นับจากวันที่เริ่มเปิดตัว Windows 8 มานั้น ยอดจำหน่ายที่ทางไมโครซอฟท์คาดเอาไว้ก็ยังทำได้เพียงแค่เติบโตไปช้าๆ เท่านั้น ไม่เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างที่เคยเป็นมาใน Windows 7 และยอดจำหน่ายของ Microsoft Surface เองก็ไม่ได้หวือหวาจนน่าแปลกใจเท่าที่ควรจนทางไมโครซอฟท์เองก็ไม่ค่อยทึ่งอะไรกับยอดจำหน่ายที่เติบโตไปช้าๆ นี่เสียแล้ว จนสื่อต่างประเทศเองก็ไปสัมภาษณ์ Miss Tamil Reller ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของไมโครซอฟท์เกี่ยวกับมุมมองต่างๆ กับสินค้าด้วย
สิ่งแรกที่เธอกล่าวถึงนั้น คือความคล้ายคลึงกันของทั้ง Windows 8 กับ Surface เพราะในตอนแรกเป็นโปรเจคคู่กันมา ทำให้เมื่อนำออกวางจำหน่ายแล้ว ไม่สร้างความหวือหวามากเท่าที่ควรนัก และความคล้ายกันมากนี้ ทำให้ไม่ค่อยเกิดการเปลี่ยนแปลงนิสัยของผู้บริโภคมากนัก ต่อด้วยเรื่องการลดราคาจำหน่าย Windows 8 ผ่านการอัพเกรดโดยไม่ใส่ใจเรื่องมาร์จิ้นใดๆ ทั้งสิ้นในช่วงระยะหนึ่งที่ผ่านมานั้น ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นบ้าง โดยยอดขายรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้นแตะ 60 ล้านชุด และหากไม่ผิดไปจากที่คาดนั้น จะทำให้ยอดปริมาณของระบบปฏิบัติการ Windows 8 มีส่วนแบ่ง 11% ในยอดรวมทั้งหมดของระบบปฏิบัติการ Windows ที่วางตลาดเป็นต้นมา
ความเห็นหนึ่งของเธอที่เห็นว่าทำไมระบบปฏิบัติการ Windows 8 ไม่เติบโตอย่างที่ควรนั้น อาจจะเป็นเพราะความคุ้นชินกับระบบปฏิบัติการ Windows 7 ที่เป็นที่นิยมในตลาดและครองใจผู้ใช้ไปเรียบร้อยแล้วนั้น มีข้อเปรียบเทียบอีกอย่างหนึ่ง คือประสิทธิภาพในการทำงานระหว่าง Windows 7 กับ Windows 8 นั้นแทบไม่ต่างอะไรกันเท่าไหร่ ทำให้โอกาสการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่นั้นลดลงไปพอสมควร
วิธีการที่ทางไมโครซอฟท์และเธอเตรียมเอาไว้นั้น คือพยายามเข้ากับตลาดของ OEM ให้ได้ เพื่อที่จะจำหน่ายสินค้าของทางไมโครซอฟท์เองโดยผู้ใช้สามารถเลือกรับข้อเสนอของทางไมโครซอฟท์ได้ตามสมัครใจด้วย โดยจากวันแรกที่เริ่มเปิดตัวนั้น เครื่อง OEM ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 8 นั้น ยังมีอยู่น้อยแค่หลักพันเท่านั้น แต่พอในปัจจุบันแล้ว ปริมาณก็เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจากแต่ก่อน ซึ่งถ้าหากว่ายังรักษายอดเป้าหมายนี้เอาไว้ได้ ก็จะตรงตามเป้าหมายในไตรมาสนี้
สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่จะทำให้แผนนี้มีโอกาสเป็นไปได้มากกว่าเดิมนั้น คือต้องชูจุดขายหนึ่งของ Windows 8 เอง คือระบบสัมผัสที่ทำให้ผู้ใช้เพลิดเพลินกับระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่นี้มากยิ่งขึ้น สำหรับส่วนนี้ ทาง Intel เองก็เห็นสำคัญ และส่งเสริมโดยการตั้งมาตรฐานของ Ultrabook ที่จะผลิตออกมาในยุคถัดไปนั้น ต้องมีระบบจอสัมผัสติดตั้งมาให้เป็นฟังก์ชั่นพื้นฐานของตัวเครื่องด้วย เพราะว่าจากการวิจัยทดสอบแล้วนั้น หากว่าโน๊ตบุ๊คหรือ Ultrabook เครื่องไหนมีระบบจอสัมผัสแล้ว ผู้ใช้จะใช้เวลาในระบบ Windows Store มากขึ้น 4.5 เท่า และใช้ระบบ Charm Bar และการ Search ผ่านทาง Charm Bar มากยิ่งกว่าเดิม 2.5 เท่า จากปกติ และเพราะระบบสัมผัสนั้นกำลังเป็นที่นิยมในตลาดตอนนี้ด้วย จึงต้องมีฟีเจอร์ที่รองรับระบบสัมผัสมากยิ่งขึ้นอีก
สำหรับลูกค้ากลุ่มบริษัทการค้าหลายๆ แห่งนั้น ทางไมโครซอฟท์เห็นเข้าข่ายเป็นการอัพเกรดเวอร์ชั่นระบบปฏิบัติการให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ยิ่งขึ้น โดยเห็นเป็นมุมมองการเปลี่ยนจากใช้ Windows รุ่นก่อนหน้านี้มาเป็น Windows 7 และคาดว่าจะเปลี่ยนเป็น Windows 8 ต่อไปนั้น สาเหตุหนึ่งที่ทางไมโครซอฟท์เห็นเช่นนี้ เพราะกระแส BYOD (Bring Your Own Device) กำลังเริ่มต้น ซึ่งเห็นว่ากระแสนี้จะอิงการใช้แท็บเล็ตพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 8 เป็นหลัก และในปัจจุบัน มีแอพพลิเคชั่นรองรับการทำเช่นนี้แล้วด้วย
สำหรับ Surface ในตอนนี้นั้น ยังมียอดจำหน่ายที่ยังไม่สูงมาก แต่ว่าผลตอบรับกลับออกมาค่อนข้างดีจากผู้ใช้หลายๆ ราย สำหรับกลุ่มสินค้า Surface นั้นยังไม่สามารถคาดหวังยอดจำหน่ายสูงๆ ได้หากว่า Surface Pro ยังไม่วางจำหน่ายในตอนนี้ (ปัจจุบันมีแต่ Surface RT) การนำสินค้าวางตลาดในขณะที่ iPad เป็นเจ้าตลาดในปัจจุบันนี้ จึงยังไม่เป็นเวลาของไมโครซอฟท์ที่จะได้โกยยอดจำหน่ายเพิ่ม แต่สิ่งที่เป็นสัญญาณอันดีของทางไมโครซอฟท์นั้น คือแต่ละผู้จัดจำหน่ายมียอดสั่ง Surface RT เพื่อนำไปวางจำหน่ายในร้านของตนเองมากยิ่งขึ้น และนำวางจำหน่ายเมื่อไหร่ก็หมดลงในเวลาอันรวดเร็วนั้น ยังเป็นผลตอบรับที่ค่อนข้างน่าพอใจระดับหนึ่งด้วย ในตอนนี้ จึงต้องเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้มากยิ่งกว่าเดิม และเพิ่มปริมาณการผลิตเข้าไปอีก
มุมมองจากสื่อต่างประเทศกับระบบปฏิบัติการ Windows 8 นั้น คือการนำเข้าสู่ตลาดของทางไมโครซอฟท์ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้คนยอมรับระบบปฏิบัติการใหม่ของพวกเขา จะดีอย่างไรที่เอามันมาแทน Windows 7 ที่พวกเขาคุ้นชินกันแล้ว ซึ่งวิธีการใช้งานนั้น ทางไมโครซอฟท์ก็ได้สอนวิธีการใช้ในระดับหนึ่งแล้วด้วย แต่อาจจะไม่มากพอ ทำให้ส่วนใหญ่เมื่อซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ไปแล้วต้องใช้เวลาเรียนรู้เบื้องต้นจากผู้ขายราว 5 นาที ก่อนจะใช้งานได้ดีขึ้นกว่าเดิม และจากผลสำรวจต่อนั้น 75% ของผู้ใช้หาคำสั่ง Search เจอภายใน 2 สัปดาห์แรกหลังจากซื้อเครื่องไป
โดยกลุ่มผู้ใช้ที่เปลี่ยนมาเป็นระบบปฏิบัติการใหม่นั้น ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เรียนรู้วิธีการใช้มาก่อนที่จะใช้จริง และกลุ่มที่เรียนรู้วิธีการใช้โดยอาศัยประสบการณ์ใช้งานที่สั่งสมมาจากระบบปฏิบัติการรุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่ง Windows 8 เองก็เป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่ฉีกกรอบจากเดิมไปมาก แต่ว่ายังไม่มีใครสังเกตเห็นจุดนี้มากนัก รวมทั้งไมโครซอฟท์เองก็มั่นใจในวิธีการของพวกตนพอควรเช่นกัน ซึ่งเลือกที่จะให้ผู้ใช้ทดลองเผชิญหน้ากับระบบปฏิบัติการใหม่นี้ด้วยตัวเอง
จริงๆ แล้วในวันแรกที่ได้ทดลองใช้ Windows 8 นั้น ผู้เขียนก็รู้สึกว่าใช้งานยากอยู่เหมือนกัน เพราะว่าความไม่คุ้นกับหน้าตาที่แตกต่างไปจากเดิมจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก แต่ว่าวิธีการหนึ่งที่พบและเห็นว่าพอใช้การได้นั้น คือคิดว่ามันเป็นแท็บเล็ตเครื่องโตๆ สักเครื่องที่จอแตะสัมผัสไม่ได้ ต้องใช้เมาส์กับปุ่ม Windows ที่คีย์บอร์ดผสานกันทำงาน (หากว่าเป็นแบบจอไม่สัมผัส) และถ้าอยากให้ใช้งานได้ดี ก็ขอแนะนำให้เรียนรู้การใช้ Gesture Control หากว่าติดตั้งในโน๊ตบุ๊คหรือวิธีการกดคีย์ลัดก็จะช่วยได้ดีมาก
ที่มา : thenextweb