
Microsoft เดินหน้าปรับปรุงระบบความปลอดภัยของ Windows 11 อย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในฟีเจอร์ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือ Smart App Control ซึ่งแต่เดิมจำเป็นต้องติดตั้ง Windows แบบ Clean Install เท่านั้นถึงจะเปิดใช้งานได้ แต่หลังอัปเดต Insider Build ล่าสุด ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้ได้ทันทีจาก Windows Security โดยไม่ต้องล้างเครื่องใหม่อีกต่อไป
ความเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มปรากฏใน Insider Build 26220.7070 (KB5070300) ช่วงเดือนพฤศจิกายน และยังได้รับการยืนยันต่อใน Build ใหม่ 22620.7344 (KB5070316) ที่ปล่อยทดสอบเมื่อสัปดาห์นี้ สะท้อนว่า Microsoft อยู่ระหว่างเตรียมนำฟีเจอร์นี้เข้าสู่เวอร์ชันเสถียรในอนาคตอันใกล้
Smart App Control คืออะไร และทำงานอย่างไร
Smart App Control เป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยแบบ cloud-based intelligence ที่ทำงานเชิงรุก โดยตรวจสอบและบล็อกแอปที่ไม่น่าเชื่อถือก่อนที่แอปจะรันตัวเองบนระบบ ช่วยลดความเสี่ยงจากมัลแวร์, โปรแกรมที่ไม่พึงประสงค์ และแอปที่ไม่ได้ลงทะเบียนอย่างถูกต้อง
ฟีเจอร์นี้มีเฉพาะบน Windows 11 เท่านั้น และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ Microsoft เคยแนะนำให้ผู้ใช้ย้ายจาก Windows 10 ไป 11 แบบ Clean Install เพื่อให้ระบบวิเคราะห์พฤติกรรมแอปตั้งแต่เริ่มใช้งานเครื่องใหม่
แต่ตอนนี้ข้อจำกัดนั้นถูกยกเลิกแล้ว
ใน Release Notes ระบุว่า:
“เราปรับ Smart App Control ให้สามารถเปิดหรือปิดได้ทันทีโดยไม่ต้อง Clean Install อีกต่อไป เข้าไปจัดการได้ที่ Windows Security > App & Browser Control > Smart App Control settings”
ผลต่อประสิทธิภาพ: ทำไม Smart App Control ถึงช่วยให้เครื่องลื่นขึ้น
Microsoft ระบุว่าการทำงานแบบ proactive ของ Smart App Control ช่วยให้ระบบไม่ต้องรับโหลดจากการสแกนแบบ real-time หนักเหมือนโปรแกรมป้องกันไวรัสทั่วไป เมื่อแอปที่เป็นอันตรายถูกบล็อกตั้งแต่ต้น ระบบจึงใช้ทรัพยากรน้อยลง
ผลที่ตามมา:
- เครื่องสเปกต่ำหรือสเปกกลางจะ “ลื่นขึ้น” อย่างเห็นได้ชัด
- เครื่องที่มี RAM น้อยไม่ต้องเจอกับโหลด background scanning บ่อย
- เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความปลอดภัยแต่ไม่อยากให้เครื่องหน่วง
ผู้ใช้พีซีสเปกสูงอาจไม่รู้สึกถึงความต่างมากนัก แต่สำหรับผู้ใช้ทั่วไป Smart App Control ถือเป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มความเร็วโดยไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม
จะใช้งานได้เต็มรูปแบบเมื่อไหร่
แม้ฟีเจอร์จะทำงานได้ใน Insider Build แล้ว แต่ยังถือว่าอยู่ในช่วงทดสอบ คาดว่า จะปล่อยสู่ Release Preview ก่อนเข้าสู่เวอร์ชันเสถียรช่วงต้นปีหน้า หากไม่มีปัญหาเพิ่มเติมจากการทดสอบภายใน
เมื่อปล่อยสู่ผู้ใช้ทั่วไปแล้ว ทุกคนจะสามารถ:
- เปิด/ปิด Smart App Control ได้โดยตรง
- ไม่ต้องติดตั้ง Windows ใหม่
- ใช้งานระบบป้องกันภัยคุกคามที่เบาและรวดเร็วขึ้น
นี่ถือเป็นการเปลี่ยนเงื่อนไขครั้งใหญ่ที่สุดของฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยบน Windows 11 นับตั้งแต่เปิดตัว
สรุป
Smart App Control กลายเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานได้ง่ายขึ้นและเข้าถึงได้มากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่ง Clean Install อีกต่อไป นอกจากช่วยเพิ่มความปลอดภัยแล้ว ยังมีข้อดีด้านประสิทธิภาพที่ช่วยให้เครื่องตอบสนองเร็วขึ้น โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ที่มีทรัพยากรจำกัด ฟีเจอร์นี้จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Windows 11 แตกต่างจาก Windows 10 อย่างเห็นได้ชัดในด้านความปลอดภัยและประสบการณ์ใช้งานโดยรวม
ที่มา: Neowin




