สวัสดีครับ พบกันอีกเเล้วนะครับในบทความๆ รู้ดีๆ จาก Notebook4Game โดยวันนี้เราจะมาดูเรื่องการปรับกราฟฟิกภายในเกมกันว่า Setting ต่างๆ ภายในเกมนั้นมีอะไรกันบ้าง โดยวันนี้เราจะมาดู Setting ที่เห็นกันบ่อยๆ อย่าง Resolution, Texture Detail, Shadows, Shaders, Lightning, Anti-Aliasing, Texture Filtering, เเล้วก็ V-sync กันนะครับ ว่าเเต่ละอย่างมันคืออะไรเเล้วมีผลอย่างไรในเวลาเล่นเกมบ้าง
เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ เราไปดูกันเลยดีกว่าครับ
?
Resolution:
Resolution ก็คือขนาดจำนวนของพิกเซลในเวลาเล่นเกมครับ ซึ่งเป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้วครับว่ายิ่งขนาดใหญ่เท่าไหร่ภาพในเกมก็จะยิ่งมีความสวยแล้วละเอียดยิ่งขึ้น โดย Resolution นั้นจะเป็น Setting ที่จะกินพลังการ์ดจอหรือแรมการ์ดจอที่เยอะที่สุดอีกด้วย โดยเราควรปรับแค่พอประมาณหรือเต็มที่ๆ Native Resolution ใน Desktop เท่านั้นครับ แล้วถ้าใครมีปัญหาเล่นเกมกระตุกในเวลาเล่น ก็ควรลด Resolution ตั้งแต่แรกเริ่มก่อนเลยครับ เพราะมันมีผลกระทบกับ FPS มากที่สุด
?
?
Texture Detail:
Texture Detail คือรายละเอียดของพื้นผิวของสิ่งต่างๆ ในเกม ไม่ว่าจะเป็นหิน, กำแพง, หรือแม้กระทั้งพื้นดินก็ตาม พูดง่ายๆ ก็คือพื้นผิวของสัพสิ่งต่างๆ ในโลกของเกมนั้นเอง ซึ่งถ้าปรับให้สูงขึ้นภาพของพื้นผิวต่างๆ ภายในเกมก็จะมีความละเอียดมากขึ้นแล้วสามารถลดอาการ Blur ของพื้นผิวในการเล่นน้อยลงอีกด้วย แต่ก็เป็นอีกหนึ่ง Setting ที่กินพลังงานการ์ดจอสูงเช่นกัน
?
?
Shadows:
Shadows ก็คือรายละเอียดภายในเงาของเกมครับ ยิ่งปรับให้สูงขึ้นเท่าไหร่รายละเอียดภายในเงาในเกมก็จะยิ่งมีสูงขึ้นเท่านั้น โดยการเปิด Shadows ภายในเกมนั้นจะไม่ค่อยมีผลกระทบต่อ FPS เท่าไหร่นักสำหรับการ์ดจอระดับสูง แต่สำหรับคนที่มีการ์ดจอระดับกลางหรือต่ำก็ควรหลีกเลี้ยงหน่อยครับ
?
Shaders:
Shader ก็เหมือนกับความละเอียดภาครวมของรายละเอียดภายในเกม ซึ่งรวมไปถึงพื้นผิวกับเเสงในเกมด้วย โดยยิ่งปรับสูงขึ้นรายละเอียดเภายในเกมนั้นก็จะมีความละเอียดสูงขึ้นด้วย (สังเกตได้จากเงาในขาเก้าอี้ในภาพ) โดยส่วนใหญ่นั้น Setting Shader จะปรับได้ก็ต้องขึ้นอยู่กับรุ่นของการ์ดจอที่ใช้อยู่ด้วย โดยการ์ดจอบางตัวนั้นการปรับ Shader ให้สูงขึ้นนั้นอาจไม่มีผลอะไรเลย ซึ่งเกิดจากข้อกำหนดของ Shader ในการ์ดจอตัวนั้น
?
Lightning:
Lightning คือระบบแสงภายในเกมครับ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการปรับตัวแสงภายในตัวเกมนั้นให้มีความสวยงามยิ่งขึ้น โดย Setting ตัวนี้อาจไม่ค่อยมีให้เห็นภายในเกมทั่วๆ ไปสักเท่าไหร่นัก โดย Setting สำหรับ Lightning ภายในเกมที่มีให้เห็นกันบ่อยๆ ก็จะมี Bloom กับ HDR (High Dynamic Range) โดยสำหรับการ์ดจอระดับแรงๆ นั้นสามารถเปิด Setting ตัวนี้ได้อย่างไม่มีปัญหาเลยทีเดียว
?
Anti-Aliasing:
Anti-Aliasing แปลง่ายๆ เลยก็คือการลบลอยหยักของภาพภายในเกมครับ โดยจะสามารถลดการแตกของพิกเซลในเกมได้เมื่อเปิด Anti-Aliasing โดยยิ่งเปิดสูงเท่าไหร่ตัวเกมนั้นก็จะยิ่งสร้างซ้อนไว้เยอะเท่านั้น โดยเราสามารถปรับ Anti-Aliasing นั้นได้ตั้งแต่ x2 (2 เท่า) จนไปถึง x16 (16 เท่า) เลยทีเดียว ซึ่ง Anti-Aliasing นั้นถือเป็น Setting ที่กินทรัพยากรการ์ดจอไม่แพ้ Resolution เลยทีเดียว โดยไม่แนะนำให้เปิดสูงๆ ครับ เพราะถ้าเปิดสูงๆ นั้นอาจทำให้เกมเล่นไม่ได้เลยครับ
?
?
Texture Filtering:
Texture Filtering ก็คือความละเอียดของพื้นผิว Texture ในระยะไกลครับ โดย Setting สามเเบบที่มักจะเห็นในหัวข้อ Texture Filtering ก็จะมี Bilinear, Trilinear, แล้วก็ Anisotropic โดยเลียงตามลำดับความละเอียด ซึ่ง Anisotropic จะมีความละเอียดมากที่สุด (สังเกตได้จากในภาพ) ยิ่งปรับสูงขึ้นเท่าไหร่ความละเอียดของภาพในระยะไกลก็จะยิ่งละเอียดมากขึ้นเท่านั้นครับ
?
V-sync:
V-sync ถือเป็น Setting ที่ป้องกันการแตกของภาพ (สังเกตได้จากในรูป) โดย V-sync นั้นจะทำการล็อค FPS ของเกมให้ไม่สูงไปกับ Refresh Rate ของหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คเรา (ซึ่งปกติแล้ว V-Sync นั้นจะล็อค FPS อยู่ที่ 60, 30, หรือไม่ก็ 15 ขึ้นอยู่กับความแรงคอมพิวเตอร์ของเรา) ถ้าใครที่อยากเล่นเกมแล้วมีโน๊ตบุ๊คแรงๆ ที่เล่นเกม FPS 100+ แล้วไม่กลัวภาพจะแตกก็แนะนำให้ปิด V-sync ไปเลยครับ โดยเฉพาะการทำ Benchmark หรือการ Test ยิ่งแล้วใหญ่เลย
ท้ายสุดนี้ก็ขอขอบคุณคนที่อ่านบทความเล็กๆ น้อยๆ นี้มาจนจบนะครับ เเล้วหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่สงสัยเรื่อง Setting หลายๆ อย่างภายในเกม ใครที่ได้โน๊ตบุ๊คเเรงๆ จากในงาน Commart Thailand 2010 ที่ผ่านมาก็อย่าลืมปรับกราฟฟิกภายในเกมด้วยนะครับ จะได้ใช้โน๊ตบุ๊คของตัวตอนเวลาเล่นเกมอย่างเต็มประสิทธิภาพ อิอิ
ที่มา – Notebook Review
?
?