่าง OCCT เป็นเวลาราวๆ 10 นาที ความร้อนของตัวเครื่องจะไปอยู่ที่ 41-42 องศาเซลเซียส โดยบริเวณด้านขวาของแป้นคีย์บอร์ดจะอุ่นเป็นพิเศษ ไม่ได้ร้อนจนใช้งานไม่ได้ ซึ่งเมื่อเลิกเบิร์นชุดระบายความร้อนของระบบก็ทำหน้าที่ได้ทันใจเมื่อเวลาผ่านไปราวๆ 5-10 นาที ระดับความร้อนก็กลับมาเป็นปกติ ซึ่งก็ต้องขอบคุณระบบระบายความร้อนที่เจ้า?Lenovo Flex 14 ที่ออกแบบมาได้เป็นอย่างดี?
อัตราการกินไฟนั้น Lenovo Flex 14 ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่กินไฟน้อยดีทีเดียว ในขณะที่ไม่ได้ใช้งาน หรือ Idel ตัวเครื่องจะกินไฟอยู่ที่ราวๆ 39 วัตต์เท่านั้น แต่เมื่อใช้งานโปรแกรมเบิร์นอย่าง CPU อย่าง OCCT ก็จะกินไฟอยู่ที่ 51-52 วัตต์เท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าน่าพอใจดีทีเดียวสำหรับโน๊ตบุ๊คการ์ดจอแยกหน้าจอ 14 นิ้ว
Conclusion / Award
ก็จบลงไปแล้วนะครับสำหรับบททดสอบของเจ้า Lenovo Flex 14 ที่จัดสเปคมาค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว ทั้งซีพียู Intel “Haswell” ในรุ่น 4200U มีความเร็วปกติอยู่ที่ 1.6 GHz (ในโหมดเทอร์โบอยู่ที่ 2.6 GHz) ใส่แรมมาให้ 4GB แบบ DDR3L 1600 MHz Single Channel (CL 11-11-11-28-1T) ฮาร์ดไดร์ฟความจุ 500GB และหน้าจอแบบสัมผัส ที่มีความลื่นไหล และสัมผัสพร้อมกันได้ถึง 10 จุด ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล ซึ่งสามารถตอบสนองทุกความบันเทิง ทั้งดูหนัง ฟังMV หรือแม้แต่ Video Call ได้เป็นอย่างดี
?
บวกกับความที่เป็น Convertible Notebook ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งในโหมดปกติอย่าง Notebook Mode หรือจะพลิกจอในแบบ 300 องศา เพื่อปรับเป็น Theater Mode เพื่อใช้งานในด้านความบันเทิง และการนำเสนองานต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยมไม่เคอะเขิน ถึงแม้จะไม่ใช่ Convertible Notebook ที่ดีที่สุด แต่ด้วยราคาขายในระดับ 24,990 บาท ที่ไม่แพงเลย บวกกับประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นในการใช้งานที่ปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบ ก็จัดว่าเจ้า Lenovo Flex 14 ตัวนี้ตอบโจทย์สำหรับคนงบน้อย ที่อยากใช้ Convertible Notebook ที่ตอบสนองได้ทุกการใช้งานในราคาคุ้มค่าได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ
ข้อดี
- ความคุ้มค่าระหว่างประสิทธิภาพต่อราคา
- ทัชสกรีนลื่นไหนดีเยี่ยม
- ใช้หน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูง และการ์ดจอแยก
- พลิกหน้าจอกลับด้านได้ถึง 300 องศา?
- สวยงาม และดูดี ด้วยสีแบบทูน สีดำตัดสลับสีส้ม
- ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง
- คีย์บอร์ดแบบ AccuType ที่สามารถพิมพ์ได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ?
- กินไฟต่ำ ตัวเครื่องไม่ร้อน
- หนาไม่ถึง 1 นิ้ว น้ำหนักเบา พกพาง่าย
- ติดตั้ง Windows 8 แบบลิขสิทธิ์มาให้เลย
ข้อสังเกต
- การเก็บงานที่ไม่ละเอียดเท่าที่ควร
- ขอบจอที่ไม่ราบเรียบเป็นผืนเดียวกัน
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊ค และ Convertible Notebook?ขนาดหน้าจอ ?14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง?Lenovo Flex 14?ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ด้วยเนื้องาน และการออกแบบของ Lenovo ?Flex 14 ที่ออกแบบมาได้ค่อยข้างโดนเด่น พร้อมใช้สีสันที่ค่อนข้างสะดุดตา บวกกับความบางของตัวเครื่อง และการใช้งานในโหมดพลิกหน้าพลิกหลังได้แบบ 300 องศา ที่ก็ต้องขอบคุณบานพับแบบสองแกนที่มองด้วยตาอาจะดูไม่ค่อยแข็งแรง แต่พอได้สัมผัสจริงก็นับว่ามีความมั่นคง และใช้งานได้อย่างมั่นใจ ถึงแม้จะเก็บงานได้ไม่ละเอียดมากนัก แต่ด้วยข้อดีต่างๆ ก็กลบข้อสังเกตเพียงน้อยนิดจนได้รางวัล??Best Design ไปเลย
Best Value?
ถึงแม้?Lenovo ?Flex 14 จะไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่มีสเปคโหดที่สุด และไม่ใช่?Convertible Notebook ที่ดีที่สุด แต่ด้วยราคาขายระดับ 24,990 บาท กับสเปคอย่าง i5 4200U “Haswell” และการ์ดจอแยก nVIDIA GeFore 720M พร้อมฟีเจอร์พลิกหน้าพลิกหลังได้แบบ 300 องศ และหน้าจอสัมผัส ที่มอบความสะดวกสบาย และตอบสนองกับการใช้งานได้หลายรูปแบบ ก็ทำให้เจ้า Flex 14 ดูโดดเด่นขึ้นมาในทันที ด้วยสเปค ราคา และฟีเจอร์ขนาดนี้รับรองว่าหาไม่ได้ใน?Convertible Notebook ตัวไหน เราจึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย?