หากย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ชื่อยี่ห้อเครื่องคอมพิวเตอร์อย่าง Dell คงไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน ด้วยความที่เป็นแบรนด์เครื่องคอมพิวเตอร์อันดับหนึ่งในสมัยนั้น มีส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกกว่า 16 เปอร์เซ็นต์ แม้แต่การรวมตัวกันของคู่แข่งเบอร์ใหญ่อย่าง HP และ Compaq ก็ยังไม่เพียงพอที่จะโค่นล้ม Dell ลงได้ กลายเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างมากแห่งหนึ่งเลย ด้วยตัวเลขรายได้ระดับหลักแสนล้านเหรียญสหรัฐฯ มากพอที่ผู้ก่อตั้งอย่าง Michael Dell จะวางใจ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผู้อื่นเข้ามารับช่วงดูแลต่อแทน
แต่แล้วทุกอย่างก็แปรผัน ผลงานของ Dell ตกลงเรื่อยๆ แล้วแถมยังมีคู่แข่งที่ไล่บี้ขึ้นมาอย่างบ้าพลังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Acer, Asus, HP หรือ Lenovo จนเป็นที่มาของการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของ Dell ที่ได้ทำการขอซื้อหุ้นตัวเองคืนจากบรรดาเหล่าผู้ถือหุ้นทั้งหมด ไม่ได้เป็นการทำเพื่อปิดบริษัทแต่อย่างใด แต่เพื่อให้สามารถควบคุมแนวทางการดำเนินการของบริษัทได้ตามแนวที่ตัว Michael Dell เองต้องการ ซึ่งก็จะเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นไปเน้นทางด้านธุรกิจซอฟท์แวร์และเซอร์วิส คล้ายๆกับ IBM ที่ได้เปลี่ยนธุรกิจของตัวเองไปก่อนหน้านี้ หลังจากที่ได้ทำการขายแผนกเครื่อง PC สำหรับผู้บริโภคให้กับ Lenovo ไป
ส่วนสาเหตุในเรื่องที่ Dell จะทำเบนเข็มเป้าหมายใหม่ของบริษัทนี้ ก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ไม่ยาก เพราะถ้าหากลองนั่งพิจารณาถึงเรื่องตัวเลขยอดขาย และเทรนด์ที่กำลังเป็นไปอยู่ตอนนี้ของเครื่องคอมพิวเตอร์ สุดท้าย Dell เองก็เป็นคนพัง เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ได้รับความนิยม และมีความต้องการน้อยลงเรื่อยๆ ในขณะที่คู่แข่งเบอร์ใหญ่ๆอย่าง Lenovo ก็เรียกได้ว่าบ้าพลังสุด เป็นเพียงหนึ่งในสองเจ้าที่มีตัวเลขเติบโต ดังนั้นหนทางในการเปลี่ยนตัวเองนี้ ก็ดูน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ที่มา: TechCrunch