เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Acer ได้จัดงานแถลงต่อสื่อมวลชนในประเด็นของทิศทางที่ Acer จะเดินไปในปีนี้ ซึ่งในงานครั้งนี้ คุณแฮรี่ หยางได้ให้เกียรติมาแถลงพร้อมนำเสนอกลยุทธ์ของ Acer ประเทศไทยด้วยตนเองเลยทีเดียว โดย gimmick หลักที่ Acer ใช้เป็นแนวทางในการทำงานในปีนี้ก็คือ ?Global Trust Local Touch? ที่ Acer ตั้งใจจะให้ผลิตภัณฑ์ของตนมีความโดดเด่นในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะทั้งการได้รับความเชื่อใจจากผู้ใช้งานทั้งระดับลูกค้าทั่วไปและระดับองค์กร หรือจะเป็นความเชื่อมั่นในด้านเทคโนโลยีที่ Acer จะมอบให้กับผู้ใช้งานที่เราจะกล่าวถึงในภายหลังครับ
ซึ่งคุณหยางได้กล่าวถึงเทรนด์ของวงการไอทีในปีนี้ว่าจะเน้นไปที่การเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งหลายเข้าด้วยกันบนระบบเครือข่าย ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลของตนได้ตลอดเวลาและทุกสถานที่ อันจะทำให้เกิดการแชร์ข้อมูลที่มากขึ้น โดยทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับความหลากหลายของทั้งตัวอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการ ซึ่ง Acer ก็ได้เตรียมการที่จะรองรับตรงส่วนนี้เอาไว้แล้ว นั่นคือจะมีผลิตภัณฑ์ที่รองรับการใช้งานตาม lifestyle ของผู้ใช้งานในปัจจุบันอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน ที่มีทั้ง Windows และ Android โดยแพลตฟอร์มต่างๆเหล่านี้สามารถเข้าถึงและแชร์ข้อมูลร่วมกันได้ ผ่านระบบที่ชื่อว่า AcerCloud
ตัวของ AcerCloud นั้นอย่างที่บอกคือมันจะรองรับทั้ง Windows และ Android ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากในทุกๆอุปกรณ์ หลักการเข้าถึงข้อมูลนั้นจะใช้หลักการ streaming ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้ข้อมูลที่สดใหม่ตลอดเวลา โดยระบบจะมีทั้ง Private Cloud และ Public Cloud ให้ได้ใช้งานกัน โดยตัว Private Cloud นั้นจะมีให้ใช้งานทั้งสำหรับลูกค้าระดับองค์กรและลูกค้าทั่วไป ซึ่งในกลุ่มของลูกค้าทั่วไป รับรองได้เลยว่าฟรีแน่นอนครับ นอกจากนี้ยังจะมีในแบบ Public Cloud อีก ซึ่งรายละเอียดเบื้องลึกนั้นของ AcerCloud คาดว่าน่าจะออกมาพร้อมๆกับการเปิดตัว AcerCloud ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
ส่วนในกลุ่มของผลิตภัณฑ์นั้น concept หลักๆของปีนี้ก็คือการเน้นไปทาง slim and light ให้มากขึ้น เพื่อให้เหมาะกับ lifestyle ของคนในสมัยนี้ที่เน้นพกพาเครื่องออกมา ซึ่งตัวชูโรงเด่นๆก็คือ ultrabook ที่จะมาบุกตลาด โดยหนึ่งรุ่นที่จะมาแน่ๆในปีนี้ก็คือ Acer Aspire S5 ที่จะเปลี่ยนเรื่องการวางพอร์ตใหม่ ไปใช้แบบ I/O Launcher แทน ทำให้ตัวเครื่องด้านนอกไม่มีพอร์ตอื่นๆแสดงขึ้นมาเลย นับว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลย ดังในคลิปด้านล่างนี้
ส่วนไลน์อื่นๆนั้น ที่จะเน้นขึ้นมาก็จะเป็น Acer Aspire Timeline Ultra ซึ่งจะมาอยู่กึ่งกลางระหว่าง ultrabook และ notebook เหมาะสำหรับคนที่อยากได้เครื่องขนาด notebook ปกติ แต่ก็อยากได้แบตที่ใช้งานได้ยาวนาน โดย Acer จะทำให้มันสามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 8-12 ชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนในกลุ่มของ eMachine นั้นจะไม่มีในตลาดแล้วนะครับ แต่จะส่ง Gateway มาในกลุ่มตลาดนี้แทน ดังนั้นก็น่าจะได้เห็นมาตรฐานของตัวเครื่องในกลุ่มรุ่นที่ราคาไม่สูงมากนักที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน และข้อที่สำคัญที่สุดเลยคือ Acer จะปรับประกันของ notebook ทั้งหมดให้เป็น 2 ปีจ้า ทั้งค่าอะไหล่และค่าแรงเลย อีกทั้งยังสามารถซื้อประกันเพิ่มเป็น 3 ปีได้อยู่เช่นเคยด้วย และเนื่องด้วย Windows 8 จะเปิดตัวในปีนี้ Acer ก็จะไปโฟกัสที่ Windows 8 ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มของแท็บเล็ตที่ Acer มองว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ในตลาดนี้ เนื่องด้วยความต้องการแท็บเล็ต Windows 8 นั้นค่อนข้างจะสูงใช่เล่นเลยทีเดียว
ในด้านของการบริหารงานนั้น Acer ได้มีการจัดรูปแบบองค์กรภายในใหม่ โดยแบ่งเป็น 4 แผนกใหญ่ๆ ได้แก่
- Mobility
- Desktop/Peripheral
- Commercial
- Service
โดยใน 3 ฝ่ายแรก ภายในก็จะมีครบทั้งส่วน sale, marketing, product และฝ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มนั้นๆเลย ทำให้สามารถจัดการและบริหารภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนฝ่าย Service นั้นได้ถูกแยกออกมาทำงานเดี่ยวเลย เพื่อจะได้ให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่ โดยจะเน้นเพิ่มคุณภาพของศูนย์บริการมากขึ้นไปอีก เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพ
ถ้าจะพูดถึงการคาดการณ์ด้านการยอดขายของ Acer ในปีนี้ Acer คาดว่าในกลุ่มของ notebook น่าจะเติบโตขึ้นมาจากปีที่แล้วประมาณ 30% ด้วยกัน และมองปัญหาในช่วงปลายปีที่ผ่านมาว่า Acer ยังมึคนต้องการสินค้าอยู่เท่าเดิม แต่ติดปัญหาที่ supply ไม่สามารถส่งของมาเข้าสู่ไลน์การผลิตได้ จึงทำให้เสียโอกาสในส่วนนี้ไป ส่วนในเรื่องการปรับราคา notebook ขึ้นนั้น เราอาจจะได้เห็นการปรับเล็กน้อย แต่ในขณะนี้ทาง Acer เองก็ยังช่วยอุ้มเอาไว้อยู่ และคาดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไรครับ และเชื่อว่าในไตรมาส 2 สถานการณ์ทุกอย่างน่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติแล้ว และเราน่าจะได้เห็นความคึกคักของตลาดกลับมาเป็นดังเดิมแน่นอน