
เมื่อไม่นานมานี้ AMD ได้ประกาศเปิดตัวซีรีส์ชิปประมวลผลในรูปแบบใหม่ ซึ่งเมื่อเทียบกับสเปคของชิปที่มีอยู่แล้วก็จะดูเหมือนว่าเป็นการรีแบรนด์ชิปรุ่นที่มีอยู่แล้ว เพื่อปรับแนวทางการตั้งชื่อ และเป็นการรีเฟรชความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ ทำให้สามารถเข้ามาเป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มผู้ที่ต้องการประกอบคอมพิวเตอร์พีซีหรือซื้อโน้ตบุ๊ก AMD ในราคาย่อมเยา โดยที่ได้ประสิทธิภาพในระดับที่เหมาะสมกับความต้องการ โดยมีการเปิดตัวมาด้วยกันสองซีรีส์คือ AMD Ryzen 100 series ที่เป็นรุ่นสูงกว่าและ AMD Ryzen 10 series ที่เป็นรุ่นเล็กสุด
ในบทความนี้เราจะมาดูรายละเอียดของชิปทั้งสองซีรีส์นี้กัน ไม่ว่าจะเป็นการเทียบกับชิปรุ่นที่ออกมาก่อนหน้า ข้อมูลทางเทคนิค และมาพิจารณากันว่าจะน่าใช้งานขนาดไหนสำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มโน้ตบุ๊ก ซึ่งน่าจะมีผู้ผลิตเลือกชิปกลุ่มนี้มาใช้ และเปิดตัวกันในเร็ว ๆ นี้ด้วย
AMD Ryzen 100 Series
สำหรับซีรีส์นี้จะมีจุดที่ทำให้จำง่ายก็คือจะเป็นกลุ่มที่ใช้คอร์ประมวลผลในสถาปัตยกรรม Zen 3+ ทั้งหมด ซึ่งก็ถือว่ายังไม่เก่าจนเกินไป เมื่อเทียบจากในปัจจุบันที่ยังมีชิปคอร์ Zen 3 และ Zen 2 วางจำหน่ายอยู่ โดยตัวของ Zen 3+ เองก็จะมีการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพต่อพลังงานจาก Zen 3 ในหลายจุด ทำให้ยังเป็นชิปที่ตอบโจทย์สำหรับการใช้งานในโน้ตบุ๊กอยู่ โดยเฉพาะกับการใช้งานพื้นฐานทั่วไป ซึ่งในรอบนี้มีการเปิดตัวมาด้วยกัน 5 รุ่น สเปคคร่าว ๆ ตามตารางด้านล่างนี้

จากตารางจะเห็นว่ามีการแบ่งเป็น 3 กลุ่มย่อยตามสีของช่องตาราง กลุ่มแรกคือ
ที่ทั้งสองรุ่นจะมีสเปคตรงกันกับ AMD Ryzen 7 7735HS และ 7735U ตามลำดับ ทำให้ข้อแตกต่างหลักของชิปสองรุ่นนี้เองจะมาจากเรื่องของการจำกัดค่า TDP ซึ่งส่งผลกับความเร็วของสัญญาณนาฬิกา ส่วนอื่น ๆ ของชิปจะใช้เป็นสเปคเดียวกันทั้งหมด ทั้งจำนวนคอร์ แคช ไปจนถึงแรมที่ใช้เป็น DDR5 และกราฟิกออนชิป AMD Radeon 680M ที่มีประสิทธิภาพในระดับที่เล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะกับเกมที่ไม่กินสเปคมาก เกมอินดี้
ส่วนกลุ่มที่สองจะเป็น
ตรงนี้ก็จะเหมือนกับในกลุ่มแรก กล่าวคือทั้งสองจะมีสเปคตรงกันกับ AMD Ryzen 5 7535HS ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า เมื่อเทียบกับ AMD Ryzen 5 7535U ที่เป็นชิปรุ่นประหยัดพลังงาน เนื่องจากมีค่า TDP ต่ำกว่า ความเร็วพื้นฐานของชิปก็ต่ำลงมาเล็กน้อย และกลุ่มสุดท้ายก็จะมีเพียง AMD Ryzen 3 110 ที่มีสเปคตรงกันกับ AMD Ryzen 3 7335U ที่จะมี 4 คอร์ 8 เธรดและค่า TDP 28W สำหรับในด้านของ iGPU ออนชิปของทั้งสามรุ่นจะใช้เป็น AMD Radeon 660M ทั้งหมด ซึ่งความแรงก็อยู่ในระดับที่สามารถเล่นเกมดังหลาย ๆ เกมที่ความละเอียด 1080p กราฟิกปรับที่ระดับ Low ได้อยู่
อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตสำคัญเลยคือชิปในซีรีส์ AMD Ryzen 100 รวมถึง AMD Ryzen 10 จะไม่มีการใส่ NPU สำหรับการประมวลผล AI โดยเฉพาะมาด้วย จึงทำให้ไม่รองรับฟีเจอร์ AMD Ryzen AI และทำให้ไม่เข้าเกณฑ์ Copilot+ PC ของ Microsoft ด้วย ตรงนี้ที่จริงแล้วอาจจะไม่ส่งผลกระทบถึงการใช้งานพื้นฐานทั่วไปมากนัก แต่ก็จะเป็นการย้ำข้อมูลไว้นิดนึง เผื่อมีบางท่านที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่ และนำประเด็นเรื่อง AI มาเป็นหนึ่งในปัจจัยการเลือกซื้อด้วย
AMD Ryzen 10 Series

ซีรีส์ 10 จะเป็นรุ่นรองลงมาอีกระดับ เมื่อพิจารณาจากชิปรุ่นก่อนหน้าที่สเปคตรงกัน ก็จะเห็นว่าเน้นจับกลุ่มเครื่องราคาระดับเริ่มต้น เช่น โน้ตบุ๊ก AMD ราคาหมื่นนิด ๆ แต่ได้แรม DDR5 ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า เพราะสามารถหาซื้อแรมมาเพิ่มเติมได้ง่ายกว่ารุ่นที่ใช้แรม DDR4 ที่มีแนวโน้มว่าจะมีปริมาณลดลงเรื่อย ๆ ตามระยะเวลา ส่วนอีกจุดที่ยังคงเดิมก็คือตัวชิปจะรองรับการเชื่อมต่อ PCIe แค่ระดับ PCIe 3.0 เท่าเดิม ทำให้เป็นการแยกออกจาก AMD Ryzen 100 series แบบชัดเจน เนื่องจากซีรีส์ 100 จะรองรับ PCIe 4.0 ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของชิปในซีรีส์ 10 อาจจะเหมาะสำหรับการใช้งานเบา ๆ งานที่ไม่ต้องเน้นการรับส่งข้อมูลปริมาณมากแบบที่เน้นความรวดเร็วมากนัก
ส่วนคอร์จะใช้เป็นสถาปัตยกรรม Zen 2 ในทุกรุ่นย่อย หากเทียบช่วงเวลาหลักของสถาปัตยกรรมแล้ว ก็จะจัดว่าเป็นช่วงของ AMD Ryzen 4000 series ในโน้ตบุ๊ก ส่วนในพีซีเดสก์ท็อปก็จะเป็นช่วง AMD Ryzen 3000 series ที่ในปัจจุบันก็ยังมีการใช้งานกันอยู่แพร่หลายพอสมควร ด้วยความแรงที่ยังตอบโจทย์การใช้งานพื้นฐานได้ดี เพียงแต่อาจจะไม่เหมาะกับการเล่นเกมแบบหนักหน่วงอีกแล้ว จากข้อจำกัดด้านของแบนด์วิธและชุดคำสั่งต่าง ๆ ที่ชิปรุ่นใหม่จะตอบสนองได้ดีกว่า ทำให้โดยรวมแล้วชิปคอร์ Zen 2 น่าจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กมาใช้งานระดับพื้นฐาน ใช้งาน OS และซอฟต์แวร์ที่ไม่กินทรัพยากรมากนัก ทำงานเอกสารทั่วไป หรืออาจจะได้เห็นนำไปใช้กับพวกคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาคล้ายกับกลุ่มของ Chromebook ที่ไม่ได้ต้องการเครื่องสเปคสูงมากนัก เน้นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนาน ซึ่งชิป AMD Ryzen 10 series น่าจะลงตัวมาก ๆ เพราะมีค่า TDP พื้นฐานเพียง 15W เท่านั้น

การแบ่งรุ่นย่อยจะมีด้วยกัน 2 กลุ่มหลัก หนึ่งคือกลุ่มของ Ryzen ที่จะมี AMD Ryzen 5 40 และ AMD Ryzen 3 30 ซึ่งทั้งสองรุ่นจะมี 4 คอร์ 8 เธรดเท่ากัน ต่างกันเพียงแค่ความเร็วทั้งที่ระดับพื้นฐานและความเร็วในการบูสต์สูงสุด ดังนั้นก็พอจะประมาณการณ์ได้ว่าประสิทธิภาพในการทดสอบ หรือจากการใช้งานที่ต้องอาศัยพลังประมวลผลของ CPU อย่างหนัก อาจจะให้ผลที่แตกต่างกันเล็กน้อย แต่สำหรับในการใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้กินพลังเครื่องมากนัก เป็นไปได้ว่าความแรงของทั้งสองชิปนี้อาจจะไม่ได้แตกต่างกันอย่างชัดเจนมากนัก
ส่วนอีกกลุ่มย่อยจะมาในชื่อ Athlon 10 series ประกอบด้วย AMD Athlon Gold 20 และ Silver 10 ซึ่งทั้งสองรุ่นจะมีจุดที่ต่างกันอย่างชัดเจนคือรุ่น Gold จะมี 2 คอร์ 4 เธรด ในขณะที่รุ่น Silver จะมี 2 คอร์ 2 เธรด รวมถึงความเร็วในการบูสต์และจำนวนแคช L3 ก็แตกต่างกันด้วย
น่าใช้งานขนาดไหน?
ด้วยสเปคที่กล่าวถึงไปข้างต้น ก็คงต้องบอกว่าโน้ตบุ๊ก AMD ที่จะใช้งานชิปในสองซีรีส์นี้ น่าจะอยู่ในกลุ่มของเครื่องราคาหมื่นต้น ๆ ขึ้นมาจนถึงประมาณ 20,000 บาทที่ในขณะนี้ยังใช้ชิปในซีรีส์ AMD Ryzen 7000 ทำตลาดอยู่เป็นหลัก โดยจะเป็นกลุ่มที่เลือกใช้ iGPU ออนชิป ซึ่งเป็นเครื่องสำหรับใช้งานทั่วไป รองรับการทำงานเอกสารพื้นฐาน ทำงานออนไลน์ผ่านเว็บเบราเซอร์หรือโปรแกรมต่าง ๆ ใช้งานกราฟิกและตัดต่อระดับเบื้องต้นได้ ส่วนความสามารถในการเล่นเกมก็อยู่ในระดับที่ใช้เล่นเกมออนไลน์ เกมที่กินทรัพยากรเครื่องไม่สูงมาก ไปจนถึงเกมที่มีออกมาหลายปีแล้วได้อยู่ ซึ่งระดับของกราฟิกที่สามารถปรับได้ก็จะขึ้นอยู่กับรุ่นของ iGPU เอง ประกอบกับปริมาณแรมที่มีในเครื่อง เพราะ iGPU จะอาศัยแรมหลักของเครื่องในการทำงาน ทำให้อาจจะต้องมีแรมเยอะซักนิดนึง จึงจะสามารถใช้งานด้านกราฟิกที่ต้องพึ่งพากราฟิกออนชิปได้ดีขึ้น ซึ่งแรมขั้นต่ำสำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์สมัยนี้ก็ควรอยู่ที่ 16GB ขึ้นไป
อีกกลุ่มที่เราอาจจะได้เห็นการนำชิปซีรีส์ AMD Ryzen 100 มาใช้ก็คือเหล่าเกมมิ่งโน้ตบุ๊กระดับเริ่มต้น ที่จะมาพร้อมการ์ดจอแยกรุ่นเริ่มต้นของเจ็นก่อนหน้าด้วย ถ้าเป็นในปัจจุบันก็น่าจะได้เห็นจับคู่มากับ RTX 3050 หรือ RTX 4050 แล้วขายในช่วงราคา 20,000 – 26,000 บาท โดยจะเป็นการเข้ามาแทนเครื่องที่ใช้ชิป AMD Ryzen 7000 series ซึ่งยังวางขายอยู่ได้แบบพอดิบพอดี ประสิทธิภาพก็ไม่หนีกันมาก เพราะเป็นชิปที่ดูจะเป็นการรีแบรนด์มาจากชิปรุ่นก่อนหน้า แต่ได้ภาพของความสดใหม่กว่า หน้าร้านก็เชียร์ขายได้ง่ายขึ้นด้วย

ส่วนของ AMD Ryzen 10 series อันนี้ส่วนตัวมองว่ารุ่นที่น่าใช้งานและน่าจะได้เห็นหลายแบรนด์นำมาทำตลาดก็คงเป็น AMD Ryzen 5 40 ในรุ่นราคาหมื่นต้นและ AMD Ryzen 3 30 ในช่วงราคาใกล้เคียงกัน โดยเราอาจจะได้เห็นการตัดทอนสเปคในบางส่วนเพื่อทำให้เคาะราคาที่ต่างกันออกมาได้ เช่น โน้ตบุ๊ก A ที่ใช้ AMD Ryzen 3 30 ซึ่งราคาต้นทุนของชิปต่ำกว่า อาจจะได้จอดีกว่ารุ่น B ที่ใช้ AMD Ryzen 5 40 เล็กน้อย โดยที่ราคาสุดท้ายที่เคาะออกมา ทั้งสองรุ่นนี้อาจจะต่างกันหลักร้อยเท่านั้น เป็นต้น อันนี้ก็คงต้องรอดูอีกทีว่าจะมีแบรนด์ไหนหยิบมาใช้บ้าง และจะเคาะสเปคกับราคามาแบบไหน
ทางด้านของ AMD Athlon ทั้งสองรุ่น คาดว่าน่าจะไม่ค่อยเห็นทำตลาดโน้ตบุ๊กมากนัก เนื่องจากจำนวนคอร์/เธรดที่ค่อนข้างน้อยไปแล้วกับการทำงานของระบบปฏิบัติการ+แอปพลิเคชันในปัจจุบัน ประกอบกับน่าจะทำราคาเครื่องออกมาได้แทบไม่ต่างจากรุ่นที่ใช้ AMD Ryzen 5 40 และ Ryzen 3 30 มากนัก ถ้าจะมีก็คงเป็นกลุ่มเครื่องราคาประหยัด หรืออยู่ในโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ตแบรนด์จีนที่อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตากันมากนัก แต่เป็นไปได้ว่าน่าจะได้เห็นการนำไปใช้ในกลุ่มเครื่องที่ไม่ได้ต้องการพลังประมวลผลสูงมากนัก ทำงานเดิม ๆ เป็นเวลานาน เน้นประหยัดพลังงาน เช่น นำไปใช้ในเครื่องมินิพีซีสำหรับต่อกับจอแสดงผล จอป้ายโฆษณา อีกกรณีหนึ่งก็คือการนำมาใช้ในเครื่องพีซีแบบออลอินวัน เนื่องจากในปัจจุบันก็มีหลายรุ่นที่เลือกใช้ชิปที่ออกแบบมาสำหรับโน้ตบุ๊ก เพื่อทำให้แผงเมนบอร์ดมีขนาดเล็ก ความร้อนไม่สูงเกินไป
ส่วนถ้ามีมาใส่ในโน้ตบุ๊กด้วย ก็อาจจะต้องรอดูราคากันอีกทีว่าจะเปิดมาที่เท่าไหร่บ้าง ถ้าจะให้พอน่าใช้งานหน่อยก็ควรจะมีราคาเครื่องใหม่ที่ไม่เกิน 10,000 บาท เพราะถ้าขึ้นหลักหมื่นแล้ว มองว่าขยับไปเป็นกลุ่มเครื่องที่ใช้ AMD Ryzen 5 40 หรือ Ryzen 3 30 จะดีกว่า จากจำนวนคอร์กับเธรดที่เยอะกว่าเป็นเท่าตัว

โดยรวมแล้วชิป AMD ในชื่อใหม่อย่าง AMD Ryzen 100 Series และ AMD Ryzen 10 Series ก็ยังมีความน่าใช้งานอยู่ เมื่อพิจารณาจากการวางตัวในตลาดของแต่ละรุ่น เนื่องจากจริง ๆ แล้วต่างก็เป็นการรีแบรนด์มาจากชิปรุ่นที่ยังทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน โดยที่ประสิทธิภาพก็ยังอยู่ในระดับที่ตอบโจทย์การทำงานได้ ไม่ได้ถึงกับเป็นชิปตกยุคแต่อย่างใด ตัวคอร์ Zen 3+ และ Zen 2 เองก็ยังมีสมรรถนะที่รองรับการใช้งานไปได้อีกหลายปี โดยน่าจะเข้ามาเป็นตัวเลือกให้กับผู้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่ในราคาย่อมเยา พิจารณาจากสเปคเครื่องที่ได้แล้วสามารถนำมาใช้งานตามที่ต้องการได้จริง
จะมีที่อาจต้องพิจารณานิดนึงตรงส่วนของซีรีส์ย่อย Athlon ของ Ryzen 10 series ที่ส่วนตัวมองว่าหากเป็นไปได้ ขยับงบขึ้นมาเล็กน้อยมาเป็นตระกูล Ryzen น่าจะตอบโจทย์การทำงานของโปรแกรมต่าง ๆ ในปัจจุบัน และรองรับการใช้งานในระยะยาวได้ดีกว่า ทั้งนี้ สามารถเข้าไปค้นหาโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป AMD บนหน้าเว็บไซต์ของเราได้เลย





