ในช่วงระยะหลังนี้ เราจะสังเกตเห็นได้ว่า ผู้ผลิตอุปกรณ์ IT รายใหญ่ๆ ต่างคิดค้นนำเอาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานด้วยร่างของเราออกมาให้เห็นมากมาย อย่างเช่น Samsung ที่ได้พูดถึงซอฟท์แวร์ตัวใหม่ในเครื่องมือถือ Galaxy S4 ที่มีชื่อว่า S Health ด้วยการใช้งานเซ็นเซอร์ต่างที่มีอยู่ในตัวเครื่อง ให้กลายเป็นเครื่องที่คอยจับนับจำนวนก้าวเดินของเรา และยังมีการใช้เพื่อวัดระดับค่าความชื้นและอุณหภูมิด้วย นั่นก็แสดงให้เห็นว่า เทรนด์ใหม่ในการที่จะใช้ร่างกายของเรา เป็นแหล่งข้อมูลใหม่ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ทั้งบริษัทเล็กและบริษัทใหญ่ต่างๆ ได้เริ่มตัดสินใจที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท ไปในทิศทางที่ว่านี้มากมาย ด้วยการใช้ประโยชน์จากเซ็นเซอร์ต่างๆ จับนำเอามาพัฒนาเป็นอุปกรณ์ใหม่ๆขึ้นมา ที่จะคอยรายงานข้อมูลของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลอย่างเรื่องของน้ำหนัก ไปจนถึงช่วงเวลาในการออกกำลังกาย หรือการนอนหลับของเรา ซึ่ง Samsung ก็ได้เริ่มกลายเป็นคู่แข่งกับทั้ง Nike, Jawbone, Fitbit, Withing และอีกมากหมายหลากหลายเจ้า ที่ผลิตอุปกรณ์สำหรับการสวมใส่บนร่างกายและรายงานข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับร่างกาย และข้อมูลที่ว่าเหล่านี้ ก็ยังสามารถที่จะเชื่อมต่อเข้ากับโลกอินเตอร์เน็ต เพื่อเตรียมข้อมูลให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย
และแม้ว่าเราจะเห็นว่ามีผู้ผลิตมากมายหลากหลายเจ้านี้ก็ตาม แต่จริงๆแล้ว เทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้นี้ ได้พัฒนาขึ้นมาจากบริษัทเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือ FullPower ผู้สร้างเทคโนโลยีที่เรียกว่า MotionX ที่ถูกใช้งานอยู่ในอุปกรณ์ของ Nike, Apple และ Jawbone ผู้บริหารของบริษัท Philippe Kahn ก็ไม่ถือว่าเป็นคนใหม่ของวงการอะไรนัก เพราะก่อนหน้านี้ ผลงานอย่างมือถือที่สามารถถ่ายรูปแล้วนำเอามาแชร์บนเครือข่ายได้นั่นเอง และทิศทางใหม่ของบริษัทในตอนนี้ ก็คือการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ต่างๆนั่นเอง
นอกจากนั้น ก็ยังได้มีการพัฒนาอุปกรณ์เหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่นการใส่ระบบที่สามารถสั่งงานด้วยเสียงจากผู้ใช้ได้ และมีการตอบรับกลับไปเป็นเสียงด้วยเช่นเดียวกัน เป็นคอนเซ็ปท์เดียวกันกับระบบ Siri บนเครื่อง iPhone ของ Apple หรือ Google voice search นั่นเอง แล้วก็ยังมีการใช้งานอยู่แอพฯออกกำลังกายบางตัวอย่างเช่น Runkeeper ด้วย ที่จะคอยบอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายอย่างเช่นระยะเวลา หรือระยะทางเป็นต้น
นอกจากนั้น เทรนด์ต่อไปในอนาคต เราก็น่าจะได้เห็นนาฬิกาอัจฉริยะตามกันออกมาอีก อย่างที่เราพอจะได้ยินข่าวลือกันมานักต่อนักแล้ว จากผู้ผลิตแทบจะทุกเจ้าใหญ่ๆในตลาดตอนนี้แล้ว ซึ่งก็อาจจะกลายเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมจากเหล่าผู้ใช้งานมากมายก็เป็นได้ และฟังชั่นต่างๆ ที่มีอยู่ในตอนนี้ ก็น่าจะสามารถผนวกรวมเข้าไปกับตัวนาฬิกาได้ด้วยเช่นเดียวกัน จนอาจจะกลายเป็นอุปกรณ์เสริมตัวใหม่ ที่ขาดไปไม่ได้สำหรับเหล่าผู้ใช้มือถือสมารท์โฟนทั้งหลาย
หนึ่งในเทคโนโลยีที่ช่วยส่งเสริมให้เทรนด์การใช้งานแบบใหม่นี้เป็นจริงขึ้นมาได้ นั่นก็คือระบบ Bluetooth เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่มีอัตราการประหยัดพลังงานที่สูง ทำให้ตัวอุปกรณ์ต่างๆนั้น สามารถที่จะสื่อสารระหว่างกันได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานอะไรมากมายนักเหมือนเมื่อก่อน เมื่อตัวอุปกรณ์ทำการเชื่อมต่อเข้ากับมือถือแล้ว มันก็สามารถที่จะทำงานอยู่ได้นาน โดยที่ไม่ต้องคอยหาที่เสียบชาร์จพลังไฟอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับอุปกรณ์รุ่นเก่าๆก่อนหน้านี้
จากเทรนด์ที่เริ่มเปลี่ยนแปลงมาสู่เครื่องอุปกรณ์พกพา แทนเครื่อง PC แบบเดิมๆ ในอนาคตต่อไปนี้ เครื่องอุปกรณ์พกพาโดยเฉพาะมือถือ ก็น่าจะกลายเป็นจุดหลักในการต่อเชื่อมอุปกรณ์อื่นๆเข้าด้วยกันอีกด้วย และก็เชื่อมเข้ากับระบบสมองอันชาญฉลาดจากเครือข่ายที่ยิ่งใหญ่ของโลกอินเตอร์ หรือจะเป็นอุปกรณ์อย่างแว่นตาของ Google เองก็ดี ที่เป็นอีกเทรนด์หนึ่ง ที่ได้รับความสนใจจากเหล่าผู้ใช้และนักพัฒนามากมายทั่วโลก โดยจากที่มีแนวคิดอยู่ในตอนนี้ เราก็น่าจะพอได้เห็นถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ที่มันจะสามารถถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในรูปแบบใหม่ๆกันไปบ้างแล้ว
เรียกได้ว่าเราคงหนีเทรนด์ใหม่อันนี้ไม่พ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าต้องรอดูกันอีก ว่าอุปกรณ์แต่ละตัวนั้น จะช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถนำเอามาใช้ในชีวิตประจำได้ดีมากเพียงใด เพราะถ้าหากว่ามันกลายเป็นอุปกรณ์ชิ้นนึงที่รู้สึกอึดอัด เกะกะ เวลาใช้งานแล้วล่ะก็ อาจจะได้รับกระแสตอบรับเพียงไม่นานเท่าไหร่ ก็อาจกลายเป็นตำนวนของอุปกรณ์อีกครั้งไปในที่สุด
ที่มา: Forbes