เกริ่นนำ
หลายคงคงจะคุ้นเคยกับชื่อ ThinkPad มาอย่างยาวนานแล้ว นับรวมตอนนี้ก็เป็นปีที่ 20 พอดีที่คอมพิวเตอร์ ThinkPad ได้กำเนิดขึ้นมา ซึ่งในปัจจุบันนี้ทาง Lenovo ที่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ชั้นนำของโลกได้ถือครองอยู่ แน่นอนว่าในเรื่องของความทนทาน ความแข็งแรง ความสเถียร และระบบความปลอดภัยในตัวของคอมพิวเตอร์ ThinkPad นั้น คนทั่วโลกต่างไว้วางใจตลอดมา ที่ในขณะนี้ Lenovo ได้ทำการส่งโน๊ตบุ๊ค ThinkPad รุ่นใหม่ออกมาที่ใช้ชื่อว่า Lenovo ThinkPad X1 Carbon ให้เราทั้งหลายได้ยลโฉมกัน โดยได้รับการต่อยอดมาจาก Lenovo ThinkPad X1 ตัวแรก ว่าแล้วก็ไปชมวีดีโอแนะนำกันก่อนเลย
Lenovo ThinkPad X1 Carbon?ถือได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาแนวนักธุรกิจตัวหนึ่งที่มีความน่าสนใจอย่างมากตั้งแต่ช่วงเปิดตัวแรกๆ กับ Ultrabook รูปร่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งเรียกความสนใจจากทุกสื่อทั่วโลก และชาวโน๊ตบุ๊คทั้งหลายได้ดีเลยทีเดียว เพราะว่ามันได้ถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุที่ถือว่ามีราคาต้นทุนที่สูงมาก อย่างคาร์บอนไฟเบอร์ ที่ปกติแล้วจะใช้กันวงการรถสปอร์ตหรู ซุปเปอร์ราคาระดับหลายสิบล้าน หรือไม่ก็เครื่องบินรบ
สำหรับในเรื่องของดีไซน์?Lenovo ThinkPad X1 Carbon จัดได้ว่ายังคงรูปลักษณ์ ThinkPad แบบเดิมไว้ได้อย่างลงตัว แต่โดยรวมนั้นก็ได้มีการพัฒนาต่อยอดให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้นอย่างสังเกตได้ กับการที่เป็น Ultrabook ขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ที่มาพร้อมกับความบางเพียง 18.85 มิลลิเมตร แถมน้ำหนักยังหนักเพียง 1.36 กิโลกรัมเท่านั้น เรียกได้ว่าเบามากๆ แบบเหลือเชื่อทีเดียว ที่ตรงจุดนี้คงต้องยกความดีความชอบให้กับวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ที่ให้ทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักเบาไปพร้อมๆ กัน อย่างที่หาวัสดุแทนที่ไม่ได้ในขณะนี้
สเปกภายในเครื่อง
Lenovo ThinkPad X1 Carbon?ตัวที่เราได้มาทดสอบนี้ ก็จะเป็นตัวสเป็กสูงสุด โดยในเมืองไทยเราก็จะมีมาขายทั้งหมดด้วยกัน 3 สเป็ก ซึ่งก็แล้วแต่ความต้องการของผู้ซื้อเลย ว่ามีกำลังงบมากแค่ไหน และต้องการใช้งานแรงแค่ไหน และจุแค่ไหน เพราะหลักๆแล้ว จะแตกต่างกันในเรื่องของตัว CPU ที่ใช้ จะมีด้วยกัน 2 ตัวคือ Core i5-3317U ความเร็ว 1.7GHz และ Core i7-3367U ความเร็ว 2.0GHz ส่วนอีกจุดก็จะเป็นขนาดของ SSD ที่มี 128GB และ 256GB
- Lenovo ThinkPad X1 Carbon : i7-3667U + SSD 256GB : 78,900 บาท
- Lenovo ThinkPad X1 Carbon : i5-3317U?+ SSD 256GB : 69,900 บาท
- Lenovo ThinkPad X1 Carbon :?i5-3317U?+ SSD 128GB : 63,900 บาท
ในส่วนของรายละเอียดเสปกอื่นๆ ก็จะเป็นโน๊ตบุ๊คประเภท Ultrabook ที่มีขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 1600 x 900 พิกเซล ที่ให้พื้นที่การทำงานมากกว่าโน๊ตบุ๊คขนาด 14 ทั่วไป ด้านกราฟิกจะเป็น Intel HD4000 ที่นิยมใช้กันใน Ultabook ที่เน้นในเรื่องของการประหยัดพลังงานแต่ยังให้ประสิทธิภาพที่ดีพอตัว นอกจากนี้ยังติดตั้ง USB 2.0 และ USB 3.0 มาอย่างละหนึ่งพอร์ตด้วยกัน ซึ่งในส่วนของการเชื่อมต่อการแสดงผลจะเป็น?Mini DisplayPort ที่ปกติแล้วเราจะเห็นกันบ่อยๆ ใน MacBook Pro, MacBook Air สุดท้ายยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 7 Professional 64bit ที่พร้อมอัพเดทเป็น Windows 8 Pro ได้ทันที และการรับประกันจาก Lenovo ถึง 3 ปีเต็มแบบบริการถึงบ้านอีกด้วยครับ
ตัวเครื่องและการออกแบบ?
ดีไซน์โดยรวมนั้นจัดได้ว่ามีความเป็น ThinkPad อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยสีสันแบบดำด้านที่ให้ผิวสัมผัสซอฟต์ทัชที่คุ้นเคยตามสไตล์ ThinkPad อีกทั้งจุดเด่นของเครื่องตัวนี้ แน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องของวัสดุ ที่ใช้เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ แต่จริงๆค่อนข้างยากที่จะสังเกตเห็นจากภายนอกได้ชัดเจน เพราะว่า Lenovo นั้นไม่ได้โชว์ลายพื้นผิววัสดุดั้งเดิมของคาร์บอนไฟเบอร์ให้เห็น แต่ว่าทำพื้นผิวให้เป็นแบบหนืดมือ เพื่อเวลาหยิบจับจะได้ไม่ลื่นไหลออกจากมือได้ง่าย เหมือนกับเครื่อง ThinkPad รุ่นก่อนๆ ที่ผ่านมา เรียกว่าให้ความเป็น ThinkPad ที่หรูหราดีทีเดียว ซึ่งก็ยังให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งและไว้ใจได้อยู่
นอกจากนั้นโครงสร้างภายในที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ใหม่นี้ ยังแข็งแกร่งกว่าโครงแบบแม็กนีเซียมเดิมถึงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และยังเบากว่าเกือบจะ 50 เปอร์เซ็นต์ในด้านน้ำหนัก ผลลัพธ์ก็คือ Lenovo ThinkPad?X1 Carbon?ตัวนี้ ได้ผ่านมาตรฐานการทดสอบ MIL ต่างๆ ด้วยกันถึง 8 มาตรฐาน ตั้งแต่ความชื้นสัมพัทธ์, อุณหภูมิต่ำ, อุณหภูมิสูง, อุณหภูมิที่รุนแรง, ทราย, ความสูง, การสั่นสะเทือน และการกระแทก
ที่มุมของฝาตัวเครื่องด้านบนนั้น ทางซ้ายจะเป็นโลโก้ยี่ห้อ Lenovo ที่จะหันหน้าเข้าหาตัวผู้ใช้ เมื่อเปิดฝาขึ้น ตัวหนังสือโลโก้นี้ก็จะกลายเป็นกลับหัว ส่วนทางด้านขวาก็จะเป็นป้ายตระกูล ThinkPad ที่เอียงองศาเล็กน้อย เอกลักษณ์แบบนี้มีใน ThinkPad จาก Lenovo ที่มีการส่งต่อมาจาก IBM อย่างของแท้แน่นอน
สำหรับป้ายตระกูล ThinkPad นั้น จะมีแปะเอาไว้ที่ทั้งด้านนอกตัวเครื่องบริเวณฝาบน ส่วนด้านในก็ยังคงใส่มาด้วยเช่นกัน บริเวณที่พักข้อมือ ที่ใส่ส่วนของพื้นผิวหากใครสังเกตุให้ดีจะพบกับเกรดขาวๆ ตามตัวเครื่องโดยรอบทั้งหมด ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโน๊ตบุ๊ค ThinkPad?
ที่ฝาบนของตัวเครื่อง นอกจากจะมีพวกโลโก้ยี่ห้อ และป้ายตระกูล ThinkPad ให้สังเกตเห็นได้เด่นชัดแล้ว ก็ยังมีไฟ LED บอกสถานะของแบตเตอรี่ และสถานะการ Sleep ของตัวเครื่องอีก 2 ดวง สามารถมองเห็นรู้ได้ทันที แม้ว่าจะไม่ได้เปิดฝาเครื่องขึ้นมาดู สำหรับอันนี้ก็ถือได้ว่าเป็นสไตล์การออกแบบของ ThinkPad เช่นกัน แถมยังสามารถใช้งานจริงได้อีกด้วย
ที่ขอบของตัวเครื่องก็ทำออกมาได้เรียบสวย ไม่มีปุ่มยางรองโดดออกมาให้สะดุดสายตาแต่อย่างใด ส่วนให้งานดูเนี๊ยบขึ้นมาก ส่วนกลางขอบหน้าจอด้านบนนั้น ก็จะเป็นตำแหน่งของกล้อง Webcam ความละเอียด 720p ที่มาพร้อมกับไมโครโฟนในการใช้คุยวิดีโอ และไฟบอกสถานะของตัวกล้อง
ภายในเมื่อเปิดฝาตัวเครื่องขึ้นมา เราก็จะพบกับแผงคีย์บอร์ดที่สังเกตเห็นได้เป็นอย่างแรก ตำแหน่งของปุ่มคีย์บอร์ดต่างๆ นั้น ก็เป็นแบบของ Lenovo ที่ใครเคยเห็นมาก่อน ด้วยดีไซน์ ThinkPad Smile Key?ก็จะทราบดีว่านี่คือสไตล์เอกลักษณ์ของ Lenovo ของปี 2012 นี้ แต่จุดเด่นจริงๆ น่าจะเป็นแทร็คพอยท์ ปุ่มกลมๆ แดงๆ กลางคีย์บอร์ด ที่ ThinkPad ของแท้ ต้องมีทุกตัว เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ขาดไม่ได้สำหรับโน๊ตบุ๊คตระกูลนี้ ที่ในส่วนของการใช้งานจริงทั้งคีย์บอร์ด?แทร็คพอยท์ และทัชแพดก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดี สมกับที่เป็นโน๊ตบุ๊ค ThinkPad ที่ผู้คนให้คำชื่นชมกับทั้งสองส่วนนี้เป็นดีอยู่แล้ว?
ส่วนทางด้านทัชแพดก็ดูเหมือนว่าวิศวกรจาก Lenovo จะมีการทำการบ้านมาใหม่ เพราะว่ามีการปรับปรุงใหม่หมดจดเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่ขนาดของแผ่นทัชแพดนี้ที่มหญ่กว่าเดิมถึงกว่า 37 เปอร์เซ็นต์ และยังเป็น ?คลิกแพด? ตัวจริง เพราะว่าไม่มีปุ่มอยู่ทางด้านล่างของตัวทัชแพด แต่ว่าเราสามารถกดลงไปที่ตัวแผ่นทัชแพดได้เลย และก็มาพร้อมกับการรองรับ มัลติ-เกสเจอร์ ในการสั่งงานแบบหลายนิ้วลงไปบนพื้นผิวของทัชแพด นอกจากนั้นประสิทธิภาพในความแม่นยำของตัวทัชแพดเองก็ได้รับการพัฒนาปรับปรุงด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยอัตราการส่งข้อมูลที่มากกว่าเดิมถึง 10 เท่า
ส่วนใช้งานจริงด้วยการวาดนิ้วลงไปบนแผ่นทัชแพดนั้น ต้องบอกว่านี่คือคำตอบที่เยี่ยมยอดที่สุดของ Lenovo ตั้งแต่ทำมาเลยทีเดียว เพราะทำมาได้ดีมาก เพราะลื่นต่อนิ้วมือเหมือนมีการทำผิวสัมผัสด้วยวัสดุที่ให้นิ้วเลื่อนไปมาได้โดยไม่มีอาการหนืดติด นอกจากนั้นไม่ว่าจะเป็นเสียงของปุ่มเวลาที่กดลงไป หรือว่าการป้องการริ้วรอยต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน ซึ่งถ้าทำได้ขนาดนี้ ก็หวังว่า Lenovo จะนำเอาทัชแพดตัวนี้ไปใช้กับทุกๆ เครื่องโน๊ตบุ๊คของตัวเองในอนาคตให้ครบทุกตัวเลย
ด้านบนเหนือคีย์บอร์ดบริเวณข้อพับ จะมีปุ่มเรียงรายอยู่ โดยเริ่มจากทางซ้ายที่จะเป็นปุ่มสำหรับปิดเสียงลำโพง ถัดมาจะเป็นปุ่มคู่สำหรับเพิ่มลดระดับเสียง ติดกันก็จะเป็นปุ่มสำหรับปิดเสียงจากไมโครโฟน โดยที่ปุ่มสำหรับปิดเสียงลำโพงและไมโครโฟนนั้น จะมีไฟติดขึ้นมา เมื่อเราทำการปิดเสียงเอาไว้ด้วย เพื่อที่จะได้สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนปุ่มยาวๆ รูปร่างหน้าตาแปลกๆถัดมานั้น จะเป็นปุ่มสำหรับเรียกโปรแกรม ThinkVantage ขึ้นมา สำหรับช่วยเหลือผู้ใช้งาน และกู้ข้อมูลกลับมา ส่วนทางด้านขวาก็จะเป็นปุ่มสำหรับเปิด/ปิดเครื่องนั่นเอง โดยจะมีไฟสีเหลืองคอยบอกสถานะ
ส่วนพื้นที่ตรงกลางระหว่างปุ่มพิเศษด้านบนเหนือคีย์บอร์ดนี้ ก็จะเป็นช่องที่มีการใส่ไฟสถานะ ให้เรืองลอดขึ้นมา เวลาที่เราเปิดการทำงานชิ้นส่วนต่างๆภายในตัวเครื่อง ยกตัวอย่างเช่นเปิดการทำงานของสัญญาณ WiFi หรือว่าฮาร์ดดิสก์มีการโหลดข้อมูล เรียกได้ว่าเรียบง่ายแต่หรูหราดีจริงๆ
ใครซื้อเครื่องแปะชื่อรุ่นว่า ThinkPad แต่ว่าพอเปิดคีย์บอร์ดขึ้นมาดูแล้ว ไม่มีปุ่มแดงๆ ตรงกลางคีย์บอร์ดล่ะก็ แสดงว่านั่นเป็น ThinkPad ปลอมอย่างแน่นอน เพราะเจ้าปุ่มแดงนี้ คือสัญลักษณ์ของเครื่องตระกูล ThinkPad ที่ทุกเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ต่างต้องมีด้วยกันทั้งนั้น ส่วนปุ่มคีย์บอร์ดก็จะเป็นสไตล์ที่ Lenovo เรียกว่า ThinkPad Smile Key??ที่บอกว่าช่วยให้การพิมพ์ทำได้แม่นยำขึ้น ด้วยการออกแบบส่วนขอบด้านล่างของปุ่มให้โค้ง รองรับนิ้วที่กดลงไปได้ดีขึ้น และในรุ่นนี้ก็มาพร้อมกับแสงส่องสว่าง Backlit ที่ด้านล่าง เห็นได้ชัดเจน ที่จัดได้ว่ามีความแตกต่างจาก ThinkPad รุ่นอื่นๆ ที่ปกติแล้วจะมีไฟส่องสว่างลงมาจากด้านบน หากใครใช้ ThinkPad กันมาก่อนคงจะนึกออกอย่างแน่นอน
เลื่อนลงมาทางด้านล่างตรงบริเวณ ที่วางข้อมือ ด้านซ้ายจะเป็นสติ๊กเกอร์บอกว่าใช้ระบบ Windows 7 และชิป Intel Core i7 ตามสไตล์โน๊ตบุ๊คทั่วไป ส่วนทางด้านขวาก็จะเป็นสัญลักษณ์ตระกูล ThinkPad และตัวอ่านลายนิ้วมือ ในแบบเครื่องโน๊ตบุ๊คสำหรับงานธุรกิจ ที่เรียกได้ว่า?Lenovo ThinkPad X1 Carbon เป็น Ultrabook รุ่นแรกๆ ที่มาพร้อมกับตัวอ่านลายนิ้วมือ ที่ปกติแล้วมักใช้กันในกลุ่มองค์กร
ตัวเครื่องสามารถที่จะกางออกไปได้องศาที่กว้างมาก แถบจะเป็น 180 องศาเลยทีเดียว สะดวกในการปรับมุมให้มองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนที่สุด ซึ่งส่วนนี้ก็จัดได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ติดตั้งของ ThinkPad มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
สำหรับด้านล่างใต้ตัวเครื่อง จะมีช่องให้เห็นไม่มากนัก เริ่มจากช่องตระแกรงที่บริเวณขวาบนของตัวเครื่องก่อนเลย จะเป็นช่องสำหรับการระบายอากาศ ถ่ายเทความร้อนภายใน โดยจะเชื่อมต่อกับช่องระบายความร้านที่ด้านข้าง
ส่วนช่องที่เป็นเส้นยาวๆทั้งซ้ายและด้านขวาของตัวเครื่องนั้น จะเป็นช่องของลำโพง ที่ใช้หลักการยิงเสียงลงที่พื้น แล้วสะท้อนกลับขึ้นมาที่ผู้ใช้ อีกทั้งยังมีระบบเสียง Dolby? Home Theater? v4?ซึ่งจะให้มิติของเสียงได้ดีกว่าปกติ โดยในการทดสอบก็พบว่าลำโพงจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดังและมีคุณภาพพอสมควรทีเดียว
บริเวณตรงกลางด้านหลังตัวเครื่อง Lenovo ThinkPad X1 Carbon?จะมีช่องใส่ซิมการ์ดสำหรับเครื่อข่ายมือถือที่รองรับสัญญาณ 3G (Ericsson H5321gw Mobile Broadband Module) โดยมีฝายางปิดเอาไว้กันการ์ดเลื่อนหลุด และฝุ่นภายนอก เพื่อใช้สำหรับต่ออินเตอร์เน็ตเวลาที่อยู่ข้างนอกได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีแอร์การ์ด ทำให้สะดวกสบาายมากๆ เมื่อเรานำไปใช้งานนอกสถานที่ที่ไม่มีสัญญาณ WiFi เชื่อมต่อ เราก็สามารถเชื่อมต่อด้วยสัญญาณ 3G ได้ทันที ซึ่งก็เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่ Ultrabook รุ่นอื่นๆ ในท้องตลาดไม่สามารถทำได้
ทางด้านซ้ายของตัวเครื่องก็จะมีช่องต่อสายไฟกับเพาเวอร์อแด็ปเตอร์ ที่จะเป็นหัวต่อแบบใหม่ ดีไซน์ให้ออกเป็นทรงสี่เหลี่ยมเพื่อความบางของตัวเครื่อง ติดกับช่องระบายอากาศ และมี ช่อง USB แบบ 2.0 ที่สามารถจ่ายไฟได้แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเครื่อง สำหรับเอาไว้ชาร์จอุปกรณ์พกพาต่างๆ อย่างสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต และสวิทช์ปิด/เปิด WiFi
ซึ่งความพิเศษของหัวสายชาร์จของ X1 Carbon รุ่นนี้ ถือว่าเป็นจุดเด่นมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ Lenovo หันมาใช้หัวแบบทรงแบนเหลี่ยม จากที่ก่อนหน้านี้จะเป็นหัวแบบทรงกลม โดยสาเหตุหลักนั้นก็น่าจะเกี่ยวเนื่องกับการออกแบบตัวเครื่องให้บางลงมากกว่าเดิม อีกทั้งยังช่วยให้มีความแข็งแรงและทนทานอีกด้วย
ส่วนทางด้านขวาก็จะมีช่องอ่านการ์ดแบบ SD ที่รองรับการใช้งานไปถึงแบบ SDXC, ช่องต่อหูฟัง ช่อง Mini DisplayPort สำหรับแปลงไปต่อกับจอหรือโปรเจ็คเตอร์ภายนอก USB 3.0 ที่พลาสติกภายในจะใช้เป็นสีเท่า และช่องล็อค Kensington ซึ่งสำหรับข้อสังเกตก็คือไม่มีพอร์ต VGA มาให้แต่อย่างใด (ในองค์กรนิยมใช้พอร์ตนี้) ทำให้เวลาใช้งานต้องแปลงจาก?Mini DisplayPort ด้วยตัวแปลงเป็นหลัก
เมื่อเอามาเทียบกับกล่อง DVD ยอดฮิต ที่ NBS เราใช้ประกอบรีวิวกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม เห็นได้ชัดเจนว่าขนาดส่วนที่หนาที่สุด ก็บางเท่าๆกันกับความหนาของตัวกล่องเลย สมกับที่เป็น Ultrabook ที่น่าจับตามอง
ขนาดของตัวเครื่อง และสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดนิตยสาร ก็ใหญ่มาทางด้านยาวกว่าอีกเล็กน้อย ส่วนความกว้างนั้นก็จะพอๆกับความกว้างของนิตยสารเลย เรียกได้ว่าเป็นไปตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วครับ
น้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น ช่างได้ที่ 1.3 กิโลกรัมกว่าๆ (ตามเสปกคือ 1.36 กิโลกรัม) และเมื่อรวมกับตัวก้อนอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะเป็น 1.75 กิโลกรัม เรียกได้ว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ
ทดสอบโปรแกรม
ทีนี้ก็มาดูในเรื่องซอฟท์แวร์กันบ้าง
ตัวเครื่องก็มาพร้อมกับซอฟท์แวร์เฉพาะจาก Lenovo ที่ช่วยให้การใช้งานต่างๆ สามารถทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น พร้อมกับซอฟท์แวร์ในการตรวจสอบ บำรุงรักษา และแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่่างภาพตัวอย่างด้านบน ก็จะเป็นโปรแกรม Access Connection ที่จะแสดงรายละเอียดการเชื่อมต่อไร้สายต่างๆของเครื่อง พร้อมแสดงข้อมูลที่จำเป็นที่ด้านล่างตรง task bar ให้เห็นชัดเจน ซึ่งได้เรียกว่าเป็นอีกจุดแข็งหนึ่งของ ThinkPad ที่มาอย่างยาวนาน และผู้คนต่างการยอมรับเป็นอย่างดีทีเดียว
นอกจากนี้ในตัวของ Lenovo ThinkPad X1 Carbon ยังมีหน้าโปรแกรม ThinkVantage ที่เป็นเหมือนศูนย์ทุกๆ อย่างในเครื่องจาก Lenovo สามารถเรียกได้จากปุ่มพิเศษที่อยู่เหนือคีย์บอร์ดได้เลย โดยจะเป็นการรววบรวมโปรแกรมต่างๆ ที่มีความน่าสนใจหรือใช้งานบ่อยๆ อาทิ Facebook, Youtube, Gmail เป็นต้น
Windows Score
ผลทดสอบคะแนน เริ่มจากตัวระบบ Windows กันก่อนเลย ที่ทำได้ 5.8 คะแนน ตัวที่รั้งคะแนนเอาไว้นั้น ก็แน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องของกราฟิก ที่เป็นแบบฝังรวมมากับชิปประมวลผลของ Intel อย่าง HD4000 เอง และแรมภายในที่ให้มาเพียง 4GB แต่โดยแล้วคะแนนของตัวซีพียูและฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ก็ทำออกมาได้สูงพอสมควร
CPU-Z
ซีพียูเป็น Intel Core i7-3667U แบบประหยัดพลังงาน มี Core 2 ตัว พร้อมกับ thread ทั้งหมด 4 thread วิ่งที่ความเร็ว 2.0GHz เมื่อจับเอาไปเทียบกับตัวก่อนหน้าใน X1 จะใช้เป็น Core i5-2520M แบบ dual-core เหมือนกัน วิ่งที่ความเร็ว 2.5GHz
Hyper PI
ทำเวลาออกมาได้ดีในระดับที่ควรจะเป็น สำหรับชิป i7-3667U ตัวนี้ ซึ่งก็เป็นชิปแบบประหยัดพลังงาน เอาไปใช้ทำงานเหลือๆ ไม่มีปัญหา
CINEBENCH R 11.5
มาต่อกันที่ Cinebench ที่ขาดไปไม่ได้อีกหนึ่งโปรแกรม คะแนนที่ออกมานั้น ก็ได้อยู่ระดับเดียวกับคู่แข่งตัวเป้งทั้งหลาย และเมื่อเอาเปรียบเทียบกับ X1 ก่อนหน้า ในแง่ของ CPU เพียวๆนั้น ประสิทธิภาพก็ถือว่าพอๆกัน ไม่ได้แตกต่างกันมากมายจนเห็นผลแบบก้าวกระโดดชัดเจน แต่เรื่องที่น่าจะทำออกมาได้ดีกว่า ก็จะเป็นเรื่องรหัสชิปที่ลงท้ายด้วย U ซึ่งเป็นแบบประหยัดพลังงาน
LinX
อีกหนึ่งโปรแกรมสำหรับทดสอบประสิทธิภาพของชิป CPU กับ LinX ผลก็ออกมาอย่างที่เห็น
?PCMark 7
คะแนนอยู่ในระดับสูสีกับเครื่อง Ultrabook ระดับเดียวกันรุ่นอื่นๆ ไม่ได้แรงโดดเด่นเกินหน้าเกินตาอะไร ถ้าไม่ได้เป็นคนบ้าพลังอะไรเป็นทุนเดิม ตัวเลขการทำงานจากการวัดผลจากโปรแกรมก็ไม่่น่าจะใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องคำนึงถึงมากนัก
Performance Test
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ??
ไม่แตกต่างจากผลทดสอบของ PCMark 7 ที่อยู่ในระดับพอๆกับเครื่องรุ่นที่เป็นคู่แข่งต่างๆ ทุกอย่างทำงานได้เป็นอย่างดี ไม่มีปัญหาติดขัดจากการใช้งานใดๆ ให้เห็น
GPU-Z
ชิปกราฟฟิก Intel HD Graphics 4000 ตัวเดิมที่คุ้นเคย น่าจะเห็นกันจนเบื่อกันแล้ว แต่ก็อย่างว่า สำหรับเครื่องตระกูล Ultrabook แบบนี้ ไม่น่าจะหนีเจ้าชิปตัวนี้พ้นไปไหน เพราะอย่างประสิทธิภาพมันก็สามารถทำได้ในระดับที่เพียงพอต่อการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ครอบคลุมไปถึงความบันเทิงอย่างการเอาไปดูภาพยนตร์ความละเอียดสูงแบบ HD ด้วย
3DMark06 & 11
แน่นอนว่ามันเอาไปเล่นเกมได้ แต่คงไม่แนะนำให้เป็นเกมกล่อง 3D แรงๆ แบบสมจริงสมจัง ที่มีขายอยู่มากมายในท้องตลาด แนะนำว่าเกมออนไลน์ที่ไม่มีกราฟิกหนักมาก หรือไม่ก็พวกเกมแนว casual จะดีกว่า
HD Tune Pro
ตัวเลขของ SSD ใน X1 Carbon ตัวนี้ ก็ถือว่าแรงใช้งานได้เห็นผลทันตา แต่ถ้าเกิดเทียบกับคู่แข่งตัวจี๊ดที่เราเพิ่งจะได้รีวิวไปก่อนหน้าอย่าง S5 แล้ว ดูเหมือนจะตามคู่แข่งอยู่ครึ่งช่วงตัว แต่จากการลองใช้งานจริง นี่ก็ถือว่าแรงเพียงพอแล้ว ด้วยจุดประสงค์การออกแบบของตัวเครื่อง ที่ทำออกมาเพื่อรองรับ ไม่ได้ทำออกมาให้ต้องเอานั่งตัดต่อวิดีโอ หรือนั่งเล่นเกม 3D กราฟิกสุดอลังการ
CrystalDiskMark 3.0.1
ผลทดสอบก็ไม่แตกต่างจาก HD Tune Pro เท่าไหร่ อยู่ในระดับ 4xx กว่า เมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับ X1 ตัวก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าทำได้ดีกว่า 4 เท่าเลยทีเดียว แต่ก็อย่างว่า ด้วยความที่อุปกรณ์ในการเก็บข้อมูลเป็นคนละแบบกัน ของ X1 เดิมนั้นจะเป็นฮาร์ดดิสก์ HDD ปกติ ในขณะที่เครื่อง X1 Carbon นั้นจะหันมาใช้ SSD ตามมาตรฐานของเครื่อง Ultrabook แล้ว จัดได้ว่าความเร็วของ SSD ภายในน่าประทับใจทีเดียว
AS SSD Benchmark
ปิดท้ายด้วยโปรแกรมทดสอบ SSD อีกตัว ผลก็ไม่ได้หนีจาก 2 โปรแกรมแรกไปไหน เป็นอันว่าคอนเฟิร์มได้ ว่าความเร็วแรงในการเขียนอ่านข้อมูลของ?Lenovo ThinkPad X1 Carbon นั้น สูงพอตัว
สรุปปิดท้ายรีวิว
ThinkPad X1 Carbon จาก Lenovo ตัวนี้เก็บทุกความเยี่ยมยอดจากเครื่องรุ่นก่อนหน้าอย่าง X1 มาเกือบหมดทุกอย่าง เอามาผสมกับเทคโนโลยีล่าสุดเข้าไป พร้อมกับความเป็น Ultrabook จาก Intel เข้าไปอีก ทำให้มันกลายเป็นเครื่อง Ultrabook สำหรับการทำงานด้านธุรกิจได้อย่างเต็มที่ แม้ว่ามืออาชีพหลายๆ คนที่ชื่นชอบเครื่องโน๊ตบุ๊คที่บางเบาอาจจะหันไปเลือกใช้งาน ThinkPad X230 แต่ X1 Carbon ตัวนี้ ก็จะเป็นตัวเลือกเสริมเพิ่มเติมที่จะออกมาทางสไตล์อ่อนนุ่มมากขึ้น มาพร้อมความเรียบง่ายแบบสุภาพ เป็นโน๊ตบุ๊คที่ดูดีเหมาะกับคนทำงานด้านการขายที่ต้องคล่องตัว หรือระดับผู้บริหารที่ไม่ต้องการเครื่องโน๊ตบุ๊คอารมณ์กล่องสี่เหลี่ยมแบบเดิมๆ
Lenovo ThinkPad X1 Carbon?นี่คือเครื่องโน๊ตบุ๊คบางเบาประเภท Ultrabook ที่น่าใช้มากที่สุดตัวหนึ่งเลยทีเดียว ความรู้สึกจากการใช้งานก็ยอดเยี่ยม การพิมพ์ การใช้นิ้วเลื่อนทัชแพดต่างๆ ทำได้อย่างสะดวกคล่องตัว ไม่ติดขัด ด้านวัสดุจับแล้วให้ความรู้สึกหรูหรา ดูเป็นมืออาชีพ ไม่เสียแรงที่ลงทุนใช้คาร์บอนไฟเบอร์มาทำเป็นตัวเครื่อง เพราะให้สัมผัสเบาเหมือนกับที่เราจับเครื่องทั่วๆ ไปที่ใช้พลาสติกหรืออะลูมิเนียมอย่างที่เจ้าอื่นๆ ใช้กัน แต่ความแข็งของมันอยู่ในระดับที่มากกว่าปกติทั่วๆไป ส่วนผิวสัมผัสนั้นก็จะเป็นแบบด้าน ซอฟต์ทัชสไตล์แบบ ThinkPad เมื่อเปรียบเทียบกับตัว X1 ตัวแรก แน่นอนว่า X1 Carbon ตัวนี้ทำได้ดีกว่าเดิมเยอะ?แต่ถ้ามองในมุมเปรียบเทียบกับคู่แข่งในด้านสเป็กและความแรงสุดกู่ อาจจะค่อนข้างน้อยกว่า แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาในการเอาไปใช้งานในด้านการทำงานเลย?
ใครที่กำลังมองหาเครื่องโน๊ตบุ๊คเอามาใช้ทำงาน และเน้นความบางเบาที่มาพร้อมกับความแข็งแรงเป็นพิเศษล่ะก็ น่าจะชอบ X1 Carbon ตัวนี้แน่นอน แต่ถ้าหากว่าจะติดอุปสรรคสักเรื่อง ก็เห็นจะมีแค่เรื่องของราคาค่าตัวเท่านั้น ที่ราคารุ่นสเป็กเบาสุดเริ่มต้น ก็อยู่ที่ระดับหกหมื่นบาทแล้ว จะจับจองมาเป็นเจ้าของได้ ที่ในส่วนของราคาที่สูงกว่า Ultrabook เจ้าอื่นๆ ก็น่าจะมาวัสดุที่ใช้ประกอบ พร้อมการรับประกันแบบถึงบ้าน 3 ?ปีด้วยกัน ใครอยากได้จริงๆ ก็อาจจะต้องเก็บเงินเก็บทองกันสักหน่อย
เอาว่าถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา?Lenovo ThinkPad X1 Carbon?ตัวนี้ก็ถือเป็นเครื่อง Ultrabook สำหรับการเอาไปใช้งานด้านธุรกิจที่ดีที่สุดที่มีในตลาดตอนนี้แล้ว ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบเครื่อโน๊ตบุ๊คที่โฉบเฉี่ยวดูดี แล้วยังมาพร้อมกับประสิทธิภาพมาตรฐานสำหรับงานด้านธุรกิจของคุณ X1 Carbon ตัวนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสุดแล้วในเวลานี้เลยครับ
จุดเด่น
- วัสดุชั้นดี คาร์บอนไฟเบอร์ ให้ความแข็งแกร่ง งานประกอบดีเยี่ยม
- ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมจัดได้ว่าดีเยี่ยม
- เปิดเครื่องหรือตื่นจากโหมด Sleep และเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้อย่างรวดเร็ว
- เป็น Ultrabook ขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ที่มีความบางและเบาที่สุด
- หน้าจอแบบด้านลดแสงสะท้อนได้ดี
- องศาของหน้าจอสามารถกางได้กว้างถึง 180 องศา
- คียืบอร์ด,?แทร็คพอยท์ และทัชแพด สามารถตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม
- ผ่านมาตรฐานการทดสอบ MIL ต่างๆ ด้วยกันถึง 8 มาตรฐาน อาทิ ชื้นสัมพัทธ์, อุณหภูมิต่ำ, อุณหภูมิสูง, ความสูง, และการกระแทก ฯลฯ
- มีช่องใส่ซิมการ์ดในตัว สามารถต่ออินเตอร์เน็ตจากที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่ง Air Card
ข้อสังเกต
- เป็น Ultrabook ที่มีราคาค่อนข้างสูงกว่า Ultrabook รุ่นอื่นๆ
- ไม่มีแบตเตอรี่เสริม และถอดเปลี่ยนเองไม่ได้ ตามสไตล์ Ultrabook
- ไม่มี Docking Station มารองรับเหมือน ThinkPad รุ่นอื่นๆ
- ติดตั้งแรมมาเพียง 4GB และไม่สามารถอัพเกรดเพิ่มได้เอง
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง?Lenovo ThinkPad X1 Carbon?ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ThinkPad มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Lenovo ThinkPad X1 Carbon?ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์นักธุรกิจ ?ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว แถมในตัวนี้ยังมีความบางแบบที่ ThinkPad ไม่เคยมีมาก่อนอีกด้วย
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของ ThinkPad X Series?อยู่เช่นเดิม ทั้งในความบางเพียง 18.85 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.36 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะมีปัญหาอีกด้วย เพราะระบบไม่ได้ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 2 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กัยคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ?
Best Durability
โครงสร้างภายในที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์นี้ ยังมีความแข็งแกร่งกว่าโครงแบบแม็กนีเซียมเดิมถึงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และยังเบากว่าเกือบจะ 50 เปอร์เซ็นต์ในด้านน้ำหนัก ผลลัพธ์ก็คือ Lenovo ThinkPad?X1 Carbon?ตัวนี้ ได้ผ่านมาตรฐานการทดสอบ MIL ต่างๆ ด้วยกันถึง 8 มาตรฐาน ตั้งแต่ความชื้นสัมพัทธ์, อุณหภูมิต่ำ, อุณหภูมิสูง, อุณหภูมิที่รุนแรง, ทราย, ความสูง, การสั่นสะเทือน และการกระแทก ฉะนั้นในเรื่องของความทนทานล่ะก็ หายห่วงไปเลยสำหรับตัวนี้
Best Ultrabook
และด้วยข้อดีข้อเด่นทั้งหมดทั้งมวลนี้?Lenovo ThinkPad?X1 Carbon ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอด Ultrabook ของปี 2012 นี้ ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ความทนทานที่หา Ultrabook เครื่องอื่นๆ มาเทียบไม่ได้ ประกอบกับคุณสมบัติในการตอบสนองการทำงานที่ครบถ้วน เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกอะไรนักที่?Lenovo ThinkPad?X1 Carbon ?จะได้รับ Award ประเภท Best Ultrabook ไปครับ?
ขอขอบคุณ?Lenovo?สำหรับตัวเครื่องในการทดสอบ