ถึงเดือนสุดท้ายแห่งปีกันแล้วนะครับ เดือนแห่งการเสียเงิน ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าของขวัญ ค่าใช้จ่ายนู่นนี่มากมาย จนทำให้หลายๆท่านต้องคิดก่อนจ่ายให้ดี จ่ายเงินให้คุ้มค่ากับสิ่งที่จะได้มา และยังจะต้องได้ของที่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้รับอีกด้วย ดังนั้น ในวันนี้ทางเราจึงมีของที่น่าสนใจในช่วงท้ายปี 53 มาให้ท่านผู้อ่านได้นำไปพิจารณากันครับ
เริ่มที่ชิ้นแรกกับ Fitbit ครับ โดยเจ้า Fitbit นี้เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพร่างกายให้ดีอยู่เสมอๆ วิธีใช้ก็ง่ายๆครับ เพียงแค่หนีบมันไว้กับตัวเรา เช่นอาจจะหนีบไว้ที่กระเป๋ากางเกงก็ได้ จากนั้นเจ้า Fitbit จะทำการเก็บข้อมูลว่าเราได้ขยับตัวหรือเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง จากนั้นเราก็นำ Fitbit ไปเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์ เพื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูล จะได้ให้ผู้ใช้สามารถปรับปรุงรูปแบบการใช้ชีวิตได้ครับ
สนนราคาของ Fitbit ก็อยู่ที่ $99 (ประมาณ 3,000 บาท) ถ้าคุณห่วงใยใคร ก็ซื้อไปให้เค้าได้นะครับ เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณห่วงใยสุขภาพของเค้ามากแค่ไหน ^^
ชิ้นต่อมา หลายๆท่านอาจจะรู้จักแล้วก็ได้นะครับ นั่นคือ Kinect อุปกรณ์เสริมของ Xbox นั่นเอง ซึ่งหลักการก็คือจะใช้กล้องในการจับความเคลื่อนไหวของผู้เล่น ทำให้ตัวผู้เล่นได้ออกกำลังกายให้สัมพันธ์กับเกม
สนนราคาของ Kinect ก็อยู่ที่ $150 (ประมาณ 4,500 บาท) แต่ถ้าซื้อพร้อมกับ Xbox ก็จะอยู่ที่ราคา $299 (ประมาณ 9,000 บาท) ครับ
ชิ้นที่สาม ใครที่ใช้อุปกรณ์ที่จอเป็น Touch screen แบบ Capacitive แล้วจำเป็นจะต้องใส่ถุงมือจะต้องชอบแน่นอนครับ เพราะมันคือถุงมือ TouchTec Conductive Glove อธิบายง่ายๆก็คือมันคือถุงมือที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าจากร่างกายไปใช้กับจอ touchscreen ได้นั่นเอง ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่อยู่ในเขตหนาว แต่ถ้าจะเอามาใช้ในบ้านเรา คงจะเหมาะกับผู้ที่ต้องใส่ถุงมือตลอดเวลา เช่นคนที่ต้องใช้งานรถจักรยานยนต์บ่อยๆ ซึ่งเป็นผู้ใช้อุปกรณ์จอสัมผัส อย่างเช่น iPhone, iPad หรือโทรศัพท์มือถือรุ่นอื่นๆ
สนนราคาสำหรับถุงมือคู่นี้อยู่ที่ $200 (ประมาณ 6,000 บาท) เลยทีเดียว แพงใช่เล่นเลยนะนี่
ชิ้นที่สี่ หลายท่านจะต้องคุ้นเคยกันแน่นอนครับ นั่นคือ iPod Nano Gen 6 ครับ อุปกรณ์จากฝั่ง Apple ที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ไปมากชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งตัวมันนั้นมีหน้าที่ที่เหมาะสมที่สุดคือใช้ฟังเพลงนั่นเอง เนื่องด้วยขนาดจอที่เล็ก เหมาะแก่การใช้เป็นนาฬิกาข้อมือ จึงได้มีผู้ผลิตสายสำหรับใช้ iPod Nano เป็นนาฬิกาได้อีกด้วย ว้าววว น่าสนใจกว่าเดิมอีกนะครับ ^^?
สนนราคาสำหรับรุ่น 8GB อยู่ที่ $149 (ประมาณ 4,500 บาท) ส่วนรุ่น 16GB ก็อยู่ที่ $179 (ประมาณ 5,400 บาท) อ้อ !! แต่ราคานี้ไม่รวมสายนาฬิกานะครับ อันนั้นต้องซื้อแยกเองน่ะ
ชิ้นที่ห้าน่าจะเหมาะกับท่านที่ชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะพวก E-book ที่ในปัจจุบันมีอยู่อย่างมากมายนะครับ เพราะมันคือ Kindle จาก Amazon นั่นเอง ซึ่งตัว Kindle ก็มีข้อดีหลายประการ เช่น ความคมชัดของตัวหนังสือ แบตเตอรี่ที่อยู่ได้อย่างยาวนานเป็นเดือนๆต่อการชาร์จจนเต็ม 1 ครั้ง นอกจากนี้คุณยังสามารถดาวน์โหลดหนังสือออนไลน์ได้ เพียงแค่เชื่อมต่อ Kindle ของคุณเข้ากับ Wi-Fi หรือถ้าคุณเลือกซื้อรุ่น 3G ก็จะสะดวกขึ้นไปอีก เพราะคุณจะสามารถเชื่อมต่อสู่โลกอินเตอร์เน็ตได้แทบจะตลอดเวลากันเลยทีเดียว แต่ขอเน้นนะครับ ว่าขณะนี้ ยังมีขายแต่ประเภทจอขาว-ดำเท่านั้น จอสีต้องรออีกพักนึงนะครับ
สำหรับผู้ที่สนใจ ในรุ่น Wi-Fi ก็มีค่าตัวอยู่ที่ $139 (ประมาณ 4,200 บาท) ส่วนรุ่น 3G ก็อยู่ที่ $189 (ประมาณ 5,700 บาท)
ชิ้นที่หก น่าจะเป็นชิ้นที่ผู้ใช้ iPhone หลายๆคนอยากได้มาครอบครองอย่างแน่นอน นั่นคือ Mophie Juice Pack Air Case and Rechargeable Battery for the iPhone 4 เรียกง่ายๆก็คือเคสที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่นั่นเองครับ ซึ่งช่วยทำให้คณใช้งาน iPhone ได้ยาวนานขึ้น จะเล่นเกม จะโทรศัพท์ เล่นเน็ตก็สามารถทำได้มากขึ้น และที่สำคัญทางผู้ผลิตได้โฆษณาเอาไว้ว่าไม่มีปัญหาสัญญาณหายแน่นอนครับสำหรับเคสอันนี้ ^^
ส่วนราคาในรุ่นของ iPhone 4 ในช่วงลดราคาก็จะอยู่ที่ $59 (ประมาณ 1,800 บาท) ส่วนในรุ่น 3G นั้น จะอยู่ที่ $189 (ประมาณ 5,700 บาท) ซึ่งแพงกว่ากันมากเลยทีเดียว
ชิ้นที่เจ็ดกันแล้วนะครับ ซึ่งก็คือ Microvision ShowWX PicoP Projector มันก็คือเครื่องโปรเจกเตอร์ขนาดพกพานั่นเองครับ โดยขนาดของมันก็มีขนาดประมาณ 1 ฝ่ามือเท่านั้นเอง ส่วนวิธีการฉายภาพนั้นก็จะใช้เลเซอร์ในการฉายภาพจากอุปกรณ์ต่างๆ เช่น notebook, smartphone แม้กระทั่งกล้องถ่ายรูปขึ้นไปบนฉากครับ ส่วนภาพที่ได้ก็จะมีขนาด WVGA (848 x 480) นะครับ
ส่วนราคาของชิ้นนี้ก็อยู่ที่ $299 (ประมาณ 9,000 บาท)
มาถึงชิ้นสุดท้ายกันแล้วนะครับ นั่นก็คือ Philips Fidelio DS8500 Speaker Dock ซึ่งมันก็คือลำโพงที่ใช้ต่อกับอุปกรณ์พกพาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPod หรือแม้แต่อุปกรณ์อื่นๆก็สามารถต่อได้เช่นกันผ่านทาง AUX ครับ
ส่วนเรื่องเสียง Philips คงไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอนครับ
ค่าตัวของ DS8500 ก็อยู่ที่ $179 (ประมาณ 5,400 บาท) ครับ
ที่มา : Retrevo