MSI Cyborg 15 B2RW เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คราคาเป็นมิตร เพียง 34,990 บาท ฟีเจอร์มาครบทั้งเล่นเกมและทำงาน ดีไซน์ใหม่สวยไม่เหมือนใคร!

ถ้าถามว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นไหนมีดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ต้องยกให้ MSI Cyborg 15 B2RW ซึ่งใช้คอนเซปท์ตัวเครื่องแบบกึ่งโปร่งใสด้านใต้เครื่องผสมกับตัวเครื่องสีดำทึบในส่วนบน แล้วรุ่นล่าสุดนี้ก็ปรับให้บอดี้กึ่งโปร่งใสมาอยู่ข้างบนผสมกับเส้นสายโค้งเว้าให้เห็นชิ้นส่วนภายในตัวเครื่องได้มากขึ้นและเรียกดีไซน์นี้ว่า “Exoskeletal” เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ Cyborg 15 นี้โดยเฉพาะ ติดโลโก้ทรงสามเหลี่ยมหัวกลับเฉพาะรุ่นอย่าง “Cyborg Heart” เป็นสัญลักษณ์พิเศษเฉพาะโน้ตบุ๊กเล่นเกมรุ่นนี้เท่านั้นอีกด้วย
อิงกับตำแหน่งทางการตลาด MSI ตั้งใจให้ราคาของ MSI Cyborg 15 B2RW ไม่แพงมากแต่ยังเล่นเกมชั้นนำในปัจจุบันได้ลื่นไหล ซีพียูของซีรีส์นี้จึงเป็น Intel Core Series รหัสพัฒนา Raptor Lake จับคู่กับจีพียู NVIDIA GeForce RTX 50 Series เพื่อใช้ฟีเจอร์ Multi Frame Generation ให้เล่นเกมได้ลื่นไหลขึ้นบนความละเอียด 1080~1440p ได้ลื่นไหล เสริมด้วย NVIDIA Reflex 2 เพื่อลดปัญหา Input Lag ให้ได้เล่นเกมโปรดอย่างสนุกสนานตามปกติ และยังเพิ่ม RAM ไปได้ถึง 96 GB ให้มันเปิดโปรแกรมต่างๆ ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะตัดต่อวิดีโอ, ปั้นโมเดล 3D, เขียนและรันโปรแกรมไหนก็ไม่มีปัญหา จะรับบทเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหรือโน๊ตบุ๊คทำงานก็ได้ทั้งคู่โดยไม่เคอะเขินแม้แต่น้อย

ฟีเจอร์ที่ MSI Cyborg 15 B2RW มีให้ใช้และถูกปรับแต่งให้ดีขึ้น เริ่มจากพอร์ต USB-C ในรุ่นก่อนจะเป็น DisplayPort alternate mode อย่างเดียว ก็เปลี่ยนเป็น Full Function ให้ต่อชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ GaN 100W ได้ ติดชุดระบายความร้อน Cooler Boost ใหม่ ไว้รองรับการโอเวอร์คล็อกซีพียูกับจีพียูใน MSI Center ให้อุณหภูมิไม่สูงเกินไป เติมคีย์ลัด Flip-n-Share เข้ามารับกับหน้าจอแบบกางได้แบนราบ 180 องศา ขนานไปกับโต๊ะคอมได้ รวมถึงระบบ Battery Boost ปิดการทำงานการ์ดจอแยก NVIDIA แล้วใช้แต่จีพียู Intel Graphics เพื่อยืดระยะเวลาใช้งานด้วยแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้นพอควรร
NBS Verdicts

MSI Cyborg 15 B2RW ถูกปรับแต่งทั้งดีไซน์และฟีเจอร์ให้น่าใช้ยิ่งขึ้น เริ่มจากเปลี่ยนพอร์ต USB-C แบบ DisplayPort alternate mode เป็น Full Function เพิ่มความสะดวกเวลาทำงานในออฟฟิศจะได้ต่อ Hub พ่วงอุปกรณ์เสริมได้สะดวก มี Matrix Display ต่อได้ 2 หน้าจอ เพิ่มพื้นที่ Desktop ให้มากขึ้น ถ้าพกไปทำงานนอกสถานที่หรือต้องประชุมนานระดับ Town hall ก็ชาร์จไฟด้วยอะแดปเตอร์ GaN หรือพาวเวอร์แบงค์ 100W ได้ ไม่ต้องพึ่งปลั๊กไฟเสมอไปเหมือนรุ่นก่อนแล้ว แถมราคาเริ่มต้นเพียง 28,990 บาท ก็หาซื้อไปใช้ได้
จุดน่าชื่นชมของ MSI Cyborg 15 B2RW คือให้ฟีเจอร์มาเผื่อให้ใช้งานได้รอบด้าน ยิ่งใครเพิ่งเปลี่ยนจากโน๊ตบุ๊คบางเบามาเป็นโน้ตบุ๊กเล่นเกมเพราะต้องการสมรรถนะสูงขึ้นก็ไม่ผิดหวัง ทั้งแถม Microsoft Office Home 2024 มาให้ในเครื่อง เพียง Sign in เคลมสิทธิ์ก็ใช้ทำงานได้เลย แถมยกลูกเล่นของ Modern Series อย่างบานพับหน้าจอกางได้กว้างขนานกับพื้นโต๊ะได้กับปุ่ม Flip-n-Share พลิกหน้าจอกลับให้คู่สนทนาดูมาติดเพิ่มด้วย มันจึงเป็นตัวเลือกเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คมีการ์ดจอแยกพร้อมฟังก์ชั่นเพื่อทำงานโดยเฉพาะ

บางคนอาจคิดว่าสเปค Intel Core 7 240H กับ NVIDIA GeForce RTX 5050 ค่า TGP 45W มีสมรรถนะไม่สูง พอใช้ทำงานได้แต่เล่นเกมพอทำเนาก็ต้องคิดผิด เพราะ GeForce RTX 50 Series ได้ NVIDIA DLSS 4 กับ Multi Frame Generation และตัดปัญหา Input Lag ด้วย NVIDIA Reflex 2 จึงเล่นเกมระดับ Cyberpunk 2077 บนความละเอียด 1080p เปิดใช้ Path Tracing ได้แน่นอน ถ้าเพิ่ม RAM เป็น 32 GB DDR5 ก็ใช้ได้ดีรอบด้านและไม่ต้องกังวลเรื่องอุณหภูมิภายในเครื่องสูงเกิน เพราะชุดระบายความร้อน Cooler Boost นี้ สามารถคุมอุณหภูมิของชิปเซ็ตทั้งสองตัวนี้ได้อยู่หมัด ไม่ร้อนจนสมรรถนะตกแม้แต่น้อย
กลับกัน MSI Cyborg 15 B2RW มีข้อสังเกต คือ อินเทอร์เฟส PCIe 4.0×4 บนเมนบอร์ดมีแค่ 1 ช่องเท่านั้น เพราะพื้นที่ส่วนอื่นถูกนำไปติดตั้งชิปวงจร IC ต่างๆ จนหมด ถ้าจะอัพเกรดก็ต้องซื้อ SSD ความจุสูงมาเปลี่ยนหรือไม่ก็พ่วง External Drive แทน แถมเวลาใช้งานเต็มกำลัง เสียงของชุดระบายความร้อน Cooler Boost จะดังราว 55~62dB พอกับเสียงพูดของมนุษย์ ถ้าใช้งานในห้องส่วนตัวก็ยังสวมหูฟังแก้ทางได้ แต่ถ้าใช้งานในออฟฟิศหรือ Co-working space แนะนำให้เปิดพัดลมโหมด Auto แทน เพื่อไม่ให้รบกวนผู้อื่นนัก
ข้อดีของ MSI Cyborg 15 B2RW
- ซีพียู Intel Core 7 240H มีสมรรถนะดี ใช้ทำงานและเล่นเกมได้ลื่นไหล
- จีพียูเป็น NVIDIA GeForce RTX 5050 ใช้เล่นเกมบนจอ 1080~1440p ได้
- โปรแกรม MSI Center สามารถโอเวอร์คล็อกซีพียูและจีพียูให้ทำงานได้ดีขึ้น
- ชุดระบายความร้อน Cooler Boost ระบายความร้อนได้ดีมาก
- มี RAM 16GB DDR5 ตั้งต้นมาให้และอัพเกรดเพิ่มได้มากสุด 96GB
- ดีไซน์ตัวเครื่องแปลกใหม่ ทำบอดี้ครึ่งบนโปร่งใสจับคู่คีย์บอร์ด RGB แล้วสวยงาม
- ติดตั้ง Microsoft Office Home and Student 2024 มาให้พร้อมใช้งาน
- พอร์ต USB-C เป็น Full Function ต่อหน้าจอแยกและชาร์จไฟได้พร้อมกัน
- หน้าจอสามารถกางบานพับได้กว้าง 180 องศา และกดปุ่ม Flip-n-Share พลิกจอกลับได้
- รองรับฟีเจอร์ Matrix Display ต่อหน้าจอแยก 2 บานพร้อมกันได้
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้รวดเร็วและเสถียรด้วย Wi-Fi 6E
- ราคาโปรโมชั่นเพียง 34,990 บาท และรุ่นสูงสุดราคา 41,990 บาท เท่านั้น
- ระบบ Battery Boost ช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานด้วยแบตเตอรี่ให้นานขึ้น
- เปิดฝาด้านใต้เพื่ออัพเกรดได้ง่ายพอควร เพียงขันน็อตแล้วดึงเปิดฝาได้ทันที
ข้อสังเกตของ MSI Cyborg 15 B2RW
- มีอินเทอร์เฟส PCIe 4.0 สำหรับ SSD เพียงช่องเดียว ถ้าอัพเกรดต้องใช้ SSD ความจุสูง
- ชุดระบายความร้อน Cooler Boost เวลาทำงานเต็มกำลังเสียงจะค่อนข้างดัง
- หากได้แบตเตอรี่ก้อนใหญ่กว่านี้ราว 60~75Whr จะดีมาก จะได้ใช้งานได้นานขึ้น
รีวิว MSI Cyborg 15 B2RW
- Specification
- Hardware & Design
- Screen & Speaker
- Keyboard & Touchpad
- Connector, Thin & Weight
- Inside & Upgrade
- Performance & Software
- Battery & Heat & Noise
- User Experience
- Conclusion & Award
- Gallery
Specification

MSI Cyborg 15 B2RW เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คซีรีส์คุ้มค่าราคาเป็นมิตรต่อผู้ใช้ และรุ่นล่าสุดนี้ถูกปรับปรุงให้น่าใช้กว่าเดิม ทั้งสเปคใหม่แกะกล่อง, เพิ่มฟีเจอร์น่าใช้เข้ามาหลายอย่าง แถมมีให้เลือกถึง 4 รุ่นย่อยทีเดียว โดยมีรายละเอียดดังนี้
| สเปค / รุ่น | Cyborg 15 B2RWEKG-056TH (เครื่องรีวิว) | Cyborg 15 B2RWEKG-057TH | Cyborg 15 B2RWFKG-058TH | Cyborg 15 B2RWFKG-059TH |
| CPU | Intel Core 7 240H แบบ 10 คอร์ 16 เธรด (6P+4E) ความเร็วสูงสุด 5.2GHz | Intel Core 5 210H แบบ 8 คอร์ 12 เธรด (4P+4E) ความเร็วสูงสุด 4.8GHz | Intel Core 7 240H แบบ 10 คอร์ 16 เธรด (6P+4E) ความเร็วสูงสุด 5.2GHz | Intel Core 5 210H แบบ 8 คอร์ 12 เธรด (4P+4E) ความเร็วสูงสุด 4.8GHz |
| GPU | NVIDIA GeForce RTX 5050 VRAM 8GB GDDR7 TGP 45W | NVIDIA GeForce RTX 5050 VRAM 8GB GDDR7 TGP 45W | NVIDIA GeForce RTX 5060 VRAM 8GB GDDR7 TGP 65W | NVIDIA GeForce RTX 5060 VRAM 8GB GDDR7 TGP 65W |
| Storage | M.2 NVMe SSD 512 GB | M.2 NVMe SSD 512 GB | M.2 NVMe SSD 512 GB | M.2 NVMe SSD 512 GB |
| Memory | 16GB DDR5 บัส 5600MHz รองรับความจุสูงสุด 96GB | 16GB DDR5 บัส 5600MHz รองรับความจุสูงสุด 96GB | 16GB DDR5 บัส 5600MHz รองรับความจุสูงสุด 96GB | 16GB DDR5 บัส 5600MHz รองรับความจุสูงสุด 96GB |
| Display | 15.6″ Full HD พาเนล IPS Refresh Rate 144Hz | 15.6″ Full HD พาเนล IPS Refresh Rate 144Hz | 15.6″ Full HD พาเนล IPS Refresh Rate 144Hz | 15.6″ Full HD พาเนล IPS Refresh Rate 144Hz |
| Software | Windows 11 Home Microsoft Office Home 2024 | Windows 11 Home Microsoft Office Home 2024 | Windows 11 Home Microsoft Office Home 2024 | Windows 11 Home Microsoft Office Home 2024 |
| Connectivity | USB-C 3.2 Gen2 Full Function*1 USB-A 3.2*2 HDMI 2.1*1 LAN*1 Audio combo*1 Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax Bluetooth 5.3 | USB-C 3.2 Gen2 Full Function*1 USB-A 3.2*2 HDMI 2.1*1 LAN*1 Audio combo*1 Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax Bluetooth 5.3 | USB-C 3.2 Gen2 Full Function*1 USB-A 3.2*2 HDMI 2.1*1 LAN*1 Audio combo*1 Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax Bluetooth 5.3 | USB-C 3.2 Gen2 Full Function*1 USB-A 3.2*2 HDMI 2.1*1 LAN*1 Audio combo*1 Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax Bluetooth 5.3 |
| Weight | 2.1 กก. | 2.1 กก. | 2.1 กก. | 2.1 กก. |
| Price | 34,990 บาท (BaNANA) | 28,990 บาท (BaNANA) | 38,490 บาท (BaNANA) | 41,990 บาท |
Hardware & Design







ถ้าใครเป็นเจ้าของ MSI Cyborg รุ่นก่อน จะจำกันได้ว่าโน๊ตบุ๊คซีรีส์นี้มีจุดขายตรงบอดี้ด้านใต้เครื่องกึ่งโปร่งใส กับปุ่ม WASD ใสสว่างให้ไฟ RGB สว่างชัดเจน แต่เมื่อเอาจุดเด่นไปอยู่ด้านใต้ก็ยังไม่เด่นนัก MSI Cyborg 15 B2RW จึงถูกปรับปรุงให้ดึงเสน่ห์ส่วนนั้นออกมาชัดเจนขึ้น โดยใช้ลายเส้นสีขาวเทา “Exoskeletal” วาดไปทั่วบอดี้ส่วนบนรวมถึงขอบบนหน้าจอผสมกับตัวเครื่องโปร่งใสให้เห็นชิ้นส่วนภายในบางจุดชัดเจน เสริมด้วยโลโก้ “Cyborg Heart” เหนือคีย์บอร์ดและติดอยู่มุมล่างขวาของฝาหลังด้วย มีโลโก้ซีพียู, จีพียูและ HDMI ตรงที่วางข้อมือฝั่งซ้ายมุมเดียวเท่านั้น






ก้านบานพับหน้าจอถูกติดตั้งไว้ตั้งฉากกับตัวเครื่องขอบบนเหนือคีย์บอร์ด สังเกตว่าตัวขาตั้งไม่ได้อยู่ระนาบเดียวกับปุ่มคีย์บอร์ดแต่อยู่ในขอบเว้าลึกลงไป ประกอบกับขอบล่างบานหน้าจอโค้งจึงกางได้กว้าง 180 องศา จนราบไปกับพื้นโต๊ะ ภายในเครื่องมีฐานบานพับหน้าจอโลหะขันน็อตล็อคเอาไว้ฝั่งละ 4 ดอก เพื่อความแข็งแรง ทำให้กางหน้าจอด้วยนิ้วมือเดียวได้โดยยกตรงสันขอบบนหน้าจอก็เปิดใช้งานได้ทันที



ฝาหลังของ MSI Cyborg 15 B2RW เทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแบรนด์อื่นจะดูเรียบง่าย ไม่มีลวดลายหรือใส่ไฟ RGB ติดมาให้ มีแค่โลโก้ MSI Dragon ยิงเลเซอร์ฝังไว้ตรงกลางค่อนไปด้านบนและมุมขวาล่างมีโลโก้ “Cyborg Heart” อีกจุดเท่านั้น ดูเผินๆ จะเหมือนโน๊ตบุ๊คทำงานทั่วไปไม่นำสายตามาก ยกเว้นจะเปิดไฟ 4-Zone RGB ก็จะโชว์ความเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คอย่างชัดเจน

ฝาใต้เครื่องถูกขันน็อต Philips Head 12 ดอก ให้ประกอบเป็นชิ้นเดียวกัน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นช่องนำอากาศเย็นเข้าเครื่องไปยังชุดระบายความร้อน Cooler Boost ช่วยระบายความร้อนของชิปเซ็ตได้ดียิ่งขึ้น เสริมด้วยขอบยางกันลื่นและรอยขนแมวแบบสั้น 4 มุม มีก้านพลาสติกเสริมอีก 3 ก้าน เป็นทรงสามเหลี่ยมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงมั่นคงตอนใช้งาน
Screen & Speaker







หน้าจอของ MSI Cyborg 15 B2RW มีขนาด 15.6″ มีความละเอียด Full HD (1920*1080) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz เหมือนโน้ตบุ๊กเล่นเกมราคาคุ้มค่ารุ่นอื่น ขอบหน้าจอด้านข้างทั้งสองฝั่งถูกรีดให้บางเพิ่มพื้นที่แสดงผล ด้านขอบบนตรงกลางจะมีสันหนาขึ้นเล็กน้อยเพื่อติดตั้งกล้องเว็บแคมพร้อมบานชัตเตอร์ไว้สไลด์ปิดแล้วรูกล้องจะเป็นจุดสีแดง ขอบล่างจะหนากว่าส่วนอื่นเพื่อติดตั้งชุดพาเนลแสดงผล ตรงกลางสกรีนโลโก้ MSI เอาไว้




ในหัวข้อ Advanced display ของ Windows 11 จะโชว์ว่าพาเนล IPS จากโรงงาน Chimei Innolux Corporation ของ Cyborg 15 B2RW รองรับ Variable refresh rate 48~144Hz ประกอบกับฟีเจอร์ใหม่จาก Microsoft จะเปิดใช้งาน Dynamic refresh rate ให้ระบบปฏิบัติการปรับค่า Hz ให้เหมาะสมกับแต่ละคอนเทนต์เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานขึ้น
ความสว่างสูงสุดหลังจากการวัดด้วยเครื่อง Calibrite Display Pro HL ได้ 266.65 cd/m2 พอให้ใช้งานในออฟฟิศได้โดยไม่มีปัญหา แต่เวลาเจอแสงอาทิตย์พาดทับหน้าจออาจจะเกิดเงาได้บ้าง สังเกตว่าค่า Whitepoint ของโปรแกรม DisplayCal 3 จะเห็นว่าค่าสีค่อนไปทางเขียวอยู่พอควร แต่ไม่ส่งผลต่อการใช้งานนัก
ขอบเขตสีหน้าจอวัดด้วย DisplayCal3 ได้ขอบเขตสีจริง (Gamut coverage) 63.9% sRGB, 44.5% Adobe RGB, 45.6% DCI-P3 มีขอบเขตสีองค์รวม (Gamut volume) ได้ 64.5% sRGB, 44.5% Adobe RGB, 45.7% DCI-P3 ค่าความเที่ยงตรงสี Delta-E 0.05~0.83 กล่าวคือขอบเขตสีอยู่ในระดับทั่วไปพอให้ใช้ดูหนังฟังเพลงได้ แต่ถ้าทำงานกราฟิคแนะนำให้ต่อหน้าจอแยกขอบเขตสีกว้างเพิ่มจะดีสุด





ลำโพงของ MSI Cyborg 15 B2RW มีกำลังขับดอกละ 2W รวมทั้งสองฝั่งเป็น 4W แต่เสียงดังพอให้ได้ยินชัดเจนทั่วห้องขนาด 13 ตารางเมตรได้สบายมาก เสียงดังสุด 85.4dB มีแรงปะทะหนักแน่น จึงโดดเด่นเป็นพิเศษเวลาเปิดลำโพงเล่นเกมหรือดูภาพยนตร์จะได้อรรถรสมาก ถ้าฟังเพลงจะได้ยินเสียงเบสชัดพอควรและมีแรงปะทะโดยไม่กลืนเสียงเครื่องดนตรีมาก แต่โทนเสียงยังติดไปทาง Flat แต่ก็มีช่อง Audio combo สำหรับต่อลำโพงเพิ่มได้
Keyboard & Touchpad











คีย์บอร์ด Full size ของ MSI Cyborg 15 B2RW มีไฟ 4-Zone RGB สามารถปรับความสว่างได้และเปลี่ยนเอฟเฟคใน MSI Center ได้ตามชอบ มีไฟ RGB ลอดตัวอักษรทั้งภาษาไทยและอังกฤษและขอบด้านข้างแบบใสและยังคงเอกลักษณ์ประจำซีรีส์อย่างปุ่ม WASD กับ Power แบบใสไว้ให้เจ้าของแยกความแตกต่างได้ง่ายขึ้น ช่วยลดโอกาสกดผิดปิดเครื่องโดยไม่ตั้งใจได้ระดับหนึ่ง
น้ำหนักของปุ่มคีย์บอร์ดค่อนข้างนุ่มจึงใช้แรงกดน้อยตอบสนองเร็วพอควร เวลาพิมพ์งานหรือเล่นเกมก็ตอบสนองได้ไวจึงใช้งานได้ดีพอควร มีปุ่มคีย์ลัดแบบกดร่วมกับปุ่ม Fn อยู่ทั้งปุ่มลูกศรทั้ง 4 ปุ่ม รวมถึง Enter ของ Numpad เอาไว้เรียกเครื่องคิดเลข (Calculator) ขึ้นมาคิดบัญชีได้ทันที ถ้ากดกับปุ่ม Print screen จะเรียก Snipping Tool มาบันทึกภาพหรือวิดีโอหน้าจอได้ด้วย
การตั้งค่าคีย์บอร์ดโดยรวมจะอยู่ในโปรแกรม MSI Center เช่น ปิดการทำงานปุ่ม Windows, เปิดเป้าเล็งปืน (Crosshair) ค้างไว้บนหน้าจอ, สลับตำแหน่งปุ่ม Windows กับ Fn เป็นต้น แถมยังตั้งค่า Gaming Mode ให้ตัวเครื่องเปลี่ยนโหมดการทำงานโดยอัตโนมัติได้ เพียงเพิ่มเกมในเครื่องเข้าไปแล้วเซ็ตอัพตามขั้นตอนก็เล่นได้ทันที

Hotkeys บรรทัดบนสุดของ MSI Cyborg 15 B2RW โดยรวมจะมีคำสั่งคล้ายกับโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นในเครือ สามารถกด Fn+ESC เพื่อสลับการทำงานกับ F1~F12 ได้ แต่สังเกตว่าปุ่ม F12 ไม่ได้เว้นว่างเอาไว้แต่เพิ่มคำสั่ง Flip-n-Share ของ Modern Series มาให้เข้ากับบานหน้าจอแบบกางได้ 180 องศา มันจึงทำหน้าที่เป็นโน๊ตบุ๊คทำงานได้ดีทีเดียว ส่วนคำสั่งแต่ละปุ่มจะมีดังนี้
- F1~F3 – ปิด, ลด/เพิ่มเสียงลำโพง
- F4 – ปิดการทำงานทัชแพด
- F5 – ปิดไมโครโฟน ถ้าปิดจะมีไฟสีแดงติดขึ้นมา
- F6 – ปิดการทำงาน Bluetooth
- F7 – เปลี่ยนโหมดการทำงานของตัวเครื่อง
- F8 -ปรับความสว่างไฟคีย์บอร์ด Mystic Light
- F9~F10 – ลด/เพิ่มความสว่างหน้าจอ
- F11 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและเสริม
- F12 – ปุ่ม Flip-n-Share พลิกภาพหน้าจอกลับ 180 องศา


แป้นทัชแพดของ MSI Cyborg 15 ถูกย้ายให้เลื่อนไปทางขวามือเล็กน้อย สังเกตว่าตอนวางมือไว้กับปุ่ม WASD นิ้วโป้งจะไม่พาดขอบแป้นเลย จึงเล่นเกมได้สะดวกขึ้นหรือจะปิดฟังก์ชั่นนี้ไปก็กด Hotkeys ได้ด้วย ตัวแป้นทำงานได้ดีตอบสนองเร็วใช้ Touch gesture ของ Windows 11 ได้ครบถ้วน หากเข้าไปตั้งค่า Touchpad ใน Settings ก็เลือกคำสั่งเฉพาะเพิ่มได้อีก
Connector, Thin & Weight


พอร์ตของ MSI Cyborg 15 B2RW จะมีเพียงด้านข้างเครื่องทั้งสองฝั่งเท่านั้น ด้านหลังเว้นไว้เป็นช่องระบายความร้อนจากพัดลมโบลวเวอร์ สังเกตว่าพอร์ตเชื่อมต่อส่วนใหญ่หนักไปทางขวามือเป็นหลัก เวลาจัดโต๊ะคอมถ้าวางไว้ฝั่งซ้ายของหน้าจอจะเดินสายเก็บความเรียบร้อยได้ง่ายกว่า ด้านช่องการเชื่อมต่อจะมีดังนี้
- ฝั่งซ้ายจากซ้ายมือ – Kensington Lock, LAN RJ45, USB-A 3.2 Gen2
- ฝั่งขวาจากซ้ายมือ – Audio combo, USB-C 3.2 Gen2 Full Function, USB-A 3.2 Gen2, HDMI 2.1 (4K 60Hz), DC-in
- การเชื่อมต่อไร้สาย – Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.3
ถ้าคิดตามว่า Cyborg 15 สามารถต่อหน้าจอแยกแบบ Matrix Display ได้แล้วจะจัดให้ USB-C อยู่ติดกับ HDMI เพื่อให้เดินสายเป็นแนวเดียวก็สมเหตุผล แต่อยากให้สลับตำแหน่ง USB-A 3.2 กับ LAN ให้พอร์ตแบบต่อไว้กับเครื่องทั้งวันรวมเป็นกลุ่มเดียวจะดีกว่า ส่วน Wi-Fi 6E ก็ยังค่อนข้างทันสมัยประกอบกับเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คราคาคุ้มค่าก็ถือว่าสมตัวดี
ส่วนจุดประทับใจคือพอร์ต USB-C DisplayPort ใน MSI Cyborg รุ่นก่อนถูกอัพเกรดเป็นแบบ Full Function ในรุ่นนี้นับเป็นเรื่องดี ทำให้เวลาพกไปทำงานนอกสถานที่หรือเข้าประชุมก็ไม่ต้องพกอะแดปเตอร์ของเครื่องติดตัวเสมอแต่เปลี่ยนเป็นอะแดปเตอร์ GaN 100W แทนได้เลย





ประกอบกับน้ำหนักตัวเครื่อง 2.18 กก. พอดีกับน้ำหนักในหน้าสเปคไม่มีผิด รวมอะแดปเตอร์อีก 500 กรัม จะหนัก 2.69 กก. มีความหนาราว 2.4 ซม. จึงพกใส่กระเป๋าโน๊ตบุ๊คขนาด 15.6″ ไปใช้งานได้ทุกเมื่อ แต่แนะนำให้ใส่กระเป๋าเป้เสมอเพื่อลดปัญหาเรื่อง Office syndrome ตามมาในภายหลัง
Inside & Upgrade





หากต้องการเพิ่ม RAM หรือเปลี่ยน M.2 NVMe SSD ของ MSI Cyborg 15 B2RW เพียงใช้ไขควงแฉก Philips Head ขันน็อต 12 ดอก ออกให้หมด จับตัวเครื่องและกรอบฝาหลังบริเวณช่องระบายความร้อนด้านข้างเครื่องแล้วดึงแยกออกจากกันจะเปิดฝาได้เกือบหมด จะมีจุดต้องใช้การ์ดหรือปิ๊กกีตาร์เพียงแค่มุมบนซ้ายใต้ฐานบานพับหน้าจอเพื่อแกะให้กรอบด้านหลังแยกจากเครื่องเท่านั้น
ภายในจะเห็นว่ามีช่อง M.2 NVMe SSD เพียงช่องหลักตัวเดียวด้านข้างกรอบอลูมิเนียมปิดบน RAM 16 GB DDR5 เท่านั้น เวลาเพิ่มความจุจะต้องซื้อ SSD ความจุ 1~2 TB มาใส่แทนไดรฟ์ตัวเดิม เพราะพื้นที่บนเมนบอร์ดถูกใช้เพื่อติดตั้งชิป IC ต่างๆ ไปจนหมดแล้ว ด้าน RAM รองรับความจุสูงสุด 96 GB เท่ากับโน้ตบุ๊กเล่นเกมของ MSI รุ่นอื่น อาจเพิ่มความจุเป็น 32 GB DDR5 ก็ทำให้เล่นเกมได้ลื่นไหล เปิดโปรแกรมมาทำงานได้หลายตัวพร้อมกันโดยไม่มีปัญหา
Performance & Software





ซีพียู Intel Core 7 240H ของ MSI Cyborg 15 B2RW เป็นรุ่นรองจาก Intel Core Ultra 200 Series แต่ตัดคอร์ประหยัดพลังงานพิเศษ (Low Power Efficient – LPE) กับ NPU สำหรับใช้ประมวลผล AI ออกไป จึงเหลือ 10 คอร์ 16 เธรด แบบ 6 P-cores และ 4 E-cores มีความเร็วสูงสุด 5.2 GHz แต่แม้จะเป็นรุ่นรองแต่สมรรถนะของมันก็ดีพอใช้ทำงานได้รอบด้าน
RAM 16GB DDR5 บัส 5600 MHz ตั้งต้นเป็นแบบ 2*8GB มากพอให้เปิดใช้ทำงานและเล่นเกมชั้นนำและออนไลน์ได้สบายมาก อยากจะอัพเกรดก็รองรับความจุ 96 GB ต่อยอดเป็นโน๊ตบุ๊คทำงานได้ด้วย

จีพียูภายในเครื่องเป็น NVIDIA GeForce RTX 5050 พร้อม VRAM 8GB GDDR7 ค่า TGP 45W มี CUDA 2,560 Unified ไว้ใช้งาน รองรับ Dynamic Boost สำหรับถ่ายเทกำลังประมวลผลระหว่างซีพียูกับจีพียูได้โดยอัตโนมัติ กับ WhisperMode ไว้ลดรอบพัดลมลงเวลาไม่ได้ใช้งานหนักให้เสียงเบาลง รองรับชุดคำสั่งครบถ้วนทั้ง OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan และ Ray Tracing แต่ไม่รองรับ PhysX ตั้งแต่ GeForce RTX 50 Series นี้เป็นต้นไป

ภายในเครื่องมีชิป TPM 2.0 ติดตั้งมาให้ทำงานกับระบบ Windows Hello ของ Windows 11 เพื่อรักษาความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น ในส่วนอื่นสังเกตว่าตัวลำโพงถูกปรับแต่งเสียงให้ดังฟังชัดด้วย DTS มีชิป LAN ผลิตจากโรงงาน Realtek เป็นรุ่นมาตรฐานทั่วไป

ชิป Wi-Fi PCIe เป็น Intel AX211 แบนด์วิดท์กว้าง 160 MHz เชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4 / 5 / 6 GHz ได้ มีความเร็วสูงสุด 2.4 Gbps รองรับ MU-MIMO, OFDMA และ Intel vPro ด้วย จึงเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ดีและมีไดรเวอร์รองรับทั้ง Windows, Linux และ Chrome OS ครบถ้วน
ในการทดสอบวางเครื่องห่างจากจุดกระจายสัญญาณราว 10 เมตร มีประตูไม้อัดกั้น 1 บาน และทดสอบความเร็วกับเว็บไซต์ Speedtest by Ookla จะมีความเร็ว Download 735.81 Mbps และ Upload 712.96 Mbps ค่า Ping 6ms, Download latency 14ms และ Upload latency 31ms ถึงจะไม่ได้เป็นซีรีส์ Intel Killer แต่ก็ใช้งานได้ดีไม่ว่าจะทำงานหรือเล่นเกมก็ได้

M.2 NVMe SSD ใน MSI Cyborg 15 B2RW ใช้ SanDisk SN5000S เป็น SanDisk BiCS6 QLC 3D NAND กับมี Dynamic nCache 4.0 โดยระบบจะเขียนข้อมูลลงใน SLC Cache ก่อนนำไปเขียนใน NAND Flash ภายหลังเพื่อยืดอายุการใช้งาน ประกอบกับ TCG Opal 2.02 เพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลในไดรฟ์ สามารถเขียนอ่านไฟล์ได้ 150 TBW ก่อนเสื่อมสภาพ เมื่ออินเทอร์เฟสเป็น PCIe 4.0×4 จึงมีความเร็วสูง ทดสอบกับ CrystalDiskMark 9.0.1 เทียบความเร็วกับสเปคจากโรงงานเป็นดังนี้
| สเปค / ความเร็ว Sequential | Read (MB/s) | Write (MB/s) |
| สเปคเคลมโรงงาน | 6,200 | 4,200 |
| Sequential | 6,337.57 | 4,377 |
| RND4K | 1,004.57 | 475.53 |
ผลการทดสอบจะเห็นว่า SanDisk SSD ทำความเร็วได้ตามการเคลมสเปคแล้ว ยังมีอุณหภูมิรวม 67 องศาเซลเซียส ด้านคอนโทรลเลอร์สูงสุด 87 องศาเซลเซียส ไม่ต้องห่วงว่าไดรฟ์จะเสื่อมสภาพเร็วนัก แต่ความจุ 512 GB พอติดตั้งไปไม่กี่เกมก็เต็มไดรฟ์แล้ว ดังนั้นถ้าจะอัพเกรดให้มีความจุมากขึ้น อาจซื้อ ADATA LEGEND 860, WD Black SN7100 หรือ SAMSUNG 990 EVO PLUS มาเปลี่ยนก็ได้ แต่แนะนำให้ซื้อความจุ 1~2 TB ก็จะดีมาก







MSI Cyborg 15 B2RW จากการทดสอบกับโปรแกรม Benchmark ตระกูล 3DMark แต่ละเวอร์ชั่นจะเห็นผลชัดเจนว่าเครื่องนี้เหมาะจะเล่นเกมบนความละเอียด 1080~1440p เป็นหลัก แต่ตั้งค่ากราฟิคระดับ High และใช้งาน Ray Tracing ได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่เหมาะกับ 2160p นักและ VRAM 8GB GDDR7 ไม่พอใช้งานแน่นอน โดยคะแนนของแต่ละการทดสอบเป็นดังนี้
- Fire Strike (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด Full HD ใช้ DirectX 11 API) – คะแนนเฉลี่ย 16,455 คะแนน แยกเป็น Graphics score 20,638 คะแนน, Physics score 20,482 คะแนน, Combined score 5,846 คะแนน
- Fire Strike Extreme (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด QHD ใช้ DirectX 11 API) – คะแนนเฉลี่ย 9,175 คะแนน แยกเป็น Graphics score 9,665 คะแนน, Physics score 20,284 คะแนน, Combined score 4,169 คะแนน
- Fire Strike Ultra (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด UHD ใช้ DirectX 11 API) – คะแนนเฉลี่ย 4,700 คะแนน แยกเป็น Graphics score 4,560 คะแนน, Physics score 20,559 คะแนน, Combined score 2,441 คะแนน
- Time Spy (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด QHD ใช้ DirectX 12 API) – คะแนนเฉลี่ย 7,471 คะแนน แยกเป็น CPU score 8,811 คะแนน Graphics score 7,276 คะแนน
- Time Spy Extreme (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด UHD ใช้ DirectX 12 API) – คะแนนเฉลี่ย 3,466 คะแนน แยกเป็น CPU score 4,042 คะแนน Graphics score 3,381 คะแนน
- Solar Bay (ทดสอบการเรนเดอร์ Ray Tracing ว่ารันได้ดีต่อเนื่องหรือไม่ แต่ละ section การทดสอบจะเพิ่มรายละเอียดให้ใช้กำลังจีพียูมากขึ้น) – คะแนนเฉลี่ย 31,510 คะแนน, Graphics test 119.81 FPS / Section 1 ได้ 124.95 FPS / Section 2 ได้ 121.12 FPS / Section 3 ได้ 112.32 FPS
- Steel Nomad (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด UHD ใช้ DirectX 12 API) – คะแนนเฉลี่ย 1,608 คะแนน ได้ Graphics test 16.09 FPS



ผลจากการทดลองเล่นเกมด้วย MSI Cyborg 15 B2RW และโน๊ตบุ๊คการ์ดจอแยก GeForce RTX 5050 จะเหมาะกับความละเอียด 1080p มาก ถึงจะเป็นรุ่น TGP 45W และไม่ใช้ NVIDIA DLSS Upscaling ก็ยังได้เฟรมเรทเฉลี่ยราว 30 FPS ขึ้นไป ถ้าเสริมด้วย DLSS Quality จะได้เฟรมเรทเพิ่มขึ้นจนถึงหรือเกิน 60 FPS ได้สบายมาก ยกเว้นบางเกมถ้าไม่ได้ Optimize ให้ดี จำเป็นต้องพึ่ง Frame Generation ขั้นต่ำ 2X ขึ้นไป โดยประสบการณ์เล่นแต่ละเกมเป็นดังนี้
- Cyberpunk 2077 – โดยพื้นฐานสามารถเล่นได้ดีแม้จะตั้งค่ากราฟิคสูงสุดทุกตัวเลือกแล้วและไม่ใช้ Upscaling ช่วย แต่ถ้าเปิดใช้งานด้วยภาพจะลื่นไหลและเฟรมเรทเวลายิงปะทะต่อสู้จะช่วยลดอาการเฟรมเรทตกวูบได้ แต่ถ้าใช้ Ray Tracing, Path Tracing ควรเปิด Frame Generation ขั้นต่ำ 2X จะได้ภาพลื่นไหลแล้วและเปิด NVIDIA Reflex ไว้เสมอ
- Hogwarts Legacy – ตัวเกมเล่นได้ไหลลื่นและไม่มีปัญหาเวลาเล่นแล้วต้องปะทะมอนสเตอร์หรือเดินทางไปมาในฉากขนาดใหญ่ ถ้าเปิด NVIDIA DLSS Quality เสริม จะเล่นได้ดีมาก แต่ถ้าหันหน้าจอเร็วอาจเกิดอาการเฟรมเรทตกกะทันหันบ้าง
- Forza Horizon 5 – ตัวเกมไม่จำเป็นต้องเปิด Upscaling ก็เล่นได้ดีทีเดียวและถ้าเปิดเพพิ่มภาพจะลื่นไหลขึ้นแถมเฟรมเรทต่ำสุดเวลาเจอฉากฝุ่นมาก, แสงเงาหรือลุยน้ำก็ไม่มีปัญหา ช่วยให้ตอนเล่นแข่งขันทำภารกิจต่างๆ สามารถควบคุมรถได้ดีขึ้นมาก ถ้าจะเล่นบนจอ 1440p จะเปิด Frame Generation เสริมก็ยิ่งเล่นได้ดีขึ้น
- Monster Hunter Wilds – อัพเดทปัจจุบันถึงจะเปิด DLSS Quality ช่วย ก็ยังพอเล่นได้ แต่ภาพยังหน่วงเพราะตัวเกมต้องการ VRAM มากและควรใช้ Frame Generation เสมอ ถ้าอยากให้เล่นได้ดีควรลดกราฟิคจากสูงสุดลงมาหนึ่งขั้นและใช้ DLSS Balanced รวมกับ Frame Generation จะเล่นได้ดี
- God of War – ตัวเกมถูก Optimize มาดีแล้ว ถึงตั้งค่ากราฟิคสูงสุดก็ยังเล่นได้ดีต่อเนื่อง ถ้าเปิด NVIDIA DLSS Quality ก็ทำให้เฟรมเรทเสถียรและแตะ 60 FPS ได้แล้วภาพต่อเนื่องขึ้น ถ้าลดมาเหลือ Balanced หรือ Performance ก็ขยับขึ้นไปเล่นบนจอ 1440p ได้
- Black Myth: Wukong – จำเป็นต้องใช้ NVIDIA DLSS และใช้ Frame Generation เพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นไหล และควรใช้การตั้งค่า Texture ระดับ High~Very High เพราะผู้พัฒนาไม่ได้ Optimize เกมนัก
- Call of Duty: Modern Warfare II – ผ่านการ Optimize มาพอควรจึงเล่นได้ดีมากแม้ไม่ใช้ NVIDIA DLSS ช่วย แต่ถ้าต้องการเร่งเฟรมเรทให้สูงขึ้นแล้วเพิ่มเฟรมเรทต่ำสุดเวลาปะทะศัตรูหรือเจอระเบิดให้ใช้ DLSS Quality จะช่วยได้มาก



ถ้าใช้ MSI Cyborg 15 B2RW เป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน นอกจากงานออฟฟิศก็ทำกราฟิคได้ด้วย ยิ่งเป็นการทำงานกราฟิคตัดต่อแต่งภาพก็ไม่มีปัญหา โดยคะแนนกำลังประมวลผลของซีพียูเมื่อทดสอบกับ CINEBENCH แต่ละเวอร์ชั่นจะเห็นว่า Intel Core 7 240H ทำงานได้ดีทีเดียว
- 2024 – ใช้ทดสอบประสิทธิภาพของซีพียูกับจีพียูอย่างหนักพร้อมกันโดยใช้เอนจิ้น Redshift สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนต์ ได้ CPU (Multi-Core) 611 pts และ CPU (Single Core) 114 pts
- R23 – ใช้ทดสอบพลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก มีความละเอียดและแม่นยำสูง ได้คะแนน Multi Core 11,731 pts และ Single Core อีก 1,902 pts
- R20 – ใช้ทดสอบกำลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก ได้คะแนน CPU 4,621 pts


รวมถึงใช้ปั้นโมเดล 3D ด้วย Blender แม้ซีพียูจะไม่สูงมาก แต่จีพียูกลับเรนเดอร์โมเดลได้ถึงหลักพัน Sample ภายใน 1 นาที ดังนั้นจะใช้ปั้นโมเดลเวลาทำงานหรือเรียนก็ไม่มีปัญหา แนะนำว่าเพิ่ม RAM เป็น 32 GB จะใช้ทำงานสะดวกขึ้น
| Test / Sample (ยิ่งมากยิ่งดี) | Intel Core 7 240H | NVIDIA GeForce RTX 5050 |
| monster | 74 | 1,202 |
| junkshop | 51 | 795 |
| classroom | 37 | 670 |




การทดสอบกับโปรแกรมตระกูล Geekbench ทุกเวอร์ชั่นของ MSI Cyborg 15 B2RW ถือว่าได้คะแนนดีพอควร ซึ่ง Intel Core 7 240H สามารถใช้งานทั่วไปและทำ Machine Learning ได้ระดับหนึ่ง ซึ่งผลคะแนนแต่ละการทดสอบเป็นดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าซีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer ได้รวดเร็วหรือไม่ ถ้าเป็น Single-Core ทำได้ 2,506 คะแนน และ Multi-Core ได้ 9,324 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX CPU – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 2,673 คะแนน
- Geekbench AI – คำนวณว่าซีพียูสามารถรันการทำงานกับโปรแกรม AI ต่างๆ ได้แม่นยำหรือรวดเร็วหรือไม่ แบ่งเป็น Single Precision เน้นความเที่ยงตรง, Half precision เน้นความเร็วมากขึ้นและลดความแม่นยำลง และ Quantized Score เน้นความเร็วแต่ไม่แม่นยำนัก
- ONNX ได้คะแนน Single Precision 2,612 คะแนน, Half precision 1,190 คะแนน และ Quantized Score 5,386 คะแนน
- OpenVINO ได้ Single Precision 3,237 คะแนน, Half precision 3,322 คะแนน และ Quantized Score 7,676 คะแนน





ผลการทดสอบของจีพียู Intel Graphics จะได้คะแนนดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าจีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- OpenCL, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบ vector integer ด้วย OpenCL framework ทำได้ 12,144 คะแนน
- Vulkan, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer ด้วย Vulkan framework ทำได้ 82,250 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX DirectML – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 2,008 คะแนน
- Geekbench AI ทดสอบว่าสามารัน AI ได้ดีหรือไม่
- ONNX DirectML – Single Precision 2,472 คะแนน, Half precision 2,500 คะแนน และ Quantized Score 1,603 คะแนน
- OpenVINO – Single Precision 3,717 คะแนน, Half precision 5,205 คะแนน และ Quantized Score 8,286 คะแนน




สุดท้ายจีพียู NVIDIA GeForce RTX 5050 แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นแต่ก็ทำงานได้ดีพอควร โดยคะแนนแต่ละการทดสอบเป็นดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าจีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- OpenCL, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer ด้วย OpenCL framework ทำได้ 81,285 คะแนน
- Vulkan, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer เป็นหลักด้วย Vulkan framework ทำได้ 15,748 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX DirectML – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 10,155 คะแนน
- Geekbench AI ทดสอบว่าสามารัน AI ได้ดีหรือไม่
- ONNX DirectML – Single Precision 13,065 คะแนน, Half precision 26,432 คะแนน และ Quantized Score 10,659 คะแนน














การตั้งค่าฟังก์ชั่นทั้งหมดของ MSI Cyborg 15 B2RW จะรวมอยู่ในซอฟท์แวร์ MSI Center ซึ่งติดตั้งมาให้โน๊ตบุ๊ค MSI ทุกเครื่องอยู่แล้ว แต่จะมีรายละเอียดแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น อย่างเครื่องนี้ในหัวข้อ Extreme Performance จะมีรูปฟันเฟืองให้โอเวอร์คล็อคจีพียูได้และตั้งรูปแบบการทำงานของพัดลมระบายความร้อนให้เข้าสู่โหมด Cooler Boost เพื่อคุมอุณหภูมิให้ไม่ร้อนเกินไป นอกจากนี้ยังตั้งค่าไฟคีย์บอร์ด 4-Zone RGB, ปุ่มต่างๆ รวมถึงอัพเดทเฟิร์มแวร์และไฟล์ BIOS ได้ด้วย แนะนำให้เปิดเช็คเดือนละครั้งจะดีสุด
Battery & Heat & Noise



แบตเตอรี่ของ MSI Cyborg 15 B2RW เป็นแบบลิเธียมโพลีเมอร์ ความจุ 55Whr (3,570mAh) เมื่อวัดแบบ Typical capacity ถ้าเป็น Rated capacity ได้ 54Whr (3,500mAh) มากไล่เลี่ยกับโน้ตบุ๊กเล่นเกมราคาประหยัดในปัจจุบัน แต่ถ้าได้ความจุเพิ่มเป็น 60Whr ขึ้นไปจะดีมาก

พอทดสอบโดยเปิดโหมด Battery Boost ใน MSI Center แล้วรีบูต MSI Cyborg 15 B2RW ให้ทำงานในโหมดการ์ดจอแยก เปิดโหมด ECO-Silent ลดความสว่างหน้าจอเหลือ 50% และเปิดลำโพงดังเพียง 10% แล้วดูคลิป YouTube นาน 30 นาทีด้วย Microsoft Edge จะใช้งานได้ราว 2 ชม. 21 นาที นานพอจะนำเข้าไปใช้ในห้องประชุมได้ แต่ถ้าเป็นระดับ Town hall ให้เตรียมพาวเวอร์แบงค์หรืออะแดปเตอร์ GaN 100W เผื่อไว้จะช่วยยืดระยะเวลาใช้งานให้นานขึ้น ซึ่งในส่วนนี้คาดว่าต้องรอการอัพเดท BIOS และเฟิร์มแวร์จาก Intel และ MSI ในภายหลังก็จะใช้งานได้นานกว่านี้












จุดน่าสนใจของชุดระบายความร้อน Cooler Boost ของ MSI Cyborg 15 B2RW เป็นแบบพัดลมเดี่ยวพร้อมฮีตไปป์ 3 เส้น พาดผ่านชิปเซ็ตทั้งสองตรงไปยังฮีตซิ้งค์แล้วใช้พัดลมโบลวเวอร์เพียงตัวเดียวดันลมร้อนออกจากเครื่องไปได้อย่างรวดเร็วและทำได้ค่อนข้างดี อุณหภูมิพื้นผิวโซนฝั่งซ้ายคีย์บอร์ดซึ่งวางมือเล่นเกมเป็นประจำจะไม่ร้อนมาก แต่ฝั่งขวาจะร้อนกว่าจนเกือบถึง 41 องศาเซลเซียส
กลับกันภายชิ้นส่วนในเครื่องเมื่อใช้โปรแกรมเบิร์นอุณหภูมิแล้วเช็คด้วย CPUID HWMonitor จะมีอุณหภูมิใกล้เคียงกับชิ้นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ แต่จุดน่าสนใจคือ CPU Package มีความร้อนสูงสุดแตะเพียง 90 องศาเซลเซียสเท่านั้น
| ชิ้นส่วน / อุณหภูมิ | ต่ำสุด (เซลเซียส) | สูงสุด (เซลเซียส) |
| CPU Package | 45 | 90 |
| CPU P-Cores | 42 | 87 |
| CPU E-Cores | 45 | 80 |
| RAM (1) | 39.5 | 59.3 |
| RAM (2) | 38.5 | 56.8 |
| SSD Assembly | 39 | 67 |
| SSD Sensor 1 (Controller) | 40 | 87 |
| SSD Sensor 2 (NAND) | 39 | 67 |
| GPU Chipset | 40.4 | 58.7 |
| GPU Memory | 50 | 66 |

เรื่องของเสียงเวลาเบิร์นเครื่องแล้วเปิดโหมดพัดลมระบายความร้อน Cooler Boost แล้ว จะวัดเสียงได้ระดับ 55.9dB เทียบแล้วเท่ากับเสียงตอนฝนตกหนักสักหน่อย แต่โทนเสียงยังไม่บาดหูนัก ถ้าใช้โหมดนี้เวลาเล่นเกมในบ้านก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าอยู่ในออฟฟิศแนะนำให้เปิดโหมด Auto จะดีกว่าและไม่รบกวนผู้อื่นด้วย
User Experience

MSI Cyborg 15 B2RW ยังเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คราคาเป็นมิตรต่อผู้ใช้หลายกลุ่ม ทั้งเกมเมอร์ที่มีงบประมาณจำกัด, ครีเอเตอร์มือใหม่, กราฟิคดีไซน์, โปรแกรมเมอร์ ฯลฯ และยังคงราคาเอาไว้ระดับ 30,000~40,000 บาท เหมือนตอนเปิดตัวซีรีส์นี้ครั้งแรก แถมยังอัพเดทสเปคให้ใหม่ล่าสุดอยู่เสมอจึงน่าใช้มาก แถมถูกปรับแต่งฟีเจอร์ให้ดีขึ้นทั้งได้ USB-C Full Function แทน DisplayPort จึงใช้ USB Hub ต่อเครื่องใช้งานได้ทันทีและรองรับฟีเจอร์ Matrix Display จึงเอาจออีกบานต่อ HDMI เพิ่มพื้นที่ Desktop ได้อีกพอควร
ฟีเจอร์ที่หยิบยืมจาก Modern Series มาใส่แล้วทำให้ MSI Cyborg 15 B2RW ครบเครื่องขึ้น คือ ก้านบานพับหน้าจอแบบกางได้กว้างจนขนานไปกับพื้นโต๊ะกับปุ่ม Flip-n-Share และแถม Microsoft Office Home 2024 มาให้พร้อมใช้งาน เปิดเครื่องมา Sign in เคลมสิทธิ์ใช้งานได้เลย แต่ถ้าเป็นสายเดินทางไปทำงานนอกสถานที่หรือเข้าประชุมเป็นประจำแนะนำให้มีพาวเวอร์แบงค์หรืออะแดปเตอร์ GaN 100W เผื่อไว้สักหน่อยจะได้ใช้งานได้อุ่นใจ ไม่ต้องเสี่ยงลืมเซฟไฟล์งานนาทีสุดท้ายด้วย

งานหลักอย่างการเล่นเกมก็ถือว่าดีพอควร แต่แนะนำให้เล่นบนจอความละเอียด 1080p เป็นหลักเพราะจีพียู NVIDIA GeForce RTX 5050 แม้จะมี Multi Frame Generation พอให้เล่นบนจอ 1440p ได้ก็จริง แต่ VRAM 8GB GDDR7 จึงเปิด Texture ในเกมชั้นนำระดับสูงสุดไม่ไหว โดยเฉพาะแนว Open World นอกจากในกราฟการทดสอบแล้ว ถ้าเป็นเกมแนวนี้แนะนำให้ลดลงมาอยู่ระดับ High แล้วเปิด Frame Generation 2X จะเล่นได้แน่นอน เวลาเครื่องโหลด Resource ในเกมมาใช้บางครั้งเฟรมเรทจะได้ไม่ลดหรือหน่วงเกินไป
อย่างไรก็ตาม MSI Cyborg 15 B2RW ยังคงมีอินเทอร์เฟส PCIe 4.0×4 สำหรับ M.2 NVMe SSD เพียงช่องเดียว ถ้าจะซื้อไว้เล่นเกมแนะนำให้อัพเกรดเป็น 1TB ตั้งแต่ต้น จะได้ติดตั้งเกมได้มากขึ้นแล้วจะเพิ่ม RAM 32 GB ไปเลยก็เหมาะเหมือนกัน และแนะนำให้ใช้พัดลมโหมด Cooler Boost เวลาอยู่ในห้องส่วนตัวจะดีสุด ในออฟฟิศหรือสถานที่สาธารณะแนะนำให้เปิดโหมด Auto กับ Extreme Performance ก็ทำงานและเล่นเกมได้ลื่นไหลดีทีเดียว
Conclusion & Award

นอกจากความสวยและราคาคุ้มค่าเป็นมิตรต่อกระเป๋าเงิน MSI Cyborg 15 B2RW ก็ใช้งานได้ดีรอบด้าน ทั้งเล่นเกมชั้นนำได้ลื่นไหลด้วย Multi Frame Generation ถ้าตั้งค่าโดยละเอียดก็เล่นบนความละเอียด 1440p ได้โดยไม่มีปัญหา แถมได้ฟีเจอร์ที่ยกมาจากโน๊ตบุ๊คสายทำงานในเครือหลายอย่าง จึงพกคอมไปทำงานแล้วกลับบ้านมาไต่แรงค์ในเกมได้สบายๆ
ข้อดีคือ Cyborg 15 มีให้เลือกถึง 4 รุ่นย่อย จะซื้อไว้ทำงานก็มีรุ่นราคาประหยัดไม่เกิน 30,000 บาท หรือเน้นเล่นเกมเอาการ์ดจอแรงก็มีรุ่น GeForce RTX 5060 ให้เป็นเจ้าของกับราคาไม่ถึง 40,000 บาท เป็นมิตรเกมเมอร์งบจำกัดจนถึงคนเน้นสเปคแรงคุ้มค่าตัวจะเก็บซีรีส์นี้ไว้เป็นตัวเลือกก็ไม่ผิดหวังแน่นอน
Award


Best Features
เมื่อ MSI เอาฟีเจอร์จากโน๊ตบุ๊คทำงานมาใส่โน้ตบุ๊กเล่นเกมอย่างพอเหมาะพอดี ก็จะได้ผลลัพธ์เป็น MSI Cyborg 15 B2RW ซึ่งใช้เล่นเกมชั้นนำในปัจจุบันได้ดี แถมยังพกไปทำงานออฟฟิศได้เยี่ยมไม่แพ้กับโน๊ตบุ๊คทำงานเครื่องหนึ่งแม้แต่น้อย
Best Value
MSI Cyborg 15 B2RW ราคา 34,990 บาท นอกจากได้ฟีเจอร์ใช้งานครบเครื่องแล้วสเปคก็ดีพอเล่นเกมชั้นนำในปัจจุบันได้สบาย จะอัพเกรดต่อก็ว่าไปตามต้องการได้ แถมยังมีรุ่นเริ่มต้นราคาไม่เกิน 30,000 บาทอีก นับเป็นรุ่นคุ้มค่าราคาเป็นมิตรได้สบายมาก
Gallery
















