
อุตสาหกรรมหน่วยความจำทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะ DRAM ขาดแคลน ที่รุนแรงกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ และผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่แค่ฝั่งผู้ผลิตเท่านั้น แต่กำลังส่งต่อไปถึงผู้บริโภคโดยตรง ทั้งตลาด PC, โน้ตบุ๊ก, สมาร์ตโฟน ไปจนถึงอุปกรณ์ไอทีแทบทุกประเภท
ล่าสุด SK hynix หนึ่งในผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ออกมาให้มุมมองอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ พร้อมอธิบายแนวทางรับมือที่บริษัทกำลังดำเนินอยู่ เพื่อรองรับความต้องการหน่วยความจำที่พุ่งสูงจากกระแส AI อย่างต่อเนื่อง
วิกฤต DRAM ไม่ใช่แค่ “ตึงมือ” แต่คือช็อกทั้งซัพพลายเชน
SK hynix ยอมรับว่าสถานการณ์ขาดแคลน DRAM ในรอบนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับซัพพลายเชนอย่างชัดเจน ผู้ผลิตแทบไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก การปรับราคาขึ้นอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากดีมานด์เพิ่มขึ้นเร็วเกินกว่าที่โครงสร้างการผลิตจะปรับตัวได้ทัน
ผลกระทบเริ่มเห็นชัดแล้วในหลายตลาด ไม่ว่าจะเป็น
- โน้ตบุ๊กและ PC ที่ต้นทุนหน่วยความจำสูงขึ้น
- สมาร์ตโฟนที่ใช้ DRAM และ NAND ความจุสูงขึ้น
- อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI และ data center
โดยภาพรวมอุตสาหกรรมประเมินว่า ภาวะตึงตัวของหน่วยความจำอาจลากยาวไปถึง หลังปี 2027 เลยทีเดียว
โรงงาน M15X เปิดก่อนกำหนด เน้นผลิต HBM สำหรับ AI
หนึ่งในความเคลื่อนไหวสำคัญที่ SK hynix เปิดเผยคือ โรงงาน M15X ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ของบริษัท ได้ก่อสร้างเสร็จภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี และสามารถเปิดใช้งานได้ เร็วกว่ากำหนดเดิม
โรงงานแห่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการผลิต HBM (High Bandwidth Memory) โดยเฉพาะ และมีกำหนดเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบในปีถัดไป
มูลค่าการลงทุนของ M15X อยู่ที่ประมาณ 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว ประมาณ 130,000 ล้านบาท (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉลี่ย ~36 บาทต่อดอลลาร์)
เร่งขยายกำลังผลิต รับดีมานด์ AI ที่พุ่งแรงกว่าคาด
SK hynix ระบุว่า ความต้องการหน่วยความจำ โดยเฉพาะจากฝั่ง AI เพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่ประเมินไว้มาก ทำให้บริษัทต้องเร่ง “ล็อก” ทั้งพื้นที่โรงงานและกำลังการผลิตล่วงหน้า
นอกจาก M15X แล้ว บริษัทยังมีแผนเปิดโรงงาน Yongin fab ซึ่งมีกำหนดเริ่มดำเนินการในช่วง ครึ่งแรกของปี 2027 เพื่อเพิ่มกำลังผลิต DRAM อย่างมีนัยสำคัญในระยะยาว
เมื่อโครงการทั้งหมดเริ่มเดินเครื่องเต็มที่ SK hynix คาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังผลิต DRAM ได้อย่างชัดเจน และช่วยบรรเทาความตึงตัวของตลาดในภาพรวม
ยังเร็วเกินไปจะฟันธงว่าวิกฤตจะจบเมื่อไร
อย่างไรก็ตาม SK hynix ระบุอย่างชัดเจนว่า การคาดการณ์ระยะเวลาที่ DRAM จะกลับสู่ภาวะสมดุลนั้น ยังเร็วเกินไป เนื่องจากซัพพลายเชนกำลังอยู่ในช่วงปรับตัว และความต้องการจากฝั่ง AI ยังมีความไม่แน่นอนสูง
โดยเฉพาะตลาด AI accelerator, GPU และ ASIC ที่มีแนวโน้มทำสัญญาระยะยาวกับผู้ผลิตหน่วยความจำ ส่งผลให้กำลังการผลิตส่วนหนึ่งถูกล็อกไว้ล่วงหน้า
ไม่ได้โฟกัสแค่ลูกค้ารายใหญ่ แต่กระจายหลายเซกเมนต์
ประเด็นที่ผู้บริโภคให้ความกังวล คือ ผู้ผลิต DRAM จะเทน้ำหนักให้กับลูกค้า AI รายใหญ่เพียงกลุ่มเดียวหรือไม่ ซึ่งอาจทำให้ตลาดทั่วไปถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
SK hynix ยืนยันว่า สายการผลิต DRAM ของบริษัทรองรับ ลูกค้าที่หลากหลาย ไม่ได้จำกัดเฉพาะ GPU รายใหญ่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงลูกค้าในกลุ่ม ASIC และตลาดอื่น ๆ ด้วย
บริษัทตั้งเป้ารักษาความเป็นผู้นำด้าน HBM พร้อมทำงานร่วมกับลูกค้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นถัดไป เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรม AI ในระยะยาว
ผู้บริโภคทั่วไปอาจยังต้องรับแรงกระแทกราคา
ความเป็นจริงของอุตสาหกรรมหน่วยความจำคือ การขยายโรงงานหรือปรับไลน์ผลิตไม่สามารถทำได้ทันที ต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี
ขณะเดียวกัน บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่และ CSP ระดับโลกกำลังทำสัญญาซื้อ DRAM ระยะยาว ซึ่งทำให้ตลาดทั่วไป เช่น เกมเมอร์และผู้ใช้ PC ต้องแข่งขันกับดีมานด์จาก AI โดยตรง
จากภาพรวมทั้งหมด มีความเป็นไปได้สูงว่า ราคาสินค้า consumer ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยความจำ จะยังมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่องในระยะถัดไป
ที่มา: wccftech





