
MSI PRO DP80 AI A2G คือพีซีตั้งโต๊ะขนาดกะทัดรัด ด้วยมิติที่เล็กเพียงครึ่งเดียวของพีซีทั่วไป จึงเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการพีซีขนาดเล็ก ไม่เปลืองพื้นที่บนโต๊ะทำงาน ดีไซน์เรียบหรู ทนทาน ที่สำคัญยังได้รับรางวัล Red Dot Award 2025 ในด้านการออกแบบอุตสาหกรรมอีกด้วย กับการเป็นพีซีที่ออกแบบมาเพื่อยุค AI มีขุมพลัง Intel Core Ultra 7 265 และการ์ดจอแยก nVIDIA GeForce ที่มี NPU ในตัวช่วยเร่งการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ได้ลื่นไหล ตั้งแต่การสรุปเอกสาร, ตัดต่อวิดีโอ สร้างภาพกราฟิก ไปจนถึงรันโมเดล AI เพื่องานสร้างสรรค์ได้รวดเร็ว ตอบสนองความต้องการในกลุ่มเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก, สตูดิโอออกแบบ, นักพัฒนา AI, หรือแม้กระทั่งสายงานด้านการศึกษา หรือจะเป็นกลุ่มงานขาย ที่ต้องการพีซีที่รองรับงานหนัก แต่ประหยัดพื้นที่ รองรับทั้งงานออฟฟิศประจำวันไปจนถึง 3D modeling และวิดีโอ 4K เป็นต้น การอัปเกรดทำได้ง่าย มีพอร์ต Thunderbolt 4 40Gbps และพอร์ตอื่นๆ อย่างครบครัน อีกทั้งมีชิป dTPM 2.0 สำหรับความปลอดภัย ใช้งานได้มั่นใจ และทาง MSI ยังเลือกใช้วัสดุอย่าง PCR ที่แข็งแรง และเป็นวัสดุที่นำมาใช้ใหม่ เพื่อชี้ให้เห็นถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนฟีเจอร์และประสิทธิภาพในการใช้งานเป็นอย่างไร เราทดสอบให้ได้ชมกันในบทความนี้
MSI PRO DP80 AI A2G พีซี AI เรียบหรู กระทัดรัด Intel Core Ultra
Specification
| Description | |
| CPU: | Intel® Core™ Ultra 7 Processor 265 |
| Chipset: | Intel® B860 |
| RAM: | 16GB DDR5 Up to 128GB |
| Graphics: | GeForce® RTX™ 3050 LP 6G OC |
| Storage: | 1x M.2 SSD (NVMe PCIe Gen5 x4 support) 1x M.2 SSD (NVMe PCIe Gen4 x4) 1x 2.5” HDD / SSD 1x 3.5” HDD or 2.5” HDD / SSD |
| I/O (Front): | 1x USB 10Gbps Type-C 2x USB 5Gbps Type-A 1x Mic-in 1x Headphone-out 1x Card Reader (Support SD & Micro SD Card) |
| I/O (Rear): | 1x Thunderbolt™ 4 (Support DP 2.1 alt-mode up to 4K@60Hz) 3x USB 10Gbps Type A 2x USB 2.0 Type-A 2x RJ45 LAN (2.5G) 2x HDMI out (supports 4K @60Hz as specified in HDMI™ 2.1) 1x DisplayPort (1.4) 1x COM port 3x Audio Jack, 1x Kensington Lock, 1x Padlock |
| Wireless LAN: | Intel® Wi-Fi 6E AX211 |
| Bluetooth: | 5.3 (for AX211) |
| LAN: | 2x Intel® I226V (2.5G LAN) |
| KEYBOARD / MOUSE: | Optional |
| AC Adapter / PSU: | TFX 300W PSU (ATX 12VO) |
| Dimension (WxDxH): | 95 x 296 x 330mm. |
| Price: | ประมาณ 28,000 บาท (ราคาคาดการณ์) |
ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI
Design

MSI PRO DP80 AI A2G มาในโทนสีเทาดำ ให้เข้ากับธีมของห้องทำงาน ในบ้าน หรือสำนักงานได้อย่างลงตัว และยังได้รับรางวัล Red Dot Award 2025 ในด้านการออกแบบอุตสาหกรรมอีกด้วย ใช้เส้นสายที่ดูเรียบง่ายตามสไตล์ของพีซีสำนักงาน แต่ส่วนตัวก็มองว่าสามารถเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน หรือจะนำไปใช้งานนอกสถานที่ ก็ยังเข้ากันได้ ไม่หวือหวาจนเกินไป ด้านหน้ามีโลโก้ MSI สีเทาดูสะดุดตา และมีพอร์ตด้านหน้าให้ใช้งานได้สะดวก



โดยมิติของตัวเครื่องค่อนข้างกระทัดรัด มิติอยู่ที่ราวๆ กว้าง 95 มม. x ยาว 296 มม. x สูง 330 มม. เท่านั้น เรียกว่าเล็กกว่าพีซีทั่วไปอยู่มากทีเดียว สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย และสะดวกต่อการพกพา เพราะบางงานอาจจะต้องนำไปใช้นอกสถานที่ เช่นการนำเสนองานในอีเวนท์หรือการไปใช้ในไซต์งาน ซึ่งควรจะต้องกระทัดรัด พกพาง่าย และทนทาน

ด้านข้างซ้ายของตัวเครื่องเป็นช่องลม ซึ่งเป็นตะแกรงขนาดใหญ่ ซึ่งใช้ในการไหลเวียนอากาศภายในตัวเครื่อง โดยช่องนี้ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ ซีพียู ไปจนถึงกราฟิกการ์ด และแรมอีกด้วย จึงช่วยลดความร้อนสะสมที่อยู่ภายในได้อย่างรวดเร็ว


ด้านข้างขวาของตัวเคสปิดทึบ เพราะเป็นจุดที่ใช้ในการจัดเก็บและซ่อนสายไฟ ให้พื้นที่ภายในดูโล่งสบายตา แต่จะมีโลโก้เล็กๆ อย่างเช่น Windows 11, Intel Core Ultra และ HDMI ที่เป็นสิ่งที่ติดตั้งมาใน MSI PRO DP80 AI A2G เครื่องนี้

อีกจุดหนึ่งก็คือ บริเวณด้านข้างมีโลโก้ PCR หรือ Post-Consumer Recycled ด้วยการที่ MSI เป็นองค์กรที่มุ่งเน้นในการคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม จึงนำมาสู่การเลือกใช้พลาสติกรีไซเคิลจากวัสดุเหลือใช้ มาเป็นองค์ประกอบของพีซี MSI เครื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่ยังคงความแข็งแรงและสวยงามเอาไว้ ในแง่ความแข็งแรง ก็มั่นใจได้ว่าผ่านการทดสอบในระดับยุทธภัณฑ์ของกองทัพในแบบ MIL-STD810H อุ่นใจได้เมื่อต้องเจอกับสภาวะต่างๆ ทั้งในและนอกออฟฟิศในแต่ละวัน

ด้านหลังตัวเครื่องเป็นจุดสำหรับต่อพ่วงอุปกรณ์ต่างๆ ไปจนถึงต่อสายไฟ AC และสายสัญญาณ ที่แม้จะเป็นคอมขนาดเล็ก แต่ก็มีให้ใช้งานครบครัน รวมถึงมีกราฟิกการ์ดแยกมาให้ด้วย จึงใช้งานพอร์ตแสดงผลในการต่อจอในแบบ Multi-monitor เพิ่มได้ จัดว่าสะดวกสบาย เหมาะกับการใช้งานในหลายรูปแบบ



ด้านบนก็เป็นช่องลมขนาดเล็กๆ แต่ทำเป็นแบบแนวยาวขนานไปกับตัวเครื่อง ซึ่งใช้ระบายอากาศจากซีพียูและภายในได้ดี เหมาะทั้งการใช้งานทั้งแนวนอนและแนวตั้ง

และตรงจุดที่ชอบโดยส่วนตัว นั่นคือ การใส่ออปติดคอลไดรฟ์ พร้อมซ่อนมาบริเวณหน้าเคสอย่างแนบเนียน ช่วยให้ดูกลมกลืน และการกดปุ่มเรียกใช้ก็ง่าย ด้านหน้าตัวเครื่องยังซ่อนช่องใส่ไดร์ฟ DVD แบบ Slim เอาไว้ เหมาะกับสำนักงาน หรือหลายๆ ที่ที่ยังใช้งานแผ่น DVD หรือมีข้อมูลอยู่ในไดรฟ์เหล่านี้ยังสามารถใช้งานได้อีกด้วย

ปุ่มเพาเวอร์สำหรับเปิดเครื่อง มีแสงไฟสีขาวสว่างขึ้น เมื่อระบบเริ่มการทำงาน มองเห็นได้ชัด

จัดว่า MSI PRO DP80 AI A2G เป็นพีซีขนาดกระทัดรัด ออกแบบมาได้น่าใช้ ประหยัดพื้นที่ ไม่ต้องใช้โต๊ะทำงานขนาดใหญ่ ก็สามารถจัดวางได้ และยังเหลือพื้นที่สำหรับวางอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้อีกมากมาย
เช่นเดียวกับระบบความปลอดภัย ตามสไตล์ของพีซีสำนักงาน ที่จัดมาให้แบบคอมโบ ตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ไปจนถึงซอฟต์แวร์ ด้วยการมี dTPM 2.0 ในการป้องกันด้วยการเข้ารหัสข้อมูล หรือจะเป็นการปกป้องที่ปลอดภัยตัวเครื่องโดยตรงกับการสนับสนุนการล็อคตัวเครื่องด้วย Kensington Lock และ Padlock
Connector

แม้จะมีอุปกรณ์ต่อพ่วงเยอะ MSI PRO DP80 รุ่นนี้ก็ยังมีพอร์ตเอาไว้รองรับครบครัน โดยพาแนลด้านหน้าเครื่อง โดยมีปุ่มเพาเวอร์ ซึ่งจะมีแสงไฟสีขาวสว่างขึ้น ขณะที่ระบบเปิดทำงาน ส่วนพอร์ตอื่นๆ ประกอบด้วย
- 1x Headphone-out (หูฟัง)
- 1x Mic-in (ไมโครโฟน)
- 2x USB 5Gbps Type-A
- 1x USB 10Gbps Type-C
1x Card Reader (รองรับ SD & Micro SD Card)

ส่วนพอร์ตด้านหลังเครื่อง เฉพาะในส่วนของ On-board หรือของเมนบอร์ด ประกอบด้วย
- 2x HDMI out (supports 4K @60Hz as specified in HDMI™ 2.1)
- 1x Thunderbolt™ 4 (Support DP 2.1 alt-mode up to 4K@60Hz)
- 1x DisplayPort (1.4)
- 2x USB 2.0 Type-A
- 3x USB 10Gbps Type A
- 2x RJ45 LAN (2.5G)
- 1x COM port
- 3x Audio Jack, 1x Kensington Lock, 1x Padlock

และยังมีเพิ่มเติมเข้ามาในส่วนของกราฟิกการ์ด ที่เป็น Discrete graphic หรือการ์ดจอแยก กับพอร์ตที่เป็นสัญญาณเอาท์พุต มีด้วยกัน 3 พอร์ต ประกอบด้วย DisplayPort x 1 (v1.4a) จำนวน 1 พอร์ต และ HDMI™ (Supports 4K@120Hz as specified in HDMI™ 2.1) จำนวน 2 พอร์ต ทำให้ต่อจอเพื่อใช้งานแบบมัลติมอนิเตอร์ได้ 3 จอพร้อมกัน
ด้านล่างสุดจะเป็นช่องสำหรับต่อสายไฟเลี้ยงให้กับตัวเครื่อง ซึ่งเป็น AC ไม่ได้ใช้อแดปเตอร์แปลงแต่อย่างใด
Inside & Upgrade

สำหรับ MSI PRO DP80 AI A2G เครื่องนี้ แม้จะเป็นพีซีในไซส์กระทัดรัด แต่ทาง MSI ก็ยังเตรียมให้ผู้ใช้สามารถอัพเกรด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และรองรับกับการใช้งานที่หนักหน่วงและแอพพลิเคชั่นในอนาคตได้มากยิ่งขึ้น การเปิดฝาข้างทำได้ง่าย แค่ไขน็อตด้านหลังเคสเพียง 2 ตัวเท่านั้น ก็เปิดฝาข้างออกมาได้แล้ว

เมื่อเปิดฝาข้าง จะเห็นชุดระบายความร้อน เป็นฮีตซิงก์ลม พัดลมทรงกลมมาตรฐาน แบบเดียวกับที่มาในกล่องของซีพียู Intel โดยพื้นฐานสามารถระบายความร้อนได้ดี และเหมาะกับการใช้งานในเคสที่มีพื้นที่กระชับเช่นนี้ เพราะใช้พื้นที่ในการติดตั้งไม่มาก และยังมีใบพัดลมขนาดใหญ่ ช่วยกระจายลมได้ดี

ด้านล่างของซีพียู ติดตั้งกราฟิกการ์ด nVIDIA GeForce RTX3050 มาให้ โดยเป็นรุ่น GeForce® RTX™ 3050 LP 6G OC ซึ่งมีความพิเศษตรงที่ เป็นการ์ดในแบบ Low-profile หรือขนาดเล็กกระทัดรัด ความสูงของตัวการ์ดเพียง 69 มม. เท่านั้น และใช้พื้นที่เพียง 2 สล็อต มีพัดลมเป็นแบบ Dual fan โดยมี Boost Clock 1492 MHz และ 14 Gbps Memory Speed 6GB GDDR6 และมี CUDA 2304 Units ตัวการ์ดมีค่าการใช้พลังงานค่อนข้างน้อย จึงเหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องได้ยาวๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าไฟหรือความร้อน

เพาเวอร์ซัพพลายเป็นแบบ TFX 300W PSU ขนาดกระทัดรัด ซึ่งค่อนข้างจะเป็นแบบเฉพาะ แต่ก็เพียงพอสำหรับการจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ในเครื่องได้ดี แม้ในช่วงที่มีโหลดต่อเนื่องก็ตาม ทั้งการเรนเดอร์วีดีโอหรือการทำโมเดล 3D ในเบื้องต้นด้วย Blender

ในแง่ของการอัพเกรดส่วนของ Storage ยังมีช่องว่างตรงกลาง ระหว่างซีพียูและกราฟิกการ์ด เป็นสล็อต M.2 SSD ที่รองรับ NVMe PCIe Gen5 x4 กรณีที่ต้องการเพิ่มศักยภาพการจัดเก็บข้อมูลหรือใช้ในการติดตั้งระบบใหม่ สามารถเพิ่มเติมโมดูล SSD M.2 PCIe Gen5 x4 หรือ PCIe Gen4 x4ในช่องนี้ได้

อีกจุดหนึ่งก็คือ RAM U-DIMM ที่ตอบสนองไว เหมาะกับการทำงาน เล่นเกม หรือ ทาง MSI ได้ติดตั้งแรม DDR5 ความจุ 16GB มาให้ จากทาง TEAM T-Force DDR5 5600 กรณีที่ต้องการอัพเกรด ยังสามารถเพิ่มได้ในอีก 2 สล็อตที่เหลืออยู่ เพิ่มได้สูงสุดถึง 128GB

ด้านล่างสุดใกล้กับกราฟิกการ์ด ติดตั้งโมดูล WiFi และ Bluetooth ซึ่งเป็นโมเดล WiFi 6E AX211 สนับสนุน MU-MIMO และรองรับ Bluetooth 5.3

นอกจากนี้ยังมีสล็อต PCIe x1 อีก 2 ช่อง เอาไว้เพิ่มเติม Expansion card หรือการ์ดต่อพ่วง เพื่อเสริมการทำงาน เช่น Capture card หรือการ์ดสำหรับขยายพอร์ตต่อพ่วงให้มากขึ้น รวมถึงพอร์ต SATA ที่รองรับ HDD/SSD ในแบบ SATAIII เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น สำหรับงานและข้อมูลมีเดียขนาดใหญ่ในปัจจุบัน



นอกจากนี้การเปิดฝาเครื่องที่ง่าย ยังให้ความยืดหยุ่นในการดูแลรักษา และจัดการองค์ประกอบภายในได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
Software

และเพื่อให้การใช้งาน MSI PRO DP80 AI A2G สะดวกมากยิ่งขึ้น ยังมาพร้อมซอฟต์แวร์ที่ช่วยปรับแต่ง ตรวจเช็คและอัพเดตระบบภายในเครื่องได้อย่างครบครัน

Hardware Monitoring ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของ CPU, NPU และ GPU ซึ่งจะบอกรายละเอียดทั้งความเร็วสัญญาณนาฬิกา, Process การใช้งานซีพียูและกราฟิก และอุณหภูมิในแบบเรียลไทม์ รวมถึงรอบพัดลมอย่างชัดเจน

และยังมีฟังก์ชั่นอีกหลายอย่าง ให้ได้เลือกใช้ในหัวข้อ Feature ไม่ว่าจะเป็น AI เลือกโหมดการทำงาน กาารตั้งค่าพื้นฐาน เกม ไปจนถึงการเชื่อมต่อเครือข่าย

โดยเฉพาะฟีเจอร์ MSI AI Engine โดยจะทำงานร่วมกับระบบ และซอฟต์แวร์ต่างๆ ภายในเครื่อง ด้วยการปรับจูนประสิทธิภาพให้เข้ากับซอฟต์แวร์ที่กำลังเปิดใช้งาน และเพื่อการใช้พลังงานที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มแอพพลิเคชั่น เพื่อจะเชื่อมโยงเข้ากับฟีเจอร์นี้ได้อีกด้วย กับการใช้ AI เพื่อบริหารจัดการให้อัตโนมัติ

จัดการการเชื่อมต่อเครือข่าย เช็คความเร็วสัญญาณ และเลือก Priority หรือลำดับความสำคัญของการใช้เครือข่ายในแต่ละแอพพลิเคชั่นได้ เช่น ให้ความสำคัญกับเกมมาก่อน หรือจะเน้นไปที่การสตรีมมิ่งเป็นต้น

MSI Companion การเปิดใช้งานสลับหน้าจอการแสดงผลระหว่างการเล่นเกมแบบพิเศษ ที่จะช่วยทำให้การปรับตั้งค่าและปรับแต่งสถานะการใช้งานต่างๆ ได้ในระหว่างที่เล่นเกม

System Diagnosis วิเคราะห์และจัดการพื้นที่ในระบบ ไม่ว่าจะเป็น Storage หรือ RAM ก็ตาม โดยเลือกเคลียร์พื้นที่แบบเร่งด่วน เพื่อให้ระบบพร้อมใช้แอพพลิเคชั่นที่ต้องการทรัพยากรในการทำงานที่มากขึ้น ทำให้ระบบลื่นไหล

Cooling Wizard เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยปรับตั้งค่าโพรไฟล์ของพัดลมภายใน ให้สอดคล้องกับการใช้งาน เลือกได้ถึง 5 โพรไฟล์ เหมาะกับคนที่มีรูปแบบการใช้งานในแต่ละวันที่ต่างกัน เช่น มีทั้งการเล่นเกม ทำงานหนัก หรือท่องเว็บ สามารถเลือกปรับได้ตามความเหมาะสม ตัวอย่างถ้าคุณเลือกปรับโหมดการทำงานแบบ Performance เพื่อเล่นเกมหนักๆ ก็สามารถเลือกโพรไฟล์พัดลมให้ทำงานเต็มที่ตามไปด้วย ในการช่วยลดอุณหภูมิในระบบ
Performance
CPUz





หัวใจหลักของ MSI PRO DP80 รุ่นนี้ อยู่ที่ซีพียู Intel Core Ultra 7 265 ซึ่งถือว่าเป็นซีพียูในกลุ่มทำงานและเหมาะกับ Creator ในระดับที่เริ่มจริงจังกับงาน ซึ่งมีงานด้าน AI เข้ามาร่วมด้วย กับพลังในการทำงานบนแกนหลัก 20 คอร์ เป็นแบบ 8 P-core (Performance) และ 12 E-core (Efficiency) โดยมีแคช L3 ใหญ่ถึง 30MB ช่วยให้การทำงานลื่นไหล บนการประมวลผลที่ซับซ้อน และหลากหลาย ที่สำคัญคือการ Boost ได้มากกว่า 5GHz ทำให้การประมวลผลงานที่เรียกใช้แกนหลักเดี่ยวๆ เช่น การเล่นเกม หรือซอฟต์แวร์ด้านภาพและเสียงบางส่วน ทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น โดยมีแรม DDR5 5600 มาให้ 16GB เป็นพื้นฐาน และสามารถอัพเกรดเพิ่มได้ในภายหลัง
CrystalDiskMark

ส่วนระบบจัดเก็บข้อมูลความจุ 512GB ในแบบ M.2 NVMe PCIe 4.0 ให้ความเร็วในการทำงานที่ 5.84GB/s โดยประมาณสำหรับการอ่านข้อมูล การเขียนจะอยู่ที่ราว 5GB/s โดยประมาณเช่นกัน ถือว่าทำได้รวดเร็ว รองรับการทำงานกับไฟล์จำนวนมากได้ดี รวมถึงไฟล์ขนาดใหญ่ และการโอนถ่ายข้อมูลบีบอัด และพีซี MSI รุ่นนี้ ยังรองรับการอัพเกรด เพื่อเพิ่มความจุได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง SSD M.2 หรือฮาร์ดดิสก์ในแบบ 2.5″ และ 3.5″ บนพอร์ต SATA III บนเมนบอร์ด เป็นพีซีขนาดเล็ก แต่ก็มอบความสะดวกในการใช้งานได้ดีทีเดียว
โดยสังเกตได้ว่า RND4K Q32T1 ที่เป็นการทดสอบ Multitask ที่มี queue คำสั่งจำนวนมากได้ใน Thread เดียว เช่นการเปิดเว็บเบารว์เซอร์หลายๆ แท็ปพร้อมกัน ก็สามารถทำตัวเลขได้ถึง 750MB/s และ 464MB/s ในการอ่านและเขียน ตอบโจทย์การใช้งานที่มีโหลดหนักๆ ได้ดีพอสมควร
Geekbench

เป็นการทดสอบประสิทธิภาพ CPU และ GPU ที่วัดสมรรถนะการคำนวณจริง ไม่ว่าจะเป็น การเรนเดอร์ภาพ 3D, การประมวลผลวิดีโอ, การบีบอัดไฟล์ และการจำลอง AI workloads โดยไม่เน้นกราฟิกเกม โดยโฟกัสที่การทำงานแบบ multi-threaded และ single-threaded เพื่อให้เห็นภาพการใช้งานประจำวันอย่างแท้จริง
การทดสอบ Single-core นั้น บอกถึงการทำงานที่ใช้เวลาไม่นานนัก เช่น การเปิดแอป, ท่องเว็บ, พิมพ์เอกสาร, รัน AI prompt ใน Copilot หรือ Chrome Gemini คะแนนที่ได้อยู่ราวๆ 3008 คะแนน บอกถึงการอัตราการตอบสนองกับงานเหล่านี้ อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ รองรับงานในชีวิตประจำวันได้ดี เหมาะทั้งการเรียนและการทำงานในสำนักงาน รวมถึงงานด้านภาพและวีดีโอระดับเริ่มต้น
ส่วนคะแนน Multi-Core จะเป็นการวัดประสิทธืภาพด้วยการทำงานของทุกแกนหลักบนซีพียูในการประมวลผลหนักๆ อย่างเช่น การ Export วิดีโอ, รันโปรแกรมตกแต่งภาพพร้อมกันหลาย layer, หรือเป็นการคอมไพล์โค้ด คะแนนสูง นั่นหมายถึงรองรับได้ดี ทำงานรวดเร็ว ประหยัดเวลา ซึ่ง MSI PRO DP80 รุ่นนี้ ทำได้มากกว่า 17,000 คะแนน สามารถทำงานหนัก อย่างเช่นการเรนเดอร์วีดีโอ 4K ได้แบบไม่ยาก
กับการทดสอบ OpenCL (Open Computing Language) เป็นมาตรฐาน API สำหรับการคำนวณแบบขนาน (parallel computing) ที่ใช้ GPU/CPU ร่วมกัน บอกถึงพลังกราฟิกในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก เช่น การเรนเดอร์ภาพ, การบีบอัดวิดีโอ, หรืองาน machine learning เบื้องต้น คะแนนสูงถึงเกือบ 60000 คะแนน บอกถึงถึงความสามารถในการทำงานระดับ Compute-heavy ที่ไม่ใช่แค่เกม แต่รวมถึงงานตัดต่อ Premiere, Photoshop filters หรือ AI image generation ได้อย่างชัดเจน
ส่วนการทดสอบ Vulkan เป็น API กราฟิกในยุคใหม่ที่น้นการเรนเดอร์ 3D real-time, shaders และ geometry processing ซึ่งทำให้เห็นภาพการเล่นเกม, VR หรืองานกราฟิกหนัก คะแนนใกล้เคียง OpenCL แต่ Vulkan ะคะแนนสูงกว่า เนื่องจากการ Optimize ดีกว่านั่นเอง กับคะแนนที่สูงกว่า 61000 คะแนนเลยทีเดียว
CINEBench

เป็นการวัดประสิทธิภาพ CPU และ GPU บน MSI PRO DP80 โดยจำลองการเรนเดอร์ 3D ฉากจริงจาก Cinema 4D ใช้เอนจิ้น Redshift ซึ่งมีทั้งเวอร์ชัน 2023 และ 2024 โดยทำให้ใกล้เคียง Workflow สร้างสรรค์จริง เช่น งาน VFX, อนิเมชัน, สถาปัตยกรรม ทดสอบทั้ง single-core และ multi-core รวม GPU รุ่นใหม่ๆ คะแนนที่ได้จะบอกถึงพลังในการ เรนเดอร์ ตัวเลขเยอะ หมายถึงเสร็จงานได้ไว ประหยัดเวลา กับตัวเลข R23 นั้น Multi-core ได้ถึง 26675 ถือว่าเหมาะกับงานภาพและวีดีโอได้ดี
ส่วน Single core จัดอยู่ในระดับที่ดี รองรับงานอย่างเช่น เปิดโปรแกรม, modeling เบื้องต้น, หรือ AI prompt ใน Premiere ได้รวดเร็ว ส่วนของ R24 ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพียงแต่จะเพิ่มการทดสอบ GPU เข้ามาสำหรับเรนเดอร์ path-traced (RTX/AI denoising) เป็นตัวที่บอกถึงความสามารถของกราฟิกงานระดับโปรได้ เช่น Adobe After Effects, DaVinci Resolve คะแนน GPU อยู่ในเกณฑ์ที่แรงพอสำหรับงานที่เปิดใช้ Ray tracing บนความละเอียด 4K ได้อีกด้วย
Coronabench

เป็นทดสอบประสิทธิภาพ CPU/GPU ที่จำลองการเรนเดอร์ภาพ 3D แบบ photorealistic ด้วยการใช้เอนจิ้น Corona โดยใช้ฉากจริงจากสถาปัตยกรรมและ VFX วัดหน่วยเป็น Ray/s (Rays per second) เพื่อบอกถึงพลังในการงานเรนเดอร์งานจริงใน Corona, Blender Cycles หรือ 3ds Max. โดยจะทดสอบรันต่อเนื่อง 10 นาที ผลลัพธ์ที่ได้อยู่ที่ประมาณ 8,103,000 Ray/s อยู่ในระดับที่สูงพอสมควร หากเทียบกับซีพียูในระดับ 4-8 core ที่เราเคยได้ทดสอบไป แต่ก็ยังเป็นรอง Core Ultra 9 ที่ส่วนใหญ่ขยับไปกว่า 10 ล้าน Ray/s แต่ก็จัดว่ารองรับงานด้าน 3D ได้ค่อนข้างดีทีเดียว
Geekbench AI

โปรแกรมสำหรับวัดประสิทธิภาพฮาร์ดแวร์ด้าน AI/ ML โดยเฉพาะ ทดสอบทั้ง CPU, GPU และ NPU ผ่าน Workload จริง เช่นการทำ Image Classification, Object Detection, Face Detection, Pose Estimation และ Style Transfer โดยใช้ framework ยอดนิยมอย่าง ONNX, CoreML, TensorFlow Lite และ OpenVINO กับการทดสอบรัน 5 รอบต่อ Workload ให้คะแนนในด้าน ความเร็ว (latency) และ ความแม่นยำ (accuracy) ใน 3 ระดับ แบ่งออกเป็น precision: Full (single), Half และ Quantized ซึ่งตัวเลขที่ได้

กับการทดสอบด้านความแม่นยำสูงสุด (32-bit floating point) สำหรับงาน AI ต้องการผลลัพธ์ละเอียด เช่น medical imaging หรือ professional ML models คะแนนสูง บอกถึงการที่ NPU และชิปประมวลผลได้อย่างแม่นยำ และตัวเลขที่ได้ทั้งใน ONNX และ OpenVINO จัดอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี เพราะได้ทั้ง NPU บนซีพียู Intel Core Ultra และการทำงานของกราฟิก GeForce RTX เข้ามาเสริมพลังการทำงาน ทำให้รองรับงานประเภท real-time เช่น video effects, AR filters ใน Zoom/Copilot นับว่า MSI PRO DP80 รุ่นนี้มีพื้นฐานฮาร์ดแวร์ที่ดี รองรับโมเดลหลากหลาย (cross-platform) เหมาะ developer ที่สลับ framework บ่อย รวมถึง งาน AI real-time ลื่น เช่น Copilot+ Live Caption, Windows Studio Effects หรือ Stable Diffusion บน NPU ได้อีกด้วย
การใช้งานด้าน AI
Microsoft Copilot



กับการใช้งานด้าน Generative AI ก็สามารถใช้ได้สะดวกและง่าย ถือเป็นอีกสิ่งที่คุณใช้ทำงานบน MSI PRO DP80 รุ่นนี้ได้สะดวกรวดเร็ว ทั้งในการสร้างภาพ วีดีโอ หรือการแต่งเพลงบน AI อย่าง Copilot, FreePik หรือ Gemini ก็ตาม ทำให้คุณปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ ทำให้จินตนาการที่วาดเอาไว้เกิดขึ้นได้จริง
Google AI Studio

เช่นเดียวกับ Google AI Studio ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งสามารถใช้ Prompt ในการสร้างไอเดียสุดสร้างสรรค์ ให้เป็นสิ่งที่คุณต้องการได้แบบง่ายๆ พร้อมกับลูกเล่นอื่นๆ ในการจัดการงานของคุณได้อย่างเป็นระบบ
AI Playground

ถือเป็นพื้นฐานของการทำงานด้าน AI บนเครื่องนี้ โดยใช้พลังของ Graphic บนซีพียู Intel Core Ultra โดยพื้นฐานสามารถทำปกบทความ สร้างภาพ Feature Image สำหรับบทความออนไลน์ได้ในไม่กี่นาที เช่นเดียวกับตัวอย่างนี้ ในการใช้ Prompt เพื่อสร้างภาพสำหรับการนำไปใช้งานด้านอื่นๆ ได้อีกด้วย เรียกว่าเป็นเครื่องมือที่มีมาให้บนพีซี MSI เครื่องนี้ แต่ต้องเข้าไปเปิด AI Engine ใน MSI Center เพื่อเริ่มต้นการใช้งาน
Game




แม้ MSI PRO DP80 จะเป็นพีซีขนาดกระทัดรัด แต่ก็จัดการ์ดจอแยกมาให้ GeForce RTX3050 แม้จะเป็นกลุ่มกราฟิกระดับเริ่มต้น แต่ก็มากพอสำหรับการเล่นเกมพื้นฐานในปัจจุบันได้ ไม่ว่าจะเป็น PUBG, DOTA2, Fornite, Apex หรือเกมยอดนิยมอย่าง Pokemon และอื่นๆ ที่ไม่ได้ต้องการทรัพยากรที่หนักมาก สามารถเปิดใช้ Detail: Medium เล่นได้แบบลื่นๆ มีให้เห็นมากว่า 50-60fps. ได้

กับการทดสอบแรกบน 3DMark ตัวเลขอาจจะไม่หวือหวากับกราฟิก GeForce RTX3050 ที่เป็นการ์ดเริ่มต้น แต่ก็ผ่านการทดสอบได้ไม่ยาก โดยเฉพาะด่าน Extreme ที่มักจะเป็นความโหดหิน ที่บางครั้งก้าวผ่านได้ยาก แต่ก็แสดงให้เห็นว่า ตัวเลขในกลุ่มของ Time Spy Extreme และ Fire Strike Extreme นั้นยังอยู่ในเกณฑ์ 2,xxx และ 5,xxx ขึ้นไป บอกถึงพลังในการเล่นเกมในปัจจุบันได้ดีพอสมควร
Black Myth: WUKONG

ส่วนถ้าเป็นเกมที่โหลดหนักๆ อย่างเกมแรก Black Myth: WUKONG นี้ เราทดสอบกันที่ความละเอียด Full-HD กับ Detail ในเกมไล่ตั้งแต่ Low จนถึง High ซึ่งในส่วนของ High ที่มีรายละเอียดต่างๆ ให้ดูสวยงาม เฟรมเรตเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 36fps. ส่วน Max. สุดอยู่ที่ประมาณ 45fps. ซึ่งถือว่าเล่นได้ แต่อาจจะยังไม่สมูทเท่าที่ควร แต่พอปรับมาเป็น Medium แล้วถือว่าทำได้ดี เกมนี้เดิมทีภาพสวยอยู่แล้ว ถ้าปรับในเรื่องของ Upscaling และรายละเอียดบ้างในบางส่วน ก็มีให้เห็นเกือบ 100fps. ได้บน Medium Detail
Forza Horizon 5

มาที่อีกหนึ่งเกมอย่าง Forza Horizon 5 เกมนี้ภาพสวย สีสันสดใส ซึ่งโดยพื้นฐานเกม ขอให้เฟรมเรตลื่นๆ ก็จะทำให้การเล่นดูสบายตาสุดๆ เพราะภาพ แสง สีและการแสดงเฉดเงาตัวเกมทำเอาไว้ได้ดีอยู่แล้ว และประสิทธิภาพที่ได้ ก็เป็นไปตามคาดกับเฟรมเรตเฉลี่ยบน High settings ไปได้เกือบ 100fps. แบบที่ดูสบายตา ส่วนถ้าจะเล่นจริงบนระบบนี้ แนะนำปรับ Medium ถ้าได้จอระดับ 144Hz ขึ้นไป ยิ่งทำให้ได้อรรถรสในการเล่นมากกว่าเดิม แต่ถ้าอยากได้เล่นแบบเห็นรายละเอียดที่ดีบนโหมด High อาจจะเปิดใช้งาน DLSS Performance เข้าไป มีมากกว่า 100fps. ให้เห็น
COD: Modern Warfare II

อีกเกมยอดนิยมของสาย FPS และ Battle Royale กับผลทดสอบที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะกับการเล่นบนความละเอียด Full-HD บนตัวเลขเฟรมเรตที่ระดับ 100fps. ขึ้นไป ถ้าจะเน้นให้ภาพไหลลื่น แนะนำ Balanced เพราะโหมดนี้ คุณเห็นศัตรูชัด การสะบัดปืนก็ทำได้ไว รวมถึงการจัดการระยะไกลหวังผลเฮดช็อตก็ทำได้ดี แต่จะเล่น High ก็ยังได้อยู่ เฟรมเรตอาจแกว่งอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระยะที่เล่นได้สบายตานั่นเอง
Heat & Noise



ปัจจุบันแม้แต่พีซีขนาดเล็กๆ อย่าง MSI PRO DP80 นี้ แต่ก็มีการระบายความร้อนที่มั่นใจได้ โดยทาง MSI ได้ออกแบบทิศทางลมให้สอดคล้องกับโครงสร้าง โดยมีตะแกรงให้อากาศไหลเวียนเข้ามาได้ง่าย บริเวณด้านข้าง ด้วยช่องลมที่ใหญ่เป็นพิเศษนี้ จึงทำให้ทั้งกราฟิกการ์ดและพัดลมซีพียู สามารถดึงลมเย็นเข้ามาสู่ระบบได้ง่าย และไหลไปยังจุดต่างๆ ได้เร็ว พร้อมช่องระบายอากาศด้านบนเคส ในการดันเอาลมร้อนจากซีพียูออกจากเคสไปได้ทันที โดยแทบจะไม่ต้องอาศัยติดตั้งพัดลมเคสเพิ่มเติมแต่อย่างใด

นอกจากนี้ในซอฟต์แวร์ MSI Center ยังมี Cooling Wizard ให้สามารถปรับเพิ่มโพรไฟล์การทำงานของพัดลมในการระบายความร้อนได้ มีบอกรอบการทำงานและเลือกได้ว่าจะปรับการทำงานตามซอฟต์แวร์ MSI Center หรือจะใช้เป็นแบบเดียวกับ BIOS นอกจากนี้คุณยังสามารถมอนิเตอร์ดูการทำงานของระบบในหน้า Hardware Monitor ได้อีกด้วย

กับการทดสอบอุณหภูมิการทำงานของ MSI PRO DP80 ในแบบ Full load ผ่านทาง CPU Burner ซึ่งจะจำลองโหลดการทำงานของซีพียูไปในระดับ 100% ซึ่งผลการทดสอบอุณหภูมิซีพียูมีวิ่งไปแตะ 90 องศาเซลเซียสในระยะสั้นๆ สำหรับการทำงานของ P-core ซึ่งก็ถือว่าไม่ได้สูงกว่าค่า Tjmax. แต่อย่างใด เพราะระบบก็ปรับลดลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 82-83 องศาเซลเซียส เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นอุณหภูมิที่ทำให้ผู้ใช้สามารถทำงาน เล่นเกม หรือใช้งานกับโหลดซีพียูหนักๆ ต่อเนื่องในแต่ละวันได้ไม่ยาก
Conclusion
ในภาพรวมของ MSI PRO DP80 AI A2G จัดเป็นคอมพิวเตอร์ในไซส์กระทัดรัด ที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานในสำนักงาน ชีวิตประจำวัน รวมถึงการศึกษาได้อย่างลงตัว ติดตั้งง่าย ไม่เปลืองพื้นที่บนโต๊ะทำงาน โดยเฉพาะการมาพร้อมคุณสมบัติด้าน AI ทั้งบนซีพียู Intel Core Ultra 7 และกราฟิกการ์ด GeForce RTX 3050 ที่มาเป็นผู้ช่วยทำให้งานและสร้างสรรค์งานในแต่ละวันได้อย่างลงตัว พร้อมกับองค์ประกอบภายใน ซึ่งรองรับการอัปเกรดได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแรมหรือ SSD ก็ตาม ทำให้การปรับปรุงเพิ่มเติมประสิทธิภาพของระบบในอนาคตได้
เช่นเดียวกับระบบความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักบนพีซีสำนักงาน ที่มีทั้ง dTPM ที่เปรียบเสมือน “ตู้นิรภัยส่วนตัว” ที่แยกออกมาเป็นชิป ฝังอยู่บนเมนบอร์ดโดยเฉพาะ ไม่ได้รวมอยู่ใน CPU มีหน้าที่ของมันคือเก็บรักษา กุญแจลับด้วยการเข้ารหัสข้อมูล และ รหัสผ่านของคุณเอาไว้ ส่วนฮาร์ดแวร์ก็ยังสนับสนุน Kensington lock ให้ล็อคเข้ากับโต๊ะทำงานได้อย่างดีเยี่ยม
กับจุดเด่นด้าน AI ที่ในหลายการทดสอบ ยังชี้ให้เห็นว่าพีซีจาก MSI เครื่องนี้ ให้ประสิทธิภาพไม่ธรรมดา สามารถรองรับตั้งแต่การใช้งาน Generative AI ทั่วไป จนถึงการรันโมเดล AI อย่าง LM Studio ได้อีกด้วย และยังเข้ากับบรรดา AI ที่ติดตั้งมากับซอฟต์แวร์เฉพาะทางต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงการใข้งานด้านการออกแบบ เรนเดอร์วีดีโอ 3D และงานอื่นๆ ในปัจจุบัน
สำหรับการเล่นเกม อาจจะไม่ได้หวือหวา แต่ในการทดสอบเกม ทั้งหนักและเบา ก็แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่แค่งาน แต่ความบันเทิงก็ทำได้ดีเช่นกัน เกมหนักๆ สามารถปรับ Detail กลางๆ Medium ได้เฟรมเรตที่ดีเป็นส่วนใหญ่ บางเกมเลือกเป็น High ได้กับความลื่นไหลที่มากกว่า 60fps. อีกด้วย
นอกจากนี้ทาง MSI ยังมีซอฟต์แวร์ MSI Center มาให้ใช้สำหรับการปรับจูน ตรวจเช็ค อัปเดตและการปรับแต่งเพิ่มเติมได้อย่างมากมาย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้การทำงานในแต่ละวันของคุณราบลื่น เพราะส่วนใหญ่ตั้งค่าแล้ว ระบบก็จะทำงานให้อัตโนมัติในทุกๆ ครั้งที่เปิดใช้งานเครื่อง
แต่เนื่องจากช่วงเวลาที่เรากำลังทำบทความเรื่องนี้ MSI PRO DP80 AI A2G ยังไม่ได้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย จึงเป็นราคาประมาณการที่ทาง MSI คาดการณ์มาในเบื้องต้น โดยรุ่นที่เป็น Intel Core Ultra 7 ประมาณ 28,000 บาท ส่วนรุ่น Intel Core Ultra 5 ประมาณ 24,000 บาท ซึ่งเราจะนำลิงก์ข้อมูลและราคาอย่างเป็นทางการมาอัพเดตให้ได้ทราบกันในโอกาสต่อไปครับ





