Connect with us

Hi, what are you looking for?

Notebookspec

IT NEWS

Electron และ WebView2 ทำแอป Windows 11 ใช้ RAM สูงผิดปกติ ในช่วงที่ราคา RAM ก็ยังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง

Windows 11 RAM App usage

ในเวลาที่ RAM กลายเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ราคาขยับสูงขึ้นแทบทุกเดือน ผู้ใช้ Windows 11 กลับต้องเจอกับอีกหนึ่งปัญหาที่ไม่ควรเกิดขึ้น นั่นคือ แอปยอดนิยมหลายตัวใช้ RAM มากผิดปกติ แม้จะเปิดทิ้งไว้เฉย ๆ ก็ตาม สาเหตุสำคัญมาจากการที่นักพัฒนาจำนวนมากหันไปใช้เทคโนโลยีเว็บ เช่น Electron และ WebView2 ในการสร้างแอปเดสก์ท็อป แทนการสร้างแอป native ที่ทั้งเบาและมีประสิทธิภาพมากกว่า

แม้ว่าวิธีนี้จะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ พัฒนาแอปได้ง่ายขึ้น แต่ผลลัพธ์กลับทำให้ผู้ใช้ต้องแบกรับภาระด้านประสิทธิภาพและต้นทุนอัปเกรดเครื่องแทน

Advertisement

แอปที่ผู้ใช้เปิดทุกวัน กลับเป็นตัวการใช้ RAM สูงโดยไม่รู้ตัว

แอปสื่อสารยอดนิยม เช่น Discord Teams และ WhatsApp มีลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่ง คือ “ไม่ใช่แอป Windows แบบแท้จริง” แต่เป็นเว็บที่ถูกนำมาห่อให้ทำงานเหมือนแอป ส่งผลให้มีการใช้ RAM สูงตั้งแต่เปิดแอป แม้ยังไม่ใช้งานจริงจัง


Discord: แอปแชตที่อาจกิน RAM ถึง 4 GB แบบไม่รู้ตัว

Discord เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดในการอธิบายปัญหานี้ เนื่องจากตัวแอปถูกสร้างด้วย Electron ซึ่งหมายถึงการรัน Chromium แบบเต็มระบบควบคู่กับ Node.js ทุกเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเข้าร่วม รวมถึงหน้าต่างแชตและฟีเจอร์ที่เปิดค้าง ล้วนเพิ่มกระบวนการทำงานของ browser engine และทำให้ RAM เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ

  • ใช้งานทั่วไป: ประมาณ 1 GB
  • ใช้งานนานหลายชั่วโมง: อาจพุ่งถึง 4 GB โดยไม่รู้ตัว

ทีมพัฒนา Discord เคยต้องทดลองฟีเจอร์ restart อัตโนมัติเมื่อการใช้ RAM แตะ 4 GB เพื่อ “เคลียร์หน่วยความจำ” ให้ผู้ใช้ แม้จะมีการแก้ memory leak อยู่เสมอ แต่ข้อจำกัดของ Electron ทำให้การแก้ปัญหาไม่สามารถลงลึกได้มากพอ

image 24
เครดิตภาพ: Windows Latest

WhatsApp เวอร์ชันใหม่: จากแอป native ที่ลื่นไหล สู่เว็บ wrapper ที่กินทรัพยากร

อดีต WhatsApp for Windows เวอร์ชัน UWP คือหนึ่งในแอปที่ดีที่สุดบนแพลตฟอร์ม ใช้งานเบา เปิดไว และกิน RAM น้อย แต่หลังจาก Meta เปลี่ยนมาใช้ WebView2 เพื่อความง่ายในการพัฒนา ทุกอย่างกลับแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด

  • ยังไม่ล็อกอิน ใช้ RAM ประมาณ 300 MB
  • เมื่อซิงก์แชตและใช้งานจริง: อาจแตะ 1.2 GB
  • การสลับแชตหรือเลื่อนหน้าต่างมีอาการหน่วง
  • CPU ใช้งานสูงโดยไม่จำเป็น

ที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อปิดหน้าต่าง แอปจะยังคงทำงานพื้นหลังผ่าน service workers เพื่อรอการแจ้งเตือน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แอป native ไม่จำเป็นต้องใช้เลย


Microsoft Teams: แม้เลิกใช้ Electron แต่ปัญหา RAM ก็ยังไม่หาย

Microsoft เปลี่ยน Teams มาใช้ WebView2 แทน Electron แต่ในเชิงการใช้งานจริง แอปยังคงใช้ RAM สูงกว่าที่ควร โดยสามารถใช้ได้ถึง 1 GB แม้อยู่ในสถานะ idle การแยกกระบวนการ เช่น ms-teams_modulehost.exe ช่วยเพิ่มความเสถียร แต่ไม่ได้ช่วยลดต้นทุนหน่วยความจำได้มากนัก เพราะพื้นฐานยังคงรันบน Chromium runtime เช่นเดิม

image 27
เครดิตภาพ: Windows Latest

ทำไมแอปเดสก์ท็อปยุคใหม่จึงใช้ RAM มากขึ้นจากเดิมหลายเท่า

แอปที่สร้างบน Electron หรือ WebView2 แทบทั้งหมดคือ “เว็บเบราว์เซอร์ขนาดย่อม” ที่ต้องรันส่วนประกอบแบบเดียวกับ Chromium ซึ่งประกอบด้วย:

  • JavaScript engine
  • GPU renderer
  • ระบบเน็ตเวิร์ก
  • ระบบเสียง
  • sandboxed subprocesses จำนวนมาก

ทุกส่วนถูกแยกออกเป็นหลายกระบวนการเพื่อความปลอดภัย ส่งผลให้ RAM ถูกใช้งานเพิ่มขึ้นตามจำนวนฟีเจอร์ที่ทำงานพร้อมกัน

กล่าวได้ว่า
เปิดแอปหนึ่งตัว เท่ากับเปิด Chrome อีกหนึ่งตัวแบบเต็มระบบ


WebView2 แม้เบากว่า Electron แต่ยังไม่ใช่คำตอบเรื่องประสิทธิภาพ

แม้ WebView2 จะใช้ Chromium จาก Microsoft Edge จึงลดความซ้ำซ้อนลงได้บ้าง แต่แทบทั้งหมดของโครงสร้างหลายกระบวนการ (multi-process architecture) ยังคงอยู่ ทำให้ baseline ของ RAM ไม่ได้ลดลงเท่าที่ควร แม้จะประหยัดทรัพยากรกว่า Electron แต่ก็ยังหนักกว่าแอป native อย่างมีนัยสำคัญ


Memory Leak: ตัวการเงียบที่ทำให้ RAM พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง

แอปที่เปิดทิ้งไว้หลายชั่วโมงมักมีความเสี่ยงเกิด memory leak ได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อ JavaScript objects หรือ event listeners ไม่ถูกล้างทิ้งอย่างถูกต้อง รวมถึงการที่กระบวนการของ Chromium ไม่คืนพื้นที่ RAM ในบางเงื่อนไข ทำให้การใช้หน่วยความจำค่อย ๆ สะสมจนพุ่งสูงผิดปกติในที่สุด

เครื่องมือ debug บนฝั่งเว็บยังไม่ละเอียดเท่า native ทำให้ปัญหานี้ยิ่งแก้ยากและเกิดขึ้นได้ในหลายแอปที่ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกัน


ทำไมบริษัทต่าง ๆ ไม่กลับไปทำแอป native?

คำตอบสั้นที่สุดคือ ต้นทุน และ ความเร็วในการพัฒนา

ข้อได้เปรียบของเว็บแอป:

  • ใช้โค้ดชุดเดียวรันได้บน Windows macOS Linux
  • หานักพัฒนาง่ายกว่า
  • ปล่อยฟีเจอร์พร้อมกันทุกแพลตฟอร์ม
  • ควบคุม UI ให้เหมือนกันได้ทั้งหมด

เมื่อรวมกับพฤติกรรมผู้ใช้ Windows ที่ “ยอมรับเว็บแอปได้” บริษัทจึงแทบไม่มีเหตุผลต้องลงทุนทำแอป native แม้ประสิทธิภาพจะดีกว่ามากก็ตาม


Apple กลับได้ประโยชน์จากความคาดหวังของผู้ใช้ที่สูงกว่า

ฝั่ง macOS ผู้ใช้มักต้องการประสบการณ์ native ที่เสถียรและลื่นไหลกว่า ทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องลงทุนทำแอปคุณภาพสูง หากแอปช้า หน่วง หรือกินทรัพยากรเกินเหตุ ก็มีโอกาสโดนรีวิวด้านลบทันที ซึ่งแตกต่างจาก Windows อย่างสิ้นเชิง


ราคาของ RAM กำลังสูงขึ้น และไม่มีสัญญาณว่าจะลดลงเร็ว ๆ นี้

ราคา RAM ที่สูงขึ้นในปี 2025 มาจากหลายปัจจัย:

  • โรงงาน DRAM หันไปผลิตชิปสำหรับ AI data center ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงกว่า
  • ความต้องการ DDR5 เพิ่มสูงทั้งฝั่ง consumer และ enterprise
  • Micron หยุดทำแบรนด์ consumer อย่าง Crucial ทำให้ตลาดแข่งขันน้อยลง
  • โรงงานลดกำลังผลิตเพื่อควบคุมราคา

ในไทย RAM หลายรุ่นมีราคาสูงกว่าเดิม 30–60 เปอร์เซ็นต์ ทำให้การอัปเกรดกลายเป็นภาระหนักของผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป


ทางออกควรมาจาก Microsoft ก่อนเป็นอันดับแรก

ในฐานะเจ้าของแพลตฟอร์ม Microsoft ควร:

  • ทำให้ WinUI น่าใช้งานและทรงประสิทธิภาพกว่าเดิม
  • แก้ปัญหาประสิทธิภาพของ Windows 11 ที่ค้างคา
  • พัฒนาแอป native ตัวอย่างคุณภาพสูงให้เห็น
  • ปรับ ecosystem ให้ส่งเสริมการสร้างแอป native

หาก Microsoft ยังใช้ WebView2 แม้แต่ในส่วนของระบบปฏิบัติการเอง บริษัทอื่นก็ยิ่งไม่มีเหตุผลใดที่จะกลับไปสร้างแอป native บน Windows


สรุป

การที่แอปยอดนิยมบน Windows 11 ใช้ RAM สูงผิดปกติ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์โดยตรงจากการเลือกใช้ Electron และ WebView2 ในการพัฒนาแอป ซึ่งมีค่าใช้จ่ายด้านทรัพยากรสูงกว่าที่ผู้ใช้ควรจะต้องเจอ

เมื่อราคา RAM ในตลาดยังคงพุ่งต่อเนื่อง ผู้ใช้ทั่วไปจึงต้องเป็นฝ่ายรับต้นทุนเพิ่มขึ้น ขณะที่นักพัฒนาได้ประโยชน์จากต้นทุนการพัฒนาที่ลดลงแทน

การแก้ปัญหาในระดับ ecosystem ต้องเริ่มจาก Microsoft ที่จะต้องให้ความสำคัญกับ native app มากขึ้น หากไม่เช่นนั้น แนวโน้มแอปเว็บที่กินทรัพยากรสูงจะยังคงเป็นอนาคตของ Windows ต่อไป และผู้ใช้จะต้องเป็นฝ่ายจ่ายอยู่ดี

ที่มา: Windows Latest

Click to comment

บทความน่าสนใจ

IT NEWS

ตลอดช่วงหลัง Windows 11 เริ่มถูกวิจารณ์มากขึ้น ไม่ใช่เพราะฟีเจอร์ใหม่หรือหน้าตาที่เปลี่ยนไป แต่เป็นแนวทางการพัฒนาที่ Microsoft เลือกใช้ โดยเฉพาะการนำเว็บเทคโนโลยีมาใช้แทนระบบแบบ native ในหลายส่วนของตัวระบบเอง ตั้งแต่แอปยอดนิยม ไปจนถึงฟีเจอร์พื้นฐานที่ผู้ใช้ต้องใช้งานทุกวัน ประเด็นนี้ได้รับความสนใจมากขึ้น เมื่อ Brendan Eich ผู้สร้างภาษา JavaScript และ CEO ของ Brave Browser...

IT NEWS

แนวคิดของระบบ Aim Assist ในเกมมักถูกพูดถึงในบริบทของคอนโซลหรือซอฟต์แวร์ช่วยเล็ง แต่โปรเจกต์ล่าสุดจาก Nick ยูทูบเบอร์เจ้าของช่อง Basically Homeless ได้พาแนวคิดนี้ไปไกลกว่านั้น ด้วยการสร้างระบบช่วยเล็งแบบ “กลไกจริง” ที่ไม่ได้แตะต้องตัวเกมหรือเมาส์เลยแม้แต่น้อย แทนที่จะขยับเมาส์ ระบบนี้กลับเลือกขยับ แผ่นรองเมาส์ทั้งแผ่น ใต้เมาส์แทน และผลลัพธ์ที่ได้คือความแม่นระดับยิงหัวแบบเลเซอร์ จนคนเล่นด้วยเริ่มคิดว่าตัวเองมีสกิลระดับ eSports โดยไม่รู้ตัว Advertisement แนวคิดเริ่มต้น: เมื่อเล่นเกมเก่งเกินไปจนเริ่มเบื่อ...

IT NEWS

Microsoft เริ่มทยอยอัปเดต Copilot บนเว็บ, Windows และอุปกรณ์พกพา ด้วยโมเดล AI รุ่นใหม่ GPT 5.2 ภายใต้ชื่อโหมด Smart Plus โดยเปิดให้ใช้งานเป็นการอัปเกรดฟรี และยังคงใช้งานควบคู่ไปกับ GPT 5.1 ที่อยู่ในโหมด Smart ตามเดิม การอัปเดตครั้งนี้สะท้อนทิศทางชัดเจนว่า Microsoft ต้องการยกระดับ...

IT NEWS

ในช่วงปลายปี 2025 ตำรวจเกาหลีใต้เปิดเผยความคืบหน้าคดีอาชญากรรมไซเบอร์รายใหญ่ หลังสามารถจับกุมแฮกเกอร์ชาวลิทัวเนียวัย 29 ปี ซึ่งอยู่เบื้องหลังการแพร่ KMSAuto ปลอมไปทั่วโลก ส่งผลให้มีคอมพิวเตอร์ติดมัลแวร์มากกว่า 2.8 ล้านเครื่อง และเกิดความเสียหายจากการโจรกรรมคริปโทเคอร์เรนซีคิดเป็นมูลค่ากว่า 46 ล้านบาท คดีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างชัดเจนของความเสี่ยงจากการใช้ซอฟต์แวร์เถื่อน โดยเฉพาะเครื่องมือ Activate Windows หรือ Office อย่าง KMSAuto ที่มักถูกใช้เป็นช่องทางฝังมัลแวร์มานานแล้ว...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก