
สถานการณ์ตลาด DRAM โลกในช่วงปลายปี 2025 กำลังเข้าสู่จุดที่ตึงเครียดมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และล่าสุดมีรายงานที่สะท้อนความ “สิ้นหวัง” ของซัพพลายเชนได้อย่างชัดเจน เมื่อ Samsung ต้องเริ่มกระบวนการสอบสวนภายใน หลังพบข้อกล่าวหาว่ามีพนักงานบางรายรับสินบนจากผู้จัดจำหน่าย เพื่อเบี่ยงเส้นทางการจัดสรรหน่วยความจำของบริษัทเอง
รายงานดังกล่าวมาจาก DigiTimes ซึ่งระบุว่า ตัวแทนจำหน่ายหน่วยความจำในไต้หวันบางราย ได้จ่าย “kickback” หรือเงินใต้โต๊ะให้กับพนักงาน Samsung เพื่อให้สามารถเข้าถึงโควตา DRAM ได้ก่อนหรือมากกว่าที่ควรจะเป็นในระบบจัดสรรปกติ เหตุการณ์นี้ทำให้ Samsung ต้องเร่งตรวจสอบภายในอย่างจริงจัง และเตรียมดำเนินการทางวินัยกับบุคลากรที่เกี่ยวข้องทันที หากพบว่ามีความผิดจริง
ซัพพลาย DRAM ตึงตัวจนเกิดพฤติกรรมผิดปกติในตลาด
ในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา DRAM กลายเป็นทรัพยากรที่ทุกอุตสาหกรรมต้องการ ไม่ใช่แค่ตลาด PC หรือโน้ตบุ๊กเท่านั้น แต่ยังรวมถึง data center, AI server, ระบบคลาวด์, อุปกรณ์เครือข่าย และสมาร์ตโฟนระดับไฮเอนด์
บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จำนวนมากเลือกใช้วิธีเซ็นสัญญาระยะยาว (Long-Term Agreement – LTA) กับผู้ผลิตอย่าง Samsung และ SK hynix เพื่อ “ล็อกกำลังการผลิต” ล่วงหน้า ขณะที่ผู้เล่นรายเล็กกว่า เช่น ผู้ประกอบระบบ, OEM บางกลุ่ม หรือผู้จัดจำหน่ายในภูมิภาค กลับไม่มีอำนาจต่อรองมากพอ จึงต้องหาทางอื่นเพื่อให้ได้สินค้า
นี่คือบริบทที่ทำให้กรณีการติดสินบนพนักงานเกิดขึ้น และสะท้อนให้เห็นว่า ซัพพลาย DRAM ในตลาดขณะนี้ตึงตัวถึงขั้นที่บางฝ่ายยอมเสี่ยงละเมิดกฎ เพื่อให้ได้หน่วยความจำมาป้อนตลาดของตัวเอง
Samsung เร่งสอบสวนในไต้หวัน ป้องกันผลกระทบต่อซัพพลายเชน
รายงานระบุว่า Samsung ได้เริ่มสัมภาษณ์พนักงานภายในหลายตำแหน่งในสำนักงานใหญ่ประจำไต้หวัน เพื่อสืบสวนที่มาของข้อกล่าวหานี้โดยตรง แม้รายละเอียดเชิงลึกยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ท่าทีของบริษัทชี้ชัดว่า มองเรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ที่กระทบต่อความน่าเชื่อถือของระบบจัดสรร DRAM
ในภาวะที่กำลังการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ Samsung จำเป็นต้องจัดสรรหน่วยความจำอย่างเป็นธรรมที่สุด เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้ารายใหญ่ทั่วโลก และหลีกเลี่ยงความปั่นป่วนในตลาด หากปล่อยให้เกิดการ “ลัดคิว” ผ่านวิธีผิดกฎ จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก
ปฏิเสธคำสั่งซื้อจากฝ่ายมือถือ สะท้อนความขาดแคลนอย่างแท้จริง
ความตึงตัวของ DRAM ไม่ได้สะท้อนแค่ในตลาดภายนอกเท่านั้น ก่อนหน้านี้ยังมีรายงานว่า Samsung ถึงขั้นปฏิเสธคำขอจัดสรรหน่วยความจำจาก “ฝ่ายมือถือของตัวเอง” โดยให้เหตุผลว่ากำลังการผลิตไม่เพียงพอ
กรณีนี้ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนมากว่า วิกฤต DRAM อยู่ในระดับที่รุนแรงจริง เพราะแม้แต่การจัดสรรภายในองค์กรเดียวกันยังต้องแข่งขันกันเอง ยิ่งตอกย้ำว่าผู้ผลิต PC, โน้ตบุ๊ก และอุปกรณ์ไอทีรายอื่น ๆ แทบไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับต้นทุนที่สูงขึ้น
ผลกระทบต่อผู้บริโภค ตลาด PC ยังโดนแรงกดดันต่อเนื่อง
แม้ผู้ผลิตหน่วยความจำจะพยายามขยายกำลังการผลิตอย่างเต็มที่ แต่การสร้างโรงงานใหม่หรือปรับไลน์ผลิต DRAM ต้องใช้เวลาหลายไตรมาสกว่าจะเห็นผลจริง ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ซัพพลายเชนจะยังคงตึงตัวต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผลที่ตามมาคือ ผู้ผลิต PC และโน้ตบุ๊กจำนวนมากเริ่มปรับราคาสินค้าขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2025 และแนวโน้มนี้ยังไม่จบง่าย ๆ โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้หน่วยความจำความจุสูง เช่น 16GB หรือ 32GB ซึ่งต้นทุนเพิ่มขึ้นชัดเจนกว่ารุ่นพื้นฐาน
สำหรับผู้บริโภคในไทย ผลกระทบเหล่านี้สะท้อนออกมาในรูปของราคาสินค้าที่สูงขึ้น และตัวเลือกสเปกที่ถูกจำกัดมากขึ้น โดยเฉพาะโน้ตบุ๊กระดับกลางที่เริ่มกลับไปใช้ RAM 8GB เป็นค่าเริ่มต้นอีกครั้ง
บทสรุป วิกฤต DRAM ยังไม่ถึงจุดคลี่คลาย
กรณี Samsung สอบสวนพนักงานจากข้อกล่าวหารับสินบนเพื่อเบี่ยงซัพพลาย DRAM เป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนว่า วิกฤตหน่วยความจำโลกกำลังอยู่ในช่วงตึงเครียดสูงสุด และเริ่มสร้างผลข้างเคียงในระดับโครงสร้างของอุตสาหกรรม
ตราบใดที่ความต้องการจาก AI, data center และอุปกรณ์ไอทียังเพิ่มขึ้นเร็วกว่ากำลังการผลิต ตลาด DRAM ก็มีแนวโน้มจะยังผันผวนต่อไป และผู้บริโภคปลายทางอย่างตลาด PC คงต้องเผชิญกับราคาที่สูงขึ้นอีกระยะหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่มา: wccftech





