
ปี 2025 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่อุตสาหกรรมไอทีกำลังเผชิญ วิกฤตหน่วยความจำครั้งใหญ่ ทั้ง DRAM, GDDR และ HBM ต่างถูกแย่งชิงไปใช้สำหรับงานด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ซึ่งเติบโตแบบไร้เพดาน ทำให้ตลาดทั่วไปอย่างพีซีและเกมถูกลดความสำคัญลงอย่างเห็นได้ชัด ล่าสุดมีข่าวลือเกี่ยวกับ NVIDIA ว่าอาจหยุดส่งมอบ VRAM แบบบันเดิลไปพร้อมกับ GPU ให้บอร์ดพาร์ทเนอร์เหมือนที่ผ่านมา และจะปล่อยให้ผู้ผลิตจัดหาหน่วยความจำด้วยตัวเองทั้งหมด
ข่าวลือนี้มาจากแหล่งข้อมูล Golden Pig Upgrade แม้ยังไม่ใช่ข้อมูลยืนยัน แต่ถ้าเป็นจริงก็ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่สะท้อนว่าปัญหาหน่วยความจำกำลังรุนแรงมากกว่าที่คาดไว้มาก

NVIDIA อาจส่ง GPU แบบ “ไม่มี VRAM” ให้บอร์ดพาร์ทเนอร์แล้ว
ตามข้อมูลที่หลุดออกมา NVIDIA อาจเปลี่ยนวิธีทำงานกับ AIB โดยไม่บันเดิลชิปหน่วยความจำมาพร้อมกับ GPU อีกต่อไป ทั้งที่โดยปกติแล้วแบรนด์จะได้รับแพ็กคู่ทั้ง GPU die และ VRAM เพื่อนำไปประกอบเป็นการ์ดจอพร้อมขาย
เหตุผลที่อาจทำให้ NVIDIA ต้องเปลี่ยนระบบเดิม ได้แก่:
- หน่วยความจำอย่าง GDDR6 / GDDR7 ขาดตลาดหนัก
- โรงงานผู้ผลิต (Samsung, Micron, SK Hynix) หันไปผลิตหน่วยความจำสำหรับ AI เป็นหลัก
- ราคาหน่วยความจำปรับขึ้นต่อเนื่อง
- ปริมาณไม่เพียงพอแม้แต่สำหรับ NVIDIA เอง
หาก NVIDIA ไม่สามารถจัดหา VRAM มาบันเดิลให้พอ ก็หมายถึง AIB ทุกแบรนด์จะต้องไปซื้อ GDDR ตามสเปกที่ NVIDIA ระบุด้วยตัวเอง ซึ่งอาจสร้างภาระใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผู้ผลิตรายใหญ่กระทบไม่มาก แต่รายเล็กอาจถึงขั้น “เสี่ยงออกจากตลาด”
ผู้ผลิตรายใหญ่
แบรนด์ใหญ่ ๆ เช่น ASUS, MSI, Gigabyte, Palit หรือ Colorful มีช่องทางซัพพลายที่แข็งแรงอยู่แล้ว การหาหน่วยความจำเองจึงไม่น่ามีปัญหา แม้ต้นทุนจะสูงขึ้นก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้สุดท้ายจะสะท้อนออกมาเป็น ราคาการ์ดจอที่แพงขึ้นในปี 2026
ผู้ผลิตรายเล็ก
นี่คือกลุ่มที่อาจเจ็บหนัก:
- เข้าถึงซัพพลายจำกัดกว่า
- ต้นทุนต่อหน่วยสูงกว่า
- ขาดอำนาจต่อรองกับผู้ผลิตหน่วยความจำ
- เสี่ยงทำการ์ดจอออกมาขายในปริมาณน้อย หรือผลิตไม่ได้เลย
ก่อนหน้านี้เราเคยเห็นแบรนด์ใหญ่อย่าง EVGA ถอนตัวจากตลาด GPU โดยมีสาเหตุหนึ่งมาจากความสัมพันธ์กับ NVIDIA ที่ไม่ราบรื่น หากการบันเดิล VRAM ถูกยกเลิกจริง ก็อาจทำให้ผู้ผลิตรายเล็กหลายเจ้าอยู่ในสถานการณ์ที่แย่กว่าเดิม จนอาจต้องพิจารณาอนาคตของธุรกิจ
ทำไม NVIDIA อาจยอมเสียรายได้จากการขาย VRAM แบบบันเดิล
โดยทั่วไป NVIDIA จะทำกำไรจากการบันเดิลชิป GPU + VRAM เป็นแพ็กในการขายให้ AIB แต่การเลือกหยุดบันเดิลหมายถึง “การยอมเสียรายได้ก้อนหนึ่งไปเลย” ซึ่งสะท้อนว่า ปัญหาซัพพลายหน่วยความจำตอนนี้หนักแบบจริงจัง
ปัจจัยสำคัญได้แก่:
- โรงงานผู้ผลิตหันไปทำ HBM สำหรับ AI เป็นหลัก
- กำลังการผลิต VRAM ชนิด GDDR ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
- ต้นทุนการจัดซื้อ VRAM ครั้งละจำนวนมาก ไม่คุ้มค่าอีกต่อไป
- ตลาด AI เติบโตเร็วกว่าอุปกรณ์คอนซูเมอร์หลายเท่า
NVIDIA จึงอาจมองว่าการซื้อ VRAM ปริมาณมหาศาลมาบันเดิล “ไม่คุ้ม” ทั้งในมิติราคาและซัพพลาย
ภาพรวมวิกฤตหน่วยความจำปี 2025–2026 และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นต่อไป
อุตสาหกรรมหน่วยความจำทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหาหนักจาก:
- ความต้องการของ AI ที่เพิ่มมหาศาล
- โรงงานเร่งผลิต HBM / LPDDR สำหรับเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์ AI
- GDDR ถูกจัดลำดับความสำคัญลดลง
- ราคา DRAM, GDDR, HBM และ NAND เพิ่มขึ้นพร้อมกัน
ดังนั้นในปี 2026 อาจเกิดสถานการณ์ต่อไปนี้:
- ราคาการ์ดจออาจเพิ่มขึ้นอีกระลอก
- การ์ดจอระดับกลางอาจราคาสูงจน “ไม่คุ้มค่า”
- ผู้ผลิตรายเล็กอาจทยอยออกจากตลาด
- NVIDIA และ AMD อาจต้องปรับแผนธุรกิจใหม่
ความเสียหายหลักมาจากการที่ซัพพลายเมโมรียุคปัจจุบันถูก “ดูด” ไปเกือบหมดโดยตลาด AI ที่มีความต้องการสูงจนระบบซัพพลายเดิมรองรับไม่ทัน
สรุป — ข่าวลือที่ควรจับตา เพราะสะท้อนปัญหาใหญ่ของทั้งอุตสาหกรรม
แม้ข่าวลือนี้จะยังไม่มีการยืนยัน แต่สอดคล้องกับภาพรวมอุตสาหกรรมอย่างมาก หาก NVIDIA หยุดบันเดิล VRAM จริง ก็หมายความว่าปัญหาซัพพลายหน่วยความจำตอนนี้รุนแรงจนกระทบไปทุกส่วน ตั้งแต่ต้นน้ำอย่างผู้ผลิต ไปจนถึงปลายน้ำคือผู้บริโภคอย่างเรา ๆ
ผู้ใช้ทั่วไปอาจต้องเตรียมรับความจริงว่า การ์ดจอรุ่นใหม่อาจแพงขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 2026 และอาจมีจำนวนจำกัดในบางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นระดับกลางที่คนใช้งานเยอะที่สุด
ที่มา: tomshardware





