น้ำท่วมในบ้านเราครั้งนี้ทำให้คนไทยเดือนร้อนกันมากมาย อีกทั้งยังหมายรวมถึงอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิค
ไม่ว่าจะเป็นทั้งตัวเครื่องรวมถึงอะไหล่ที่จะไปส่งต่อให้โรงงานผลิตอื่นๆ เพราะในนิคมอุตสาหรรมที่จมน้ำไปแล้วทั้งอยุธยา และปทุมธานีล้วนเป็นอุตสาหรรมอิเล็กทรอนิคทั้งสิ้นและจากหลายๆสื่อที่ออกข่าวถึงปัญหาหลักเลยนั่นก็คืออุตสาหกรรมฮาร์ดดิสค์เพราะว่ามีโรงงานทั้งของ WD (western digital) และโรงงานผลิตอะไหล่ฮาร์ดดิสค์ของ Toshiba ที่จมน้ำไปด้วยกัน โดยตัวเลขที่ออกมานั้นจะหนักไปทาง WD ที่ผลิตในบ้านเราส่งออกไปถึง 60% ของตลาดรวมทั่วโลก ซึ่งปัญหาหลักๆก็คงมาจากการที่ WD เป็นผู้ผลิตฮาร์ดดิสค์อันดับหนึ่งของโลก จึงส่งผลให้ WD ผลิตฮาร์ดดิสค์ได้น้อยลง จนส่งผลให้ราคาฮาร์ดดิสคืปรับตัวขึ้นได้
แต่ถ้าเราไม่พูดถึงแบรนด์ WD ก็ยังมีผู้ผลิตฮาร์ดดิสค์อื่นๆที่ยังสามารถผลิตได้อยู่ปรกติไม่ว่าจะเป็น Seagate ,Hitachi ที่ผลิตในบ้านเรา และยี่ห้อที่ผลิตในต่างประเทศอย่าง Samsung ก็ยังผลิตปรกติอยู่ แต่ด้วยการที่ฮาร์ดดิสค์ของ WD เป็นที่นิยมมาก ทั้งขายปลีกและส่งเครื่องแบรนด์ต่างๆรวมถึงโน๊ตบุ๊คด้วยเลยอาจจะมีผลมากหน่อย แต่ส่วนตัวผมแล้วคิดว่าก็ยังไม่ถึงขั้นน่าวิตกแต่อย่างใดเพราะทั้งผู้ซื้อเองและผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คนั้นสามารถเลือกฮาร์ดดิสค์จากแบรนด์อื่นๆได้
และจากการคาดการของหลายๆสื่อการขายแคลนของฮาร์ดดิสค์ดิสค์ในช่วงนี้จะทำให้ราคาฮาร์ดดิสค์ขึ้นมาราวๆ 20-30% แต่ก็ยังแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เมื่อโรงงานอื่นๆที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมเร่งการผลิตมากขึ้น ก็จะเข้ามาเติมช่องว่างของฮารืดดิสค์ที่ขายตลาดไป เมื่อจำนวนฮาร์ดดิสค์ในตลาดมากขึ้นราคาก็จะลงมาเป็นปรกติ
ส่วนราคาฮาร์ดดิสค์ในโน๊ตบุ๊คนั่นอยู่แค่เพียง 10% เท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะมีผลกับราคาของโน๊ตบุ๊คให้ขึ้นมากกว่าเดิม เต็มที่ราคาที่ขึ้นมาก็แค่หลักร้อยเท่านั้น หรือบางแบรนด์อาจจะไม่ขึ้นเลยก็เป็นได้ อย่างน้อยในคอมมาร์ทที่จะถึงนี้ราคาโน๊ตบุ๊คนั้นยังอยู่ในภาวะปรกติอยู่ หรือจะเป็นอะไหล่อื่นนั้นก็ยังไม่ส่งผลกระทบมากเพราะโน๊ตบุ๊คในบ้านเราทั้งหมดไม่ได้ผลิตในบ้านเราเลย อะไหล่ส่วนใหญ่ก็อยู่ในจีนเป็นหลักอยู่แล้วจึงไม่ต้องห่วงว่าหลังน้ำท่วมนี้ราคาโน๊ตบุ๊คจากขึ้นสบายใจได้แล้วครับ
ปล.แต่สัญญาณตอนนี้ก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงราคาฮาร์ดดิสค์ที่เริ่มทยอยขึ้นกันบ้างแล้วตามหลักการของความต้องการตลาดสูงแต่ของมีน้อยราคาก็เลยขึ้นเป็นธรรมดา ส่วนราคาจะสูงขึ้นอีกนานไหมนั้นก็คงต้องดูภาวะว่าน้ำลดเร็วมากน้อยขนาดไหน และโรงงานผลิตกลับมาผลิตได้เร็วขนาดไหน แต่อย่างน้อยๆก็คงยาวไปถึงต้นปีหน้าเลยละครับ