
Microsoft เริ่มทยอยอัปเดต Copilot บนเว็บ, Windows และอุปกรณ์พกพา ด้วยโมเดล AI รุ่นใหม่ GPT 5.2 ภายใต้ชื่อโหมด Smart Plus โดยเปิดให้ใช้งานเป็นการอัปเกรดฟรี และยังคงใช้งานควบคู่ไปกับ GPT 5.1 ที่อยู่ในโหมด Smart ตามเดิม
การอัปเดตครั้งนี้สะท้อนทิศทางชัดเจนว่า Microsoft ต้องการยกระดับ Copilot จากผู้ช่วย AI ทั่วไป ให้กลายเป็นเครื่องมือที่รองรับงานจริงในชีวิตการทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์หลายขั้นตอน

Smart Plus คืออะไร และแตกต่างจาก Smart อย่างไร
ก่อนหน้านี้ Copilot ได้รับการอัปเกรดเป็น GPT 5.1 สำหรับโหมด Smart ซึ่งเน้นการตอบสนองเร็วและครอบคลุมงานทั่วไป เช่น การสรุปข้อมูลหรือช่วยเขียนเนื้อหา
ในรอบนี้ Microsoft เพิ่มโหมดใหม่ชื่อ Smart Plus ซึ่งใช้ GPT 5.2 เป็นแกนหลัก โดยออกแบบมาสำหรับงานที่ซับซ้อนกว่าเดิม เช่น
- การสร้างและจัดการสเปรดชีต
- การทำพรีเซนเทชันและเอกสารงาน
- การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
- การเขียนและตรวจสอบโค้ด
- การสรุปเอกสารยาวหลายหน้า
- การทำงานร่วมกับเครื่องมือและไฟล์หลายรูปแบบ
- การเข้าใจข้อมูลจากภาพและโครงสร้างข้อมูล
Microsoft ระบุว่า Smart Plus จะถูกใช้เมื่อระบบประเมินว่างานนั้นต้องใช้ความสามารถด้านการคิดเชิงเหตุผลในระดับสูง
GPT 5.2 ถูกออกแบบมาเพื่อ “งานจริง” มากกว่าเดิม
OpenAI อธิบายว่า GPT 5.2 คือโมเดลซีรีส์ที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะเวอร์ชัน Thinking ที่ Microsoft นำมาใช้กับ Copilot
จุดเด่นของ GPT 5.2 คือความสามารถในการจัดการงานแบบหลายขั้นตอน และเข้าใจบริบทของงานได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพียงการตอบคำถามแบบสั้น ๆ แต่สามารถทำงานเป็นกระบวนการ ตั้งแต่รับโจทย์ วิเคราะห์ ไปจนถึงสร้างผลลัพธ์ที่นำไปใช้งานต่อได้จริง
ผลทดสอบด้านงานสำนักงาน เหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก
ข้อมูล Benchmark ที่ Microsoft และ OpenAI เปิดเผย แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่ชัดเจนของ GPT 5.2
ในการทดสอบงานกลุ่ม Knowledge Work ซึ่งครอบคลุม 44 อาชีพ GPT 5.2 Thinking ทำผลงานได้ดีกว่าหรือเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญจริงถึง 70.9% ของกรณีทดสอบทั้งหมด
เมื่อเทียบกับ GPT-5 รุ่นก่อนหน้า ที่ทำได้เพียง 38.8% ตัวเลขนี้ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นเหตุผลที่ OpenAI ระบุว่า GPT 5.2 อยู่ในระดับ “expert-level” สำหรับงานสำนักงานที่มีโจทย์ชัดเจน เช่น
- การจัดทำสไลด์
- การวางตารางงาน
- การสร้างโมเดลข้อมูล
- การเตรียมเอกสารส่งงาน
ประสิทธิภาพด้านเขียนโค้ดดีขึ้นอย่างชัดเจน
ในฝั่งงานพัฒนาโปรแกรม GPT 5.2 Thinking ก็ทำคะแนนได้สูงขึ้นเช่นกัน
- SWE-Bench Pro: 55.6%
- SWE-Bench Verified: 80%
ทั้งสองชุดคะแนนสูงกว่า GPT 5.1 Thinking ซึ่งหมายความว่า Copilot จะช่วยนักพัฒนาได้ดีขึ้นทั้งในด้านการเขียนโค้ดใหม่ การแก้บั๊ก และการรีวิวโค้ดในโปรเจกต์จริง
คะแนน Benchmark ระดับสูงในหลายด้าน
GPT 5.2 ยังทำคะแนนได้โดดเด่นใน Benchmark สำคัญอื่น ๆ เช่น
- GPQA Diamond: 92.4%
- AIME 2025: 100%
- CharXiv Reasoning (with Python): 88.7%
- ARC-AGI และ ARC-AGI-2: มีการเพิ่มขึ้นของคะแนนอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะ ARC-AGI-2 ซึ่งเน้นการทดสอบความสามารถด้านการแก้ปัญหาเชิงเหตุผลขั้นสูง เป็นตัวชี้วัดว่า GPT 5.2 พัฒนาไปไกลกว่า AI รุ่นก่อนหน้าอย่างมาก
Copilot กำลังก้าวจากผู้ช่วย เป็นเครื่องมือทำงานเต็มรูปแบบ
การเพิ่ม GPT 5.2 ผ่านโหมด Smart Plus ไม่ใช่เพียงการอัปเกรดเทคโนโลยี แต่สะท้อนทิศทางของ Microsoft ที่ต้องการให้ Copilot เป็นส่วนหนึ่งของ workflow การทำงานจริง
จากเดิมที่ Copilot ถูกใช้เพื่อช่วยค้นข้อมูลหรือเขียนข้อความสั้น ๆ ขณะนี้มันเริ่มถูกวางบทบาทให้สามารถช่วยลดภาระงานสำนักงาน ช่วยจัดการเอกสาร และช่วยคิดแทนในงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
สรุปภาพรวมการอัปเกรด GPT 5.2 บน Copilot
- Microsoft เริ่มทยอยปล่อย GPT 5.2 ให้ Copilot
- เปิดใช้งานผ่านโหมดใหม่ Smart Plus
- เน้นงานที่ต้องใช้การคิดเชิงเหตุผลและหลายขั้นตอน
- ผล Benchmark เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน
- ใช้งานได้บนเว็บ, Windows และมือถือ
- เปิดให้ใช้งานเป็นอัปเกรดฟรี
Copilot กำลังเปลี่ยนจาก AI ผู้ช่วยทั่วไป ไปสู่เครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานจริงของคนทำงานยุคใหม่อย่างชัดเจน
ที่มา: bleepingcomputer





