โปรแกรม Super PI คือการคำนวณค่า PI จาก เส้นรอบวง (กลม)/เส้นผ่านศูนย์กลาง จะได้เป็นค่า 3.14? โดยที่ทศนิยมนั้น เป็นเลขที่ไม่ลงตัวที่มีค่าอนันต์ (เลขหลังทศนิยมไม่มี Loop ซ้ำ) ดังนั้นเมื่อ Loop มันเป็นค่าอนันต์ เครื่องคอมพิวเตอร์จึงไม่สามารถหยุดการคำนวณค่าได้ถ้าไม่สั่งให้มันหยุด ในโปรแกรม Super PI จะทำการกำหนดเอาไว้ว่า ให้คำนวณค่าที่จุดสิ้นสุดตรงไหน (เช่น 1M คือ คำนวณค่าที่ทศนิยม 1ล้านตำแหน่ง) โดยแบ่งเป็นช่วง Loop อย่าง PI 1M ใช้ 19 Loop เท่ากับคำนวณ Loop ละ 52632 ตำแหน่ง ต่อ 1 Loop ยิ่งซีพียูมีประสิทธิภาพเท่าไร ยิ่งใช้เวลาคำนวณค่าได้น้อยลง
มาถึงโปรแกรมทดสอบที่ผมให้เป็นพระเอกในการทดสอบ Core i7 ตัวนี้เลย ด้วย Super Pi เพราะเป็นโปรแกรมที่ค่อนข้างเก่าไม่รองรับการทำงานแบบ 4 Core จึงจะทำให้สามารถเห็นประสิทธิภาพของฟังค์ชั่น Turbo boost ได้ โดยจาก Task Manager จะเห็นว่าซีพียู OS นั้นเห็นว่าซีพียูมี 8 Thread ซึ่งขณะรันโปรแกรมซีพียูใช้งานแต่ 15 % เท่านั้น หรือตีเป็น 1 Thread นิดๆ เดียวมาลองดูกันครับว่าฟังค์ชั่น Turbo Boost จะพา 720QM ตัวนี้ที่มีความเร็วเดิมๆเพียงแค่ 1.6 GHz ไปได้ขนาดไหน
เมื่อรันโปรแกรมพร้อมกับเปิดฟังค์ชั่น Turbo boost เพื่อแสดงประสิทธิภาพสูงสุดต่อโปรแกรม Super pi จะเห็นได้เลยนะครับว่าสามารถคำนวณค่า 1 MB เพียงแค่ 15 วินาทีนิดๆเท่านั้น เหนือกว่าซีพียู 2 หัว ความเร็วสูงหลายๆตัว แสดงให้เห็นถึงฟังค์ชั่นนี้ที่มีประโยชน์กับโปรแกรมหลายๆโปรแกรมที่ไม่รองรับซีพียูหลายๆหัว หรือต้องการแค่ซีพียูที่มีความเร็วสูงๆเท่านั้น แต่ถ้าหากบางโปรแกรมรองรับซีพียูหลายๆหัวหรือหลายๆ Thread Turbo boost ก็สามารถปรับให้เหมาะสมตามการทำงานได้
อ่ะแล้วถ้าไม่มีฟังค์ชั่นนี้จะเป็นไง ผมก็เลยลองทดสอบโดยการปิด Turbo boost ด้วยเพื่อให้เห็นถึงความแตกต่าง
ใช้เวลาในการคำนวณนานไปกว่า 40 วินาที เลยทีเดียวตามความเร็วของซีพียู
Hyper PI
มีหลักการทำงานคล้ายๆกับ Super Pi แต่จะรองรับการทำงานของซีพียูหลายหัวหรือหลาย Thread พร้อมกัน ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลกับตัว Turbo boost เพราะซีพียูทำงานพร้อมกันหลายหัวทำให้ความเร็วของซีพียูไม่สูงมาก เพราะจำเป็นต้องแชร์ทรัพยากรเพื่อทำงานในเวลาเดียวกัน
ค่าเฉลี่ยที่ออกมาใกล้เคียงกับของ Super pi ตอนปิด Turbo boost แต่จะเร็วกว่าเล็กน้อย เพราะเปิด Turbo boost ทำให้มีความเร็วของซีพียูที่สูงขึ้นมาบ้างจากเดิมเล็กน้อย
โปรแกรมที่ Intel ให้การยอมรับเพราะสามารถทดสอบประสิทธิภาพซีพียูทั้ง 8 Thread พร้อมกันโดยซีพียูจะทำงานถึง 100 %
คะแนนที่ออกมานั้นนับได้ว่าสูงมากเลยทีเดียวโดยเฉพาะในส่วนของการทำงานซีพียูหลายๆหัวพร้อมกัน แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของซีพียูที่ดีเยี่ยมจริงๆ
ทดสอบความเร็วในการอ่านข้อมูลของ HDD
วิธีทดสอบ : ทดสอบความเร็วในการอ่านข้อมูล สเปกของ HDD เป็นฮาร์ดดิสค์ขนาด 320 GB
จากการทดสอบความเร็วสูงสุดในการอ่านข้อมูลจะอยู่ที่ 82.6 Mb ต่อ วินาที ใช้เวลาในการเข้าถึงข้อมูลอยู่ที่ 15.2 ms (ยิ่งน้อยยิ่งดี)
ในเครื่องทดสอบนี้อาจจะมีความจุไม่สูงมากเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของเครื่องแล้ว แต่ตัวฮารืดดิสค์จัดได้ว่าเร็วดีเลยทีเดียว
ทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องทั้งหมดด้วยโปรแกรม PCMark05
วิธีทดสอบ : รันโปรแกรม โดยให้ทดสอบทั้ง System, CPU, Memory, Graphics, HDD
กราฟเองก็เป็นคำตอบได้ดีเลยทีเดียวถึงประสิทธิภาพ แต่ด้วยโปแกรมที่เริ่มจะเก่าแล้ว การทดสอบซีพียูรุ่นใหม่อย่าง Core i7 อาจจะไม่ได้ทดสอบเต็มประสิทธิภาพนักก็คะแนนก็เลยตามหลัง GT729 ที่เป็น Core 2 Quad อยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าซีพียูจะด้อยกว่านะครับ
PCMart Vantage
PCMark Vantage โปรแกรมทดสอบใหม่ล่าสุด ย่อมเหมาะกับซีพียูรุ่นใหม่ๆอย่าง Core i7-720QM ที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพจากคะแนนได้อย่างดี เพราะมีคะแนนทิ้งรุ่นอื่นมากเลยทีเดียว แม้โปรแกรมจะทดสอบอย่างหนักแต่ GT640 ก็สามารถทำคะแนนได้ไปกว่า 5735 คะแนนแบบที่ไม่เคยมีรุ่นไหนทำได้มาก่อน
ทดสอบระบบกราฟิกด้วยโปรแกรม 3DMark06
Normal Mode
วิธีทดสอบ : รันโปรแกรม โดยให้ทดสอบทั้ง SM 2.0 Graphics Tests, CPU Test
อ้างอิงจาก : www.notebookreview.com & notebookspec.com
GTS 250M เหนือกว่ารุ่นเดิมทุกรุ่นของ nVidia ที่ผ่านมา แต่ก็อย่างว่าครับว่าโปแกรมค่อนข้างเก่าแล้วก็เลยแสดงประสิทธิภาพของซีพียูได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เน้นแสดงประสิทธิภาพของการ์ดจอเป็นหลัก
โปรแกรมทดสอบระบบกราฟิกอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจ นิยมทดสอบในการ์ดจอรุ่นล่างๆ
โปรแกรมใหม่ที่ได้เพิ่มเข้ามาทดสอบอีกตัว AquaMark3 เป็นโปรแกรมที่ไม่ได้ทดสอบแบบหนักหน่วงเหมือนของ 3DMark06 แต่จะเด่นที่สามารถทดสอบกับการ์ดจอได้แทบทุกรุ่น แม้จะรุ่นต่ำทำให้ได้คะแนนที่สามารถเอามาเทียบกับการ์ดจอรุ่นอื่นๆได้ โดยจะทดสอบที่ความละเอียดคล้ายๆกันที่ 1024 x 768 x 32
อ้างอิงจาก : www.notebookspec.com
หลังจาก X300 จาก Toshiba ก็ยังไม่เคยเจอรุ่นไหนที่ทำแสนแตกได้อีกจนกระทั้งมาถึง GT640 ด้วยเพราะโปแกรมที่เก่าไม่รองรับซีพียูหลายหัวทำให้ Turbo boost ทำงานได้ดี และการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพสูงทำให้มีคะแนนสูงสุดกว่าทุกรุ่นที่ NBS เคยทดสอบมาสำหรับโปรแกรม AquaMark
โปรแกรมทดสอบอีกตัวที่อยากแนะนำ โดยเป็นโปรแกรมที่ทดสอบภาพรวมของเครื่องแล้วสรุปมาเป็นคะแนนรวม ทำให้สามารถเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆได้ง่าย อีกทั้งยังแจกแจงคะแนนทดสอบในแต่ละส่วนให้เห็นอีกด้วย
Normal Mode
เช่นเดียวกันด้วยซีพียู Core i7 และแรม DDR3 ความเร็วสูงทำให้เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่ GT640 ทำคะแนนสูงสุด