ก่อนอื่นค้องขอสวัสดีสัปดาห์สุดท้ายของปีกับผู้อ่านทุกๆท่านก่อนนะครับ ต้องขออภัยทุกท่านที่ไม่ได้เขียนบทความถึง 3 สัปดาห์ด้วยกัน อันเนื่องมาจากติดสอบครับ แต่ตอนนี้ผมกลับมาเขียนต่อแล้ว เรียกได้ว่าเขียนรับสัปดาห์สุดท้ายของปีกันเลยทีเดียว หลายๆท่านก็คงมีโครงการจะกลับบ้านหรือไปเที่ยวไหนๆกันแล้วใช่หรือเปล่าครับ ส่วนตัวผมก็คาดว่าจะเดินทางออกต่างจังหวัดเช่นเดียวกัน แต่ถึงจะอย่างไรก็ตามผมก็ยังกลับไม่ได้จนกว่าจะเขียนบทความนี้เสร็จครับ แฮะๆๆๆ
สำหรับ concept ของบทความก็เช่นเดิมนะครับ นั่นคือนำคำที่เราๆท่านๆพบเจอในชีวิตประจำวันมาอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น พยายามหลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิคทั้งหลาย อธิบายแบบบ้านๆเท่าที่จะทำได้ (-?-) ซึ่งในสัปดาห์นี้ ก็มีมา 4 คำนะครับ ชิวๆรับสัปดาห์สุดท้าย ^^? เริ่มกันเลยดีกว่ากับคำแรก
XMP
นี่คือชื่อของเทคโนโลยีของทางฝั่ง Intel โดยถ้าเป็นของค่ายอื่นๆก็จะใช้ชื่อที่ต่างๆกันไป อย่างเช่นของทาง AMD ก็จะใช้ชื่อว่า BEMP ถ้าฝั่ง NVIDIA ก็จะใช้ชื่อว่า EPP ครับ ซึ่งมีประโยชน์คือ ช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงาน พูดง่ายๆก็คือเป็นการ overclock นั่นเองครับ โดยหลักการของ XMP ก็คือ จะเพิ่มความเร็วโดยอิงจากความเร็วของ RAM เป็นหลัก โดยที่จะดูว่า RAM นั้นๆสามารถใช้งานได้ที่ความเร็วระดับใดที่จะทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด จากนั้นจึงทำการเพิ่มความเร็วของ CPU ตามไปให้อยู่ในระดับที่สมดุลกับความเร็วของ RAM ครับ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการ overclock ที่ค่อนข้างปลอดภัยพอสมควร เพราะระบบจะทำการจัดการให้ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของระบบเองด้วยนั่นเองครับ
SNR Margin
สำหรับคำนี้ หลายๆท่านจะต้องคุ้นเคยกันแน่นอนครับ โดยจะเห็นได้ตามอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบ network อย่างเช่น ADSL Router Modem ที่ใช้กันตามบ้านทั่วไปนั่นเอง ซึ่งคำว่า SNR ก็ย่อมาจาก Signal to Noise Ratio หรือแปลเป็นไทยง่ายๆก็คือ อัตราส่วนระหว่างสัญญาณต่อสัญญาณรบกวน (signal/noise)ซึ่งเจ้าสัญญาณที่ว่านั้นก็คือสัญญาณอินเตอร์เน็ตครับ โดยที่ยิ่งค่า SNR Margin ยิ่งมีค่ามากก็ยิ่งดี เพราะจะแสดงว่าค่าสัญญาณของเรามีค่ามากกว่าค่าของสัญญาณรบกวนนะครับ ส่วนวิธีที่จะเข้าไปดูค่านั้น ก็ต้องศึกษาจากคู่มือของตัว ADSL Router Modem แต่ละรุ่น ที่มีการแจกมาให้ตอนเราซื้อมาติดตั้งครับ เพราะแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อก็ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเหมือนกันในบางขั้นตอน ^^
WiMAX
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีแผนว่าจะนำมาใช้ในเมืองไทยนะครับ (แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอนานขนาดไหน) โดย WiMAX เนี่ยก็คือเครือข่ายไร้สาย โดยมีชื่อเต็มคือ Worldwide Interoprrability for Microwave Access ซึ่ง WiMAX นั้นก็มีจุดเด่นอยู่ที่ ความเร็วที่สูงสุดถึง 75 Mb/s ซึ่งเร็วกว่า 3G ที่เราๆท่านๆรอคอยอยู่ถึงร่วมๆ 30 เท่าเลยทีเดียว นอกจากนั้น WiMAX ยังมีระยะครอบคลุมที่ไกลอีกด้วย คือประมาณ 50 กิโลเมตร ซึ่งไกลกว่าระยะของ 3G อยู่ 10 เท่า !! และสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดีแม้ว่าจะมีสิ่งกีดขวางก็ตาม ทำให้เป็นเครือข่ายที่เหมาะจะใช้กับในพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือในชนบทที่สายโทรศัพท์ไม่สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึงได้เป็นอย่างดีครับ ก็ได้แต่หวังว่าประเทศเราจะมีความก้าวหน้าในด้านนี้กันโดยเร็วนะครับ อย่างน้อยมีไว้ก็ดีกว่าไม่มี และถึงแม้ตอนนี้จะยังคิดไม่ออกว่าจะมีแล้ว จะเอาไปทำอะไร แต่ก็ขอเถอะครับ ขอให้มีก่อน แล้วเดี๋ยวมันก็มีอะไรให้ท่าได้ทำ ได้ใช้กันไปเองละครับ
Light Peak
นี่ก็เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีการพูดถึงเป็นอย่างมากในปีนี้ที่กำลังจะผ่านไปนะครับ เจ้า Light Peak เนี่ยก็เป็นเทคโนโลยีของทางฝั่ง Intel เค้า อธิบายง่ายๆเลยว่า Light Peak ก็คือพอร์ตเชื่อมต่อที่มีความเร็วสูง โดยใช้หลักการการส่งแสงในการส่งข้อมูลนั่นเองครับ ซึ่งจะทำให้ได้ความเร็วสูงถึง 10 Gb/s เลยทีเดียว !! ซึ่งความเร็วที่สูงมากถึงขนาดนี้ ทำให้มีความคาดหมายว่า ต่อไปเราจะไม่จำเป็นต้องใช้สายเฉพาะมาเพื่อใช้งานแต่ละพอร์ตบนเครื่องอีกแล้ว เพราะเราสามารถใช้สาย Light Peak เพียงเส้นเดียวต่อเข้ากับทั้งระบบเลยก็เป็นได้ ซึ่งจะช่วยให้มีความสะดวกในการเชื่อมต่อ ไม่ต้องพกไปหลายสายให้รุงรังเวลาออกไปทำงานข้างนอก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรอไปก่อนนะครับ และที่สำคัญ เค้าว่ากันว่าเจ้า Light Peak เนี่ย จะเป็นเพชฌฆาตที่ออกมาฆ่า USB 3.0 เลยทีเดียวนะครับ ดังนั้นเราคงต้องติดตามชมกันต่อไป ว่าเราจะได้ใช้อะไรเป็นมาตรฐานในการเชื่อมต่อได้แบบ USB 2.0 ในปัจจุบัน รอดูกันครับ !!
และก็ถึงช่วงสุดท้ายของรายการกันแล้วนะครับ ไหนๆก็จะขึ้นปีใหม่แล้ว ผมก็ขอให้ทุกๆท่านมีความสุขในชีวิต ไม่ว่าจะในด้านใดๆก็ตามนะครับ ประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน ทุกๆสิ่งที่ท่านปรารถนา สิ่งใดที่เป็นเรื่องที่ไม่ดี ก็จงละทิ้ง ให้มันผ่านไปกับปีเก่า อย่าเอามันกลับมาคิด แต่จงนำมันมาเป็นบทเรียนในการดำเนินชีวิตดีกว่านะครับ และขอให้ทุกท่าโชคดีครับ สวัสดีปีใหม่ครับ ^^