
Intel กำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคใหม่ของเดสก์ท็อปประสิทธิภาพสูงด้วยสถาปัตยกรรม Nova Lake ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 โดยหนึ่งในไฮไลต์สำคัญที่ถูกพูดถึงมากที่สุด คือการมาของ bLLC (Big Last Level Cache) ที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ซึ่งถูกมองว่าเป็นคำตอบของ Intel ในการสู้กับเทคโนโลยี 3D V-Cache ของ AMD ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มเกมเมอร์
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า bLLC ความจุสูงสุด 144MB จะถูกจำกัดให้เฉพาะรุ่น “K” หรือรุ่นปลดล็อกเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดอาจต้องเลือกซื้อรุ่นราคาสูงขึ้นโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
การอัปเกรดใหญ่ ครั้งแรกหลังยุค Arrow Lake
Nova Lake ถูกมองว่าเป็นสถาปัตยกรรม “เปลี่ยนรุ่นจริง ๆ” โดยใช้กระบวนการผลิต Intel 18A ซึ่ง Intel เคลมว่ามีความก้าวหน้ามากทั้งด้านประสิทธิภาพต่อวัตต์และ Density ของทรานซิสเตอร์
ดีไซน์โดยรวมยังคงเป็นแบบ Multi-Tile Design ประกอบด้วย:
- P-core รุ่นใหม่
- E-core รุ่นใหม่
- LP-E core เพื่อประหยัดพลังงาน
- Compute Tile จำนวน 1–2 ชุด ตามแต่ละ SKU
ตามข้อมูลที่หลุดออกมา รุ่นท็อปอาจมีมากถึง 52 คอร์ (16P + 32E + 4 LP-E) ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนคอร์สูงที่สุดของ Intel ในฝั่งคอนซูเมอร์
bLLC คืออะไร และทำไมถึงสำคัญมากในยุคนี้
ในฝั่ง AMD ซีรีส์ Ryzen X3D สร้างชื่ออย่างมากจากแคช L3 ปริมาณมหาศาล เช่น Ryzen 9 9950X3D ที่มี L3 รวม 96MB ทำให้ประสิทธิภาพเกมสูงขึ้นอย่างชัดเจน
Intel ที่ต้องหาคำตอบของเรื่องนี้ จึงเกิดเป็น bLLC (Big Last Level Cache) ซึ่งให้ L3 Cache ปริมาณมากกว่าเดิมอย่างมหาศาล โดยตัวเลขที่หลุดออกมาคือ:
- 144MB L3 Cache
ซึ่ง มากกว่า Ryzen 9 9950X3D ถึง 48MB
ต่างจาก AMD ที่ใช้เทคโนโลยี 3D V-Cache แบบวางซ้อนกัน (Hybrid Bonding) Intel ใช้วิธีฝัง bLLC ไว้ใน Compute Tile โดยตรง คล้ายเทคนิคที่ใช้ในชิปเซิร์ฟเวอร์อย่าง Clearwater Forest
ทำไมรุ่นที่มี bLLC จึงถูกจำกัดเฉพาะรุ่น K
ข้อมูลจากวงในระบุว่าแม้ตัวชิปจะมี Compute Tile แบบเดียวกัน แต่ ตัวที่ได้ bLLC อาจมีเฉพาะรุ่น K เช่นกลุ่ม Core Ultra 5 บางตัวที่เป็น 8P + 16E/12E
สาเหตุที่เป็นไปได้ ได้แก่:
1) การควบคุมกลุ่มตลาดระดับบน
Intel อาจต้องการให้เทคโนโลยีที่มีผลต่อประสิทธิภาพเกมสูงสุดอยู่ในกลุ่มราคาพรีเมียม
2) ความต้องการด้านพลังงานและความร้อน
L3 Cache ขนาดใหญ่ต้องใช้พลังงานเพิ่ม ความเหมาะสมจึงอาจสอดคล้องกับรุ่นที่รองรับ TDP สูงกว่า
3) ประเด็นด้านคุณภาพและความซับซ้อนของ Multi-Tile
ไทล์จำนวนมากและระบบแคชแบบใหม่จำเป็นต้องมีการควบคุมคุณภาพมากกว่า การเริ่มจากรุ่นปลดล็อกก่อนจึงเป็นแนวทางที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า
อาจมี “Dual-bLLC” ในอนาคต?
เพราะรุ่นท็อปของ Nova Lake ใช้ Compute Tile 2 ชุด หากแต่ละไทล์มี bLLC ของตัวเอง ก็มีความเป็นไปได้ที่ Intel จะทำรุ่นพิเศษที่มี L3 Cache มากขึ้นอีกขั้น
ตอนนี้ยังเป็นเพียงแนวคิด แต่ข่าวลือเคยระบุว่ารุ่น Core Ultra 9 แบบ 180MB อาจเกิดขึ้นจริง
Nova Lake vs Ryzen X3D ใครจะครองตำแหน่งราชาเกมเมอร์?
Ryzen X3D เป็นชิปที่เกมเมอร์ทั่วโลกยอมรับว่า “เฉียบขาดที่สุด” ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 5800X3D, 7800X3D หรือ 9950X3D ด้วยความได้เปรียบจาก L3 Cache ปริมาณมาก
การที่ Nova Lake รุ่น K มี L3 Cache มากกว่า X3D ทำให้สมรภูมิครั้งนี้น่าสนใจอย่างยิ่ง
Intel อาจมีจุดแข็งดังนี้:
- L3 Cache มากกว่า (144MB)
- ปลดล็อกโอเวอร์คล็อกได้
- ประสิทธิภาพต่อคอร์สูงขึ้นด้วยกระบวนการผลิต Intel 18A
แน่นอน ทุกอย่างยังต้องรอผลทดสอบจริงในปี 2026
Intel เคยทดลองแคชแบบ 3D มาก่อนแล้ว
ข้อมูลจากวงในบอกว่า Intel เคยพัฒนาเทคนิค 3D/TSV เพื่อเพิ่ม L3 Cache ตั้งแต่ยุค Broadwell แต่ไม่เคยออกสู่ตลาดจริง ทำให้ Nova Lake และ bLLC ถือเป็นครั้งแรกที่ Intel ตัดสินใจเปิดตัวเทคโนโลยีด้านแคชขนาดใหญ่ในตลาดคอนซูเมอร์
สรุปภาพรวม: ศึกแคชมหาศาลกำลังจะเริ่มขึ้น
Nova Lake จะกลายเป็นหมากสำคัญของ Intel ในสงครามประสิทธิภาพเกมยุคใหม่ โดยมีจุดแตกต่างสำคัญคือ:
- มากับกระบวนการผลิต Intel 18A
- ดีไซน์ Compute Tile แบบใหม่
- L3 Cache สูงสุด 144MB
- จำกัดเฉพาะรุ่น K
- ตั้งเป้าชน Ryzen X3D โดยตรง
แต่ก็มีคำถามที่ยังค้างคาอยู่คือ Intel จะทำรุ่นราคาคุ้มค่าที่มี bLLC ออกมาให้คนทั่วไปเข้าถึงหรือไม่
เพราะถ้าปล่อยเฉพาะรุ่น K ราคาแพง เกมเมอร์สายคุ้มอาจยังคงมองไปทางฝั่ง AMD ต่อไป
ที่มา: tomshardware





