เราได้เห็นหน้าตาของระบบ Windows Blue กันไปบ้างแล้วในช่วงอาทิตย์ก่อนหน้านี้ และก็ยังได้มีโอกาสเห็นฟีเจอร์ใหม่บางตัวของระบบอีกด้วย ซึ่งเจ้าตัวใหม่ก็มีการเพิ่มประสิทธิภาพของตัวระบบ, แก้ไขซ่อมแซมปัญหาต่างๆ และแม้แต่เพิ่มแอ็พฯใหม่ที่ใส่มาให้ในตัวระบบเลย แต่จุดเปลี่ยนสำคัญที่น่าสนใจที่สุดก็เห็นจะเป็นในเรื่องของหน้าตาระบบใหม่ Microsoft ได้เพิ่มระบบ Live Tile เข้าไปให้กับแผ่น Tile ที่มีขนาดเล็กด้วยจากที่ก่อนหน้านี้ไม่มี จะมีเฉพาะในแผ่น Tile ขนาดใหญ่เท่านั้น และยังได้เปลี่ยนวิธีการจัดเรียงแผ่น Tile เหล่านี้บนหน้า Start Screen ใหม่อีกด้วย ให้ใกล้เคียงกับระบบ Windows Phone มากขึ้น สามารถที่จะปรับเลือกขนาดแผ่น Tile สำหรับแต่ละแอ็พฯได้เลย ว่าจะเอาขนาดใหญ่, กลาง หรือว่าเล็ก แต่สำหรับเครื่องระบบ Desktop นั้นจะมีขนาดใหญ่พิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัวเลือก
ด้านตัวเลือกสีก็มีการอัพเดทเล็กน้อยด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยความสามารถในการเลือกสีจากเฉดสีใน sidebar ของหน้าจอ Start Screen แต่หน้าตาโดยรวมนั้นก็ยังคงเหมือนกันกับ Windows 8 ไม่แตกต่างกันมากนัก มาถึงด้านหน้าต่าง Snap View ที่สามารถนำเอาแอ็พฯมากกว่า 2 ตัว มาโชว์อยู่บ้านหน้าจอเดียวกันได้ เรียงกันโดยแบ่งพื้นให้เป็น 50 เปอร์เซ็นต์ต่อตัว แต่กับหน้าจอที่มีความละเอียดสูง สามารถที่จะนำเอาแอ็พฯมากสูงสุด 4 ตัว มาวางเรียงกันได้เลย สุดเปลี่ยนสำคัญๆนั้นก็อยู่ในการปรับตั้งค่าต่างๆของหน้า Start Screen ผู้ใช้สามารถที่จะเข้าถึงเครือข่ายใหม่และส่วนของแอ็พฯ ที่เป็นส่วนของการตัวเลือกเพิ่มเติมต่างๆที่ไม่มีอยู่ใน Windows 8 ระบบเครือข่ายก็จะช่วยให้คุณปิดเปิดการเชื่อมต่อ และเพิ่มการตั้งค่า VPN ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนฝั่งการตั้งค่าแอ็พฯใหม่นั้น ก็จะสามารถให้คุณดูได้ว่า แอ็พฯนั้นใช้พื้นที่ไปเท่าไหร่ และยังควบคุมการแจ้งเตือนต่างๆของตัวแอ็พฯได้
ตามมาด้วยบริการ SkyDrive ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นฟีเจอร์หลักสำหรับระบบ Window Blue ตัวนี้ ในการตั้งค่าใหม่ของตัวระบบ มีฟังชั่นสำหรับการสำรองข้อมูลของตัวอุปกรณ์ขึ้นไปบน SkyDrive ได้ และยังสามารถอัพโหลดรูปภาพหรือวิดีโอที่ถ่ายจากกล้องถ่ายในตัวเครื่องขึ้นไปไว้บน SkyDrive แบบอัตโนมัติได้ด้วย ซึ่งการพัฒนาการตั้งค่าต่างๆนั้นก็ยังคงไม่ได้เสร็จสมบูรณ์ ยังไม่แน่ใจตัวจริงที่จะเปิดตัวออกมานั้น จะมีการเพิ่มฟีเจอร์ให้กับ SkyDrive เข้าไปมากขนาดไหน แต่เท่าที่เห็นในตอนนี้ ก็เป็นที่แน่ชัดแล้ว ว่า Microsoft กำลังพยายามดันผู้ใช้งานเข้าไปสู่ระบบ Cloud ของตัวเองให้มากยิ่งขึ้น
ในด้านของเมนู Charm ก็มีการพัฒนาเพิ่มเติมด้วยเช่นเดียวกัน เริ่มตั้งแต่การ Share บน Charm สามารถที่จะถ่ายรูปหน้าจอของตัวเครื่องระหว่างที่กำลังใช้งานอยู่แล้วแชร์ออกไปได้อย่างง่ายดาย ถ้าคุณกำลังใช้งานแอ็พฯ Internet Explorer อยู่ ก็สามารถที่จะแชร์ลิงค์ของเว็บไซต์ที่ดูอยู่นั้นไปยังแอ็พฯอื่นๆได้เลย ในด้านเมนู Device มีการเพิ่มตัวเลือก Play มาใหม่ จะเป็นฟังชั่นที่เหมือนกันกับ PlayTo ที่มีอยู่เดิมใน Windows 7 และ Windows 8 ส่วนเมนู Search นั้นยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่เราคาดหวังว่ามันจะสามารถช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาสิ่งต่างๆได้จากตรงนี้เลย
ในด้านของแอ็พฯที่มีการเพิ่มขึ้นมาใหม่นั้น ก็เริ่มตั้งแต่ Alarms ที่เป็นแอ็พฯสำหรับตั้งเวลาปลุกตามชื่อตัวของมันเองเลย แล้วก็แอ็พฯ Sound Recorder ที่สามารถอันเสียงจากไมค์ของตัวเครื่องได้เลยไม่เสียเวลา ?นอกจากนั้นยังมีแอ็พฯเครื่องคิดเลข Caculator ที่ได้ทำการเพิ่มโหมดสำหรับนักวิทยาศาสตร์เข้ามาด้วยและตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับการแปลงค่าหน่วยน้ำหนัก, อุณหภูมิ, ค่าปริมาตรต่างๆ และอื่นๆอีกมากมาย ส่วนแอ็พฯตัวสุดท้ายที่มีการเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือ Movie Movements ที่ดูเหมือนจะเป็นแอ็พฯสำหรับมาแทนที่ Windows Movie Maker สำหรับเอาไว้ใช้เพิ่มตัวหนังสือต่างๆเข้าไปในวิดีโอ และมีตัวเลือกเพื่อ Export ออกมาใส่โฟลเดอร์ Pictues ทั้งหมดนี้ก็ยังถือว่าเป็นฟังชั่นพื้นฐานอยู่ แต่ก็คาดหวังอีกเช่นเดียวกันว่าจะมีฟังชั่นแบบจัดเต็มตอนที่ปล่อยตัวจริงออกมา
ทั้งหมดนี้ยังถือเป็นช่วงแรกของ Windows Blue เราอาจจะยังตัดสินอะไรไม่ได้มากนักว่ามันจะเป็นยังไง แต่จากเท่าที่ดู ก็พอจะเห็นแนวทางว่ามันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง สำหรับตัวระบบ Windows 8 ตัวนี้ และเห็นได้ชัดเจนอีกอย่าง นั่นก็คือ Microsoft ไม่ต้องการให้ผู้ใช้งานกระโดดข้ามเข้าไปใช้งาน Desktop Mode เลย เพราะฟีเจอร์ต่างๆที่ได้เพิ่มขึ้นมานี้ ต่างเรียกร้องความสนใจให้กับหน้า Start Screen แทบทั้งสิ้น และบริษัทเองก็พยายามพัฒนามันออกมาให้ดีอย่างเต็มที่ สำหรับเวอร์ชั่น Public Preview นั้น คาดว่าจะได้เห็นกันในเดือนหน้านี้ที่จะถึงนี้ ส่วนตัว Final Release ก็คงจะเป็นในช่วงปลายปี
ที่มา: The Verge