Connect with us

Hi, what are you looking for?

Notebookspec

IT NEWS

Samsung และ SK hynix ยืนยันไม่เร่งเพิ่มกำลังผลิต DRAM แม้ดีมานด์ AI จะสูงจนทำให้ราคา RAM พุ่ง เพราะต้องการควบคุมกำไรระยะยาวและหลีกเลี่ยงภาวะ Oversupply

Samsung SK hynix DRAM

ตลาด DRAM ทั่วโลกกำลังเผชิญภาวะขาดแคลนอย่างหนักในปี 2025 จากความต้องการหน่วยความจำระดับสูงในงาน AI, Cloud และ Data Center ส่งผลให้ราคา RAM สำหรับผู้ใช้ทั่วไปปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจนหลายคนรู้สึกว่าซื้อยากกว่าที่เคย

ล่าสุดสื่อเกาหลีรายงานว่า Samsung และ SK hynix ซึ่งเป็นผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ของโลกที่ถือส่วนแบ่งรวมกันกว่า 70% ได้ออกมาให้จุดยืนชัดเจนว่า จะไม่เร่งเพิ่มกำลังผลิตในระยะสั้น แม้ดีมานด์จะเติบโตอย่างรวดเร็ว

Advertisement


ผู้ผลิตทั้งสองมองว่าการรีบลงทุนขยายสายการผลิตตอนนี้อาจนำไปสู่ภาวะ Oversupply เมื่อความต้องการจากกระแส AI เริ่มชะลอตัว ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในรอบก่อน ๆ ทำให้ราคาหน่วยความจำตกฮวบและกระทบผลกำไรหนัก


Samsung ชี้ชัด: เป้าหมายคือความมั่นคงระยะยาว ไม่ใช่ยอดผลิตระยะสั้น

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ Samsung พูดถึงคือการจัดการต้นทุนและปริมาณการผลิตแบบ CAPEX สมดุล โดยให้ความสำคัญกับความเสถียรและกำไรระยะยาวมากกว่าการเพิ่มกำลังผลิตทันทีเพื่อรองรับดีมานด์ชั่วคราว

“เราจะมุ่งรักษากำไรระยะยาว และลดความเสี่ยงจาก Oversupply ผ่านการลงทุนที่สมดุลกับดีมานด์และราคา”
– Samsung

ทั้ง Samsung และ SK hynix เคยลดกำลังผลิตลงหนักในช่วง COVID-19 เพราะตลาดคอมพิวเตอร์ซบเซา ทำให้หลายสายการผลิตไม่สามารถกลับมารองรับความต้องการจำนวนมากได้ทันที ส่งผลให้เกิดภาวะตึงตัวต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน


ผู้เชี่ยวชาญเตือน: ภาวะขาดแคลน DRAM อาจลากยาวไปจนถึงปี 2028

รายงานยังระบุว่า ความต้องการด้าน AI ที่โตแบบก้าวกระโดดทำให้ตลาดยังอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจยาวไปถึงปี 2028

ปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์ไม่ดีขึ้น ได้แก่

  • ความต้องการของ AI, HPC และ Cloud สูงต่อเนื่อง
  • กำลังผลิตไม่สามารถขยายได้ในเวลาอันสั้น
  • ผู้ผลิตเลือกใช้สัญญาซื้อขายแบบ “ระยะสั้น” ที่ปรับราคาได้เร็วขึ้น
  • ความเสี่ยงด้านราคา หากเพิ่มกำลังผลิตมากเกินไป

ผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไปคือ

  • ราคา RAM ยังขยับขึ้น
  • GPU ที่ใช้ GDDR ต้นทุนสูงขึ้น
  • พีซีประกอบระดับกลาง–สูงราคาเพิ่ม
  • การอัปเกรดพีซีในไทยมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามต้นทุนตลาดโลก

ผู้ใช้ควรเตรียมตัว: ราคา RAM ไม่น่าจะถูกลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2026

นักวิเคราะห์หลายรายประเมินว่าแม้จะเข้าสู่ปี 2026 สถานการณ์ราคายังไม่ดีขึ้นในระยะใกล้ โดยอาจต้องรอถึง ไตรมาส 3 ของปี 2026 กว่าราคาจะเริ่มทรงตัว
ดังนั้น ผู้ใช้ที่ต้องการอัปเกรด RAM อาจต้องพิจารณาจังหวะโปรโมชั่นจากร้านใหญ่ เช่น ช่วง Commart หรืออีเวนต์ลดราคาต่าง ๆ เพื่อให้ต้นทุนอัปเกรดลดลงบ้าง

แต่ทิศทางโดยรวมยังคงชี้ว่า “ราคาไม่ลดลงง่าย ๆ” หากดีมานด์ AI ยังแรงต่อเนื่องแบบปัจจุบัน


สรุปสถานการณ์ล่าสุด

  • Samsung และ SK hynix จะไม่เร่งเพิ่มกำลังผลิต
  • ดีมานด์สูงจาก AI ทำให้ตลาดตึงตัว
  • ราคา RAM และต้นทุน GPU ยังคงสูง
  • ภาวะขาดแคลนอาจยาวไปถึงปี 2028
  • ผู้ใช้ทั่วไปต้องจ่ายแพงขึ้นเมื่ออัปเกรดเครื่อง

ที่มา: wccftech

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

IT NEWS

ตลอดช่วงหลัง Windows 11 เริ่มถูกวิจารณ์มากขึ้น ไม่ใช่เพราะฟีเจอร์ใหม่หรือหน้าตาที่เปลี่ยนไป แต่เป็นแนวทางการพัฒนาที่ Microsoft เลือกใช้ โดยเฉพาะการนำเว็บเทคโนโลยีมาใช้แทนระบบแบบ native ในหลายส่วนของตัวระบบเอง ตั้งแต่แอปยอดนิยม ไปจนถึงฟีเจอร์พื้นฐานที่ผู้ใช้ต้องใช้งานทุกวัน ประเด็นนี้ได้รับความสนใจมากขึ้น เมื่อ Brendan Eich ผู้สร้างภาษา JavaScript และ CEO ของ Brave Browser...

IT NEWS

แนวคิดของระบบ Aim Assist ในเกมมักถูกพูดถึงในบริบทของคอนโซลหรือซอฟต์แวร์ช่วยเล็ง แต่โปรเจกต์ล่าสุดจาก Nick ยูทูบเบอร์เจ้าของช่อง Basically Homeless ได้พาแนวคิดนี้ไปไกลกว่านั้น ด้วยการสร้างระบบช่วยเล็งแบบ “กลไกจริง” ที่ไม่ได้แตะต้องตัวเกมหรือเมาส์เลยแม้แต่น้อย แทนที่จะขยับเมาส์ ระบบนี้กลับเลือกขยับ แผ่นรองเมาส์ทั้งแผ่น ใต้เมาส์แทน และผลลัพธ์ที่ได้คือความแม่นระดับยิงหัวแบบเลเซอร์ จนคนเล่นด้วยเริ่มคิดว่าตัวเองมีสกิลระดับ eSports โดยไม่รู้ตัว Advertisement แนวคิดเริ่มต้น: เมื่อเล่นเกมเก่งเกินไปจนเริ่มเบื่อ...

IT NEWS

Microsoft เริ่มทยอยอัปเดต Copilot บนเว็บ, Windows และอุปกรณ์พกพา ด้วยโมเดล AI รุ่นใหม่ GPT 5.2 ภายใต้ชื่อโหมด Smart Plus โดยเปิดให้ใช้งานเป็นการอัปเกรดฟรี และยังคงใช้งานควบคู่ไปกับ GPT 5.1 ที่อยู่ในโหมด Smart ตามเดิม การอัปเดตครั้งนี้สะท้อนทิศทางชัดเจนว่า Microsoft ต้องการยกระดับ...

IT NEWS

ในช่วงปลายปี 2025 ตำรวจเกาหลีใต้เปิดเผยความคืบหน้าคดีอาชญากรรมไซเบอร์รายใหญ่ หลังสามารถจับกุมแฮกเกอร์ชาวลิทัวเนียวัย 29 ปี ซึ่งอยู่เบื้องหลังการแพร่ KMSAuto ปลอมไปทั่วโลก ส่งผลให้มีคอมพิวเตอร์ติดมัลแวร์มากกว่า 2.8 ล้านเครื่อง และเกิดความเสียหายจากการโจรกรรมคริปโทเคอร์เรนซีคิดเป็นมูลค่ากว่า 46 ล้านบาท คดีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างชัดเจนของความเสี่ยงจากการใช้ซอฟต์แวร์เถื่อน โดยเฉพาะเครื่องมือ Activate Windows หรือ Office อย่าง KMSAuto ที่มักถูกใช้เป็นช่องทางฝังมัลแวร์มานานแล้ว...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก